พบผลลัพธ์ทั้งหมด 645 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1867/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับอุทธรณ์ไม่ถือเป็นการรับรองการอุทธรณ์ข้อเท็จจริง
การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ "รับเป็นอุทธรณ์" นั้นจะถือว่าได้รับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงในคดีมโนสาเร่ยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1867/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับอุทธรณ์ไม่ใช่การรับรองการวินิจฉัยข้อเท็จจริง
การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ว่า "รับเป็นอุทธรณ์"นั้นจะถือว่าได้รับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงในคดีมโนสาเร่ยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีตามมาตรา 293 วรรคท้าย ต้องเป็นการฟ้องคดีเรื่องอื่นที่อาจนำมาหักกลบลบหนี้ได้
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 วรรคท้าย จะบัญญัติไว้ว่า คำสั่งของศาลที่สั่งงดการบังคับคดีไว้ภายในระยะเวลาที่เห็นสมควร นั้น คำสั่งเช่นว่านี้ให้เป็นที่สุดก็ตามแต่ถ้าคู่ความจะอุทธรณ์หรือฎีกาขึ้นมาว่า ศาลนำเอามาตรา 293 มาใช้บังคับไม่ถูกต้อง เพราะกรณีมิได้เป็นไปตามบทบัญญัติของวรรคแรกแห่งมาตรานั้นเช่นนี้คู่ความนั้นย่อมอุทธรณ์ฎีกาได้อย่างเดียวกันกับบทบัญญัติที่ห้ามอุทธรณ์คดีมโนสาเร่แม้ศาลชั้นต้นจะชี้ขาดว่าเป็นคดีมโนสาเร่ และพิพากษาให้คู่ความฝ่ายหนึ่งแพ้คดีไปแล้วคู่ความฝ่ายนั้นก็ย่อมจะอุทธรณ์โต้เถียงได้ว่าคดีนั้น หาใช่คดีมโนสาเร่ไม่
ศาลจะสั่งงดการบังคับคดีไว้ตามมาตรา 293 ได้โดยเหตุ'ที่ตนได้ยื่นฟ้องเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นคดีเรื่องอื่นในศาลเดียวกันนั้นฯลฯ เพราะสามารถจะหักกลบลบหนี้กันได้' แสดงให้เห็นว่า การฟ้องคดีใหม่นั้นต้องเป็นการฟ้องเรื่องอื่น ซึ่งเมื่อชนะคดีแล้ว อาจนำเอาหนี้ตามคำพิพากษานั้นมาหักกลบลบหนี้กับหนี้ตามคำพิพากษาในคดีเรื่องแรกได้
ในกรณีที่ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 3 เป็นลูกหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาในฐานะผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ครั้นโจทก์บังคับคดีเอากับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ไปฟ้องโจทก์ขอให้ศาลแสดงว่า จำเลยหลุดพ้นจากฐานะผู้ค้ำประกัน ดังนี้ไม่ใช่เป็นการฟ้องคดีเรื่องอื่น จึงไม่อาจจะบังคับตามมาตรา 293 ได้
ศาลจะสั่งงดการบังคับคดีไว้ตามมาตรา 293 ได้โดยเหตุ'ที่ตนได้ยื่นฟ้องเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นคดีเรื่องอื่นในศาลเดียวกันนั้นฯลฯ เพราะสามารถจะหักกลบลบหนี้กันได้' แสดงให้เห็นว่า การฟ้องคดีใหม่นั้นต้องเป็นการฟ้องเรื่องอื่น ซึ่งเมื่อชนะคดีแล้ว อาจนำเอาหนี้ตามคำพิพากษานั้นมาหักกลบลบหนี้กับหนี้ตามคำพิพากษาในคดีเรื่องแรกได้
ในกรณีที่ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 3 เป็นลูกหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาในฐานะผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ครั้นโจทก์บังคับคดีเอากับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ไปฟ้องโจทก์ขอให้ศาลแสดงว่า จำเลยหลุดพ้นจากฐานะผู้ค้ำประกัน ดังนี้ไม่ใช่เป็นการฟ้องคดีเรื่องอื่น จึงไม่อาจจะบังคับตามมาตรา 293 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1691/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเครื่องหมายการค้า: ปัญหาข้อกฎหมายเรื่องการเลียนเครื่องหมายที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินผิด
