พบผลลัพธ์ทั้งหมด 433 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษทางอาญา: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้ไขบทที่ศาลชั้นต้นปรับผิดพลาดได้ แต่ห้ามเพิ่มโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษจำเลยตามบทหนัก จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดหลายกระทงให้ลงโทษตามกระทงที่หนักที่สุด ส่วนกำหนดโทษให้คงเดิมดังนี้ เป็นเรื่องศาลอุทธรณ์เห็นว่าศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยมาไม่ถูกต้อง ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะพิพากษาแก้เสียให้ถูกต้องโดยไม่เพิ่มเติมกำหนดโทษจำเลยให้สูงขึ้นอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษทางอาญา: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้บทลงโทษที่ไม่ถูกต้องได้ โดยไม่เพิ่มโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยตามบทหนักจำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดหลายกระทง ให้ลงโทษตามกระทงที่หนักที่สุด ส่วนกำหนดโทษให้คงเดิม ดังนี้ เป็นเรื่องศาลอุทธรณ์เห็นว่าศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยมาไม่ถูกต้อง ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะพิพากษาแก้เสียให้ถูกต้องโดยไม่เพิ่มเติมกำหนดโทษจำเลยให้สูงขึ้นอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีไม้แปรรูป ความผิดต่อเนื่อง และอำนาจแก้ไขศาลฎีกา
ความผิดฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไว้ในความครอบครองนั้น เป็นความผิดต่อเนื่องกันตลอดมาตั้งแต่วันมีไว้ในความครอบครองