พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1181/2564
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกักตัวคนต่างด้าวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย สถานที่กักขังไม่เหมาะสม และการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง
การกักตัวคนต่างด้าวตามบทบัญญัติของ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ไม่อยู่ในความหมายบทนิยาม "คุมขัง" ตาม ป.อ. มาตรา 1 (12) โดยที่ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 19 วรรคหนึ่ง กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกักตัวคนต่างด้าวไว้ ณ สถานที่ใดตามที่เห็นเหมาะสม แต่การที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่มีห้องกักตัวที่เหมาะสมเป็นของตัวเอง แล้วนำผู้ร้องซึ่งเป็นคนต่างด้าวไปกักตัวไว้ในห้องคุมตัวหรือควบคุมผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาของสถานีตำรวจ จึงมิใช่เป็นการกักตัวผู้ร้องไว้ ณ สถานที่เหมาะสม และกรณีมีเหตุจำเป็นต้องกักตัวผู้ร้องไว้เกินกำหนดเจ็ดวัน โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองไม่ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้มีอำนาจกักตัวคนต่างด้าวต่อไปอีก เป็นการไม่ได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 20 วรรคสอง การกักตัวผู้ร้องไว้ในห้องคุมตัวหรือควบคุมผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาของสถานีตำรวจดังกล่าว จึงเป็นการคุมขังในกรณีอื่นใดโดยมิชอบด้วยกฎหมายตาม ป.วิ.อ. มาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2766/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษจำคุกเมื่อจำเลยถูกขังในคดีอื่นก่อน และการหักวันคุมขังออกจากโทษตามกฎหมาย
ไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติห้ามไว้ว่าเมื่อจำเลยถูกขังในคดีหนึ่งแล้วจะถูกขังในคดีอื่นอีกไม่ได้ ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นออกหมายขังจำเลยระหว่างพิจารณา ตามหมายขังเลขที่ 16/2539 ลงวันที่ 16 มกราคม 2539 ในคดีนี้ในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นและขณะที่จำเลยถูกขังอยู่ในเรือนจำในคดีอื่น จึงเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายมีผลให้จำเลยถูกขังในคดีนี้ตามหมายขังดังกล่าวของศาลชั้นต้นนับแต่วันที่ 16 มกราคม 2539 เป็นต้นมา ทำนองเดียวกับการที่จำเลยถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 คดีพร้อมกัน หากศาลมิได้กล่าวในคำพิพากษาว่าให้นับโทษจำคุกของจำเลยในคดีหนึ่งต่อจากอีกคดีหนึ่ง ก็ต้องนับโทษจำคุกของจำเลยในทั้งสองคดีไปพร้อมกัน และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 88 ที่บัญญัติว่า นับแต่เวลายื่นฟ้องจำเลยที่ต้องขังตามหมายศาล ๆ จะขังจำเลยต่อไปหรือปล่อยชั่วคราวก็ได้ เมื่อพิจารณาประกอบกับมาตรา 71 วรรคสี่ที่บัญญัติว่า หมายขังคงใช้ได้อยู่จนกว่าศาลจะได้เพิกถอนโดยออกหมายปล่อยหรือออกหมายจำคุกแทน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นออกหมายขังจำเลยไว้ในระหว่างพิจารณาจนถึงวันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ศาลชั้นต้นคงขังจำเลยไว้ตลอดมาเป็นเวลาเกินกว่าระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยเป็นกรณีที่จำเลยถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษา สามารถหักจำนวนวันที่จำเลยถูกคุมขังออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22 วรรคหนึ่งได้ การที่ศาลชั้นต้นหักวันที่จำเลยถูกคุมขังออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษาและเห็นว่าจำเลยต้องขังมาพอแก่โทษแล้ว จึงให้ปล่อยตัวไปนั้นชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3243/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขัดขวางการจับกุมและช่วยเหลือผู้ถูกคุมขัง: การกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ขณะที่ร้อยตำรวจตรี พ. ควบคุมตัว ส. ผู้ต้องหา ใน ข้อหาไม่ยืนทำความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งเป็นความผิดมีโทษตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พุทธศักราช 2485 จะนำขึ้นรถยนต์ไปสถานีตำรวจเพื่อดำเนินคดีจำเลยได้เข้าโอบกอดจับตัว ร้อยตำรวจตรี พ. ไว้ และพวกของจำเลยอีกสองคนได้ช่วยกันยื้อแย่งเอาตัว ส. ขึ้นรถยนต์หลบหนีไปถือว่า ส. ถูกคุมขังอยู่ตามอำนาจของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (12), 191 แล้วการกระทำของ จำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 138, 140, 191
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3243/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและช่วยเหลือผู้ถูกคุมขังหลบหนี ถือเป็นความผิดอาญา
ขณะที่ร้อยตำรวจตรี พ.ควบคุมตัวส. ผู้ต้องหา ในข้อหาไม่ยืนทำความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งเป็นความผิดมีโทษตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พุทธศักราช 2485 จะนำขึ้นรถยนต์ไปสถานีตำรวจเพื่อดำเนินคดีจำเลยได้เข้าโอบกอดจับตัวร้อยตำรวจตรีพ.ไว้ และพวกของจำเลยอีกสองคนได้ช่วยกันยื้อแย่งเอาตัว ส. ขึ้นรถยนต์หลบหนีไปถือว่า ส.ถูกคุมขังอยู่ตามอำนาจของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(12),191 แล้วการกระทำของ จำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 138,140,191
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 854/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลบหนีจากสถานพินิจเด็กและเยาวชน ไม่ถือเป็นความผิดฐานหลบหนีการควบคุมตามประมวลกฎหมายอาญา
การที่จำเลยถูกคุมขังตามอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางเป็นการควบคุมตามอำนาจหน้าที่ของสถานพินิจตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนพ.ศ.2494ไม่เข้าอยู่ในบทวิเคราะห์ศัพท์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(21) และ(22) และไม่ใช่การ'คุมขัง'ตามมาตรา 1(12)แห่งประมวลกฎหมายอาญาฉะนั้นการหลบหนีไปจากการควบคุมของสถานพินิจจึงไม่ถือว่าเป็นการหลบหนีการควบคุมตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตร 190
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 854/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลบหนีจากสถานพินิจของเด็กและเยาวชน ไม่เข้าข่ายความผิดฐานหลบหนีการควบคุมตามประมวลกฎหมายอาญา
การที่จำเลยถูกคุมขังตามอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางเป็นการควบคุมตามอำนาจหน้าที่ของสถานพินิจตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ.2494 ไม่เข้าอยู่ในบทวิเคราะห์ศัพท์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(21) และ (22) และไม่ใช่การ'คุมขัง'ตามมาตรา 1(12)แห่งประมวลกฎหมายอาญาฉะนั้นการหลบหนีไปจากการควบคุมของสถานพินิจจึงไม่ถือว่าเป็นการหลบหนีการควบคุมตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 190
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 854/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลบหนีจากสถานพินิจไม่ถือเป็นความผิดฐานหลบหนีการควบคุมตามประมวลกฎหมายอาญา
การที่จำเลยถูกคุมขังตามอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางเป็นการควบคุมตามอำนาจหน้าที่ของสถานพินิจตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนพ.ศ.2494. ไม่เข้าอยู่ในบทวิเคราะห์ศัพท์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(21) และ(22) และไม่ใช่การ'คุมขัง'ตามมาตรา 1(12)แห่งประมวลกฎหมายอาญาฉะนั้นการหลบหนีไปจากการควบคุมของสถานพินิจจึงไม่ถือว่าเป็นการหลบหนีการควบคุมตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 190.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การช่วยเหลือผู้ต้องหาหลบหนีระหว่างถูกควบคุม เจ้าพนักงานมีอำนาจลงโทษตามบทที่ถูกต้อง แม้ฟ้องผิดฐาน