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเครื่องหมายมีลักษณะต่างกันศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยอ้างว่าเครื่องหมายโจทก์จำเลยต่างกัน มาก เมื่อปรากฎว่าคู่ความรับกันในรูปเครื่องหมายแล้ว คงเถียงกันว่าจะเป็นการเลียนหรือไม่ จึงเป็นปัญหาในข้อกฎหมาย คู่ความย่อมอุทธรณ์ฎีกาต่อไปได้
ศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์โดยเห็นว่าต้องห้าม ศาลฎีกาเห็นว่าอุทธรณ์เป็นปัญหากฎหมายไม่ต้องห้าม ก็ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่
ศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์โดยเห็นว่าต้องห้าม ศาลฎีกาเห็นว่าอุทธรณ์เป็นปัญหากฎหมายไม่ต้องห้าม ก็ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1691/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลียนเครื่องหมายการค้า: ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้พิจารณาใหม่ในประเด็นข้อกฎหมาย
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์จำเลยต่อสู้ว่า เครื่องหมายมีลักษณะต่างกัน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยอ้างว่าเครื่องหมายโจทก์จำเลยต่างกันมาก เมื่อปรากฏว่าคู่ความรับกันในรูปเครื่องหมายแล้ว คงเถียงกันว่าจะเป็นการเลียนหรือไม่ จึงเป็นปัญหาในข้อกฎหมาย คู่ความย่อมอุทธรณ์ฎีกาต่อไปได้
ศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์โดยเห็นว่า ต้องห้าม ศาลฎีกาเห็นว่าอุทธรณ์เป็นปัญหากฎหมายไม่ต้องห้าม ก็ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่
ศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์โดยเห็นว่า ต้องห้าม ศาลฎีกาเห็นว่าอุทธรณ์เป็นปัญหากฎหมายไม่ต้องห้าม ก็ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 91/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมโนสาเร่และขอบเขตการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คดีมโนสาเร่ที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง และไม่เข้าข้อยกเว้นนั้นหากศาลชั้นต้นไม่รับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงแล้วศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องสั่งยก เมื่อเป็นอุทธรณ์ในข้อกฎหมายศาลอุทธรณ์จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น นอกจากศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดกฎหมาย
หากศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงกลับศาลชั้นต้นแล้วขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238 ศาลฎีกาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ตามรูปเรื่อง
หากศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงกลับศาลชั้นต้นแล้วขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238 ศาลฎีกาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ตามรูปเรื่อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องยกประเด็นที่เคยยกขึ้นว่ากล่าวในศาลล่างเท่านั้น การยกประเด็นใหม่ในฎีกาเป็นเหตุต้องห้าม
คดีมโนสาเร่ฎีกาได้ฉะเพาะปัญหาข้อกฎหมาย และจะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องยกประเด็นข้อกฎหมายที่ศาลชั้นต้น/อุทธรณ์วินิจฉัยแล้วเท่านั้น การยกประเด็นใหม่ขัดต่อกฎหมาย
คดีมโนสาเร่ฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย และจะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีขับไล่บริวารผู้เช่า: จำเลยอ้างเป็นผู้เช่าเอง ถือเป็นคดีมโนสาเร่
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยซึ่งเป็นบริวารของผู้เช่าออกจากห้องเช่าอันมีราคาค่าเช่าเดือนละ 6 บาท จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยเป็นผู้เช่าเอง หาได้ต่อสู้กรรมสิทธิ์หรือเถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่าไม่ จึงเป็นคดีมโนสาเร่ อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536-560/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับอุทธรณ์และการโต้แย้งประเด็นนอกเหนือจากที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในชั้นฎีกา
การที่โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์คัดค้านว่าอุทธรณ์ของจำเลยเป็นโมฆะเพราะมีจำเลย 5 ราย ไม่ได้เซ็นชื่อในใบแต่งทนายนั้น เมื่อปรากฏในสำนวนว่าศาลชั้นต้นได้เรียกจำเลยสอบสวนแล้ว ว่าจำเลยทั้ง 5 ได้เซ็นชื่อในใบแต่งทนาย มิใช่ลายเซ็นปลอมดังนี้ ศาลอุทธรณ์ ก็มิจำต้องสั่งคำร้องของของโจทก์นั้นประการใดอีก
การที่โจทก์กับทนายจำเลยทำสัญญาประนีประนอมกัน โดยให้โจทก์ถอนฟ้องคดีอาญาเรื่องปลอมหนังสือ แล้วจำเลยจะถอนฟ้องอุทธรณ์คดีนั้นโจทก์ได้ถอนฟ้องคดีอาญาแล้วและทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์ แต่ตัวจำเลยได้ทำคำร้องขอถอนทนายเสียและไม่ยอมถอนฟ้องอุทธรณ์นั้น ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องอุทธรณ์ได้
จำเลยหลายสำนวน ซึ่งศาลชั้นต้นได้รวมพิจารณาและพิพากษาฉบับเดียวได้ยื่นฟ้องอุทธรณ์รวมมาฉบับเดียวกัน ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นอุทธรณ์ ส่งสำเนาให้โจทก์ แม้จะปรากฏว่าคดีทั้งหมดนี้เป็นคดีสามัญเพียง 2 สำนวน นอกนั้นเป็นคดีมโนสาเร่ อันคู่ความจะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงไม่ได้ก็ดี แต่เมื่อโจทก์มิได้คัดค้านโต้แย้งความข้อนี้ในชั้นอุทธรณ์จนกระทั่งศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นเหตุให้คดีฎีกาขึ้นมาได้ เพราะไม่ต้องห้ามแล้วเช่นนี้ โจทก์จะโต้แย้งในชั้นศาลฎีกา ให้ศาลฎีกากลับไปพิจารณาถึงการรับอุทธรณ์ว่าเป็นการชอบหรือไม่ชอบไม่ได้ เพราะไม่มีประเด็นข้อนี้ในชั้นศาลฎีกาแล้ว
การที่โจทก์กับทนายจำเลยทำสัญญาประนีประนอมกัน โดยให้โจทก์ถอนฟ้องคดีอาญาเรื่องปลอมหนังสือ แล้วจำเลยจะถอนฟ้องอุทธรณ์คดีนั้นโจทก์ได้ถอนฟ้องคดีอาญาแล้วและทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์ แต่ตัวจำเลยได้ทำคำร้องขอถอนทนายเสียและไม่ยอมถอนฟ้องอุทธรณ์นั้น ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องอุทธรณ์ได้
จำเลยหลายสำนวน ซึ่งศาลชั้นต้นได้รวมพิจารณาและพิพากษาฉบับเดียวได้ยื่นฟ้องอุทธรณ์รวมมาฉบับเดียวกัน ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นอุทธรณ์ ส่งสำเนาให้โจทก์ แม้จะปรากฏว่าคดีทั้งหมดนี้เป็นคดีสามัญเพียง 2 สำนวน นอกนั้นเป็นคดีมโนสาเร่ อันคู่ความจะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงไม่ได้ก็ดี แต่เมื่อโจทก์มิได้คัดค้านโต้แย้งความข้อนี้ในชั้นอุทธรณ์จนกระทั่งศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นเหตุให้คดีฎีกาขึ้นมาได้ เพราะไม่ต้องห้ามแล้วเช่นนี้ โจทก์จะโต้แย้งในชั้นศาลฎีกา ให้ศาลฎีกากลับไปพิจารณาถึงการรับอุทธรณ์ว่าเป็นการชอบหรือไม่ชอบไม่ได้ เพราะไม่มีประเด็นข้อนี้ในชั้นศาลฎีกาแล้ว