ขณะที่เจ้าพนักงานควบคุมตัวผู้ต้องหามา จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านที่ผู้ต้องหาเป็นลูกบ้านมาพูดรับรองขอเอาตัวผู้ต้องหาไปพูดจากันประเดี๋ยวเดียวแล้วจะส่งคืน อันเป็นการที่จำเลยมีเจตนาจะช่วยเหลือให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปและจำเลยได้ช่วยให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปทั้งที่เจ้าพนักงานได้ตามไปนั่งคอยรับตัวผู้ต้องหาอยู่ที่หน้าบ้านของจำเลยที่ 2 ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้ทำการช่วยเหลือผู้ต้องหาซึ่งอยู่ในระหว่างการควบคุมให้หลุดพ้นไป
กรณีที่โจทก์บรรยายฟ้องชัดเจนพอประกอบเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 191 แล้ว และไม่ต้องด้วยมาตรา 189
โจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 189 ซึ่งเป็นการอ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด ศาลก็มีอำนาจวางบทและวางโทษตามมาตรา 191 อันเป็นบทที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรค 4 ทั้งนี้แม้อัตราโทษตามมาตรา 191 สูงกว่ามาตรา 189 ก็ตาม เพราะบทบัญญัติวรรค 4 เป็นข้อยกเว้นของวรรคแรกจำเลยจะอ้างว่าเป็นการพิพากษาเกินคำขอมิได้
กรณีที่โจทก์บรรยายฟ้องชัดเจนพอประกอบเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 191 แล้ว และไม่ต้องด้วยมาตรา 189
โจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 189 ซึ่งเป็นการอ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด ศาลก็มีอำนาจวางบทและวางโทษตามมาตรา 191 อันเป็นบทที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรค 4 ทั้งนี้แม้อัตราโทษตามมาตรา 191 สูงกว่ามาตรา 189 ก็ตาม เพราะบทบัญญัติวรรค 4 เป็นข้อยกเว้นของวรรคแรกจำเลยจะอ้างว่าเป็นการพิพากษาเกินคำขอมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การช่วยเหลือผู้ต้องหาหลบหนีจากเจ้าพนักงาน: ศาลอุทธรณ์ลงโทษตามมาตรา 191 ได้ แม้ฟ้องขอตามมาตรา 189
ขณะที่เจ้าพนักงานควบคุมตัวผู้ต้องหามา จำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านที่ผู้ต้องหาเป็นลูกบ้านมาพูดรับรองขอเอาตัวผู้ต้องหาไปพูดจากันประเดี๋ยวเดียวแล้วจะส่งคืน อันเป็นการที่จำเลยมีเจตนาจะช่วยเหลือให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปและจำเลยได้ช่วยให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปทั้งที่เจ้าพนักงานได้ตามไปนั่งคอยรับตัวผู้ต้องหาอยู่ที่หน้าบ้านของจำเลยที่ 2 ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้ทำการช่วยเหลือผู้ต้องหาซึ่งอยู่ในระหว่างการควบคุมให้หลุดพ้นไป
กรณีที่โจทก์บรรยายฟ้องชัดเจนพอประกอบเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 191 แล้ว และไม่ต้องด้วยมาตรา189
โจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 189 ซึ่งเป็นการอ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด ศาลก็มีอำนาจวางบทและวางโทษตามมาตรา 191 อันเป็นบทที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ ทั้งนี้แม้อัตราโทษตามมาตรา 191 สูงกว่ามาตรา 189 ก็ตาม เพราะบทบัญญัติวรรคสี่ เป็นข้อยกเว้นของวรรคแรก
จำเลยจะอ้างว่าเป็นการพิพากษาเกินคำขอมิได้
กรณีที่โจทก์บรรยายฟ้องชัดเจนพอประกอบเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 191 แล้ว และไม่ต้องด้วยมาตรา189
โจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 189 ซึ่งเป็นการอ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด ศาลก็มีอำนาจวางบทและวางโทษตามมาตรา 191 อันเป็นบทที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ ทั้งนี้แม้อัตราโทษตามมาตรา 191 สูงกว่ามาตรา 189 ก็ตาม เพราะบทบัญญัติวรรคสี่ เป็นข้อยกเว้นของวรรคแรก
จำเลยจะอ้างว่าเป็นการพิพากษาเกินคำขอมิได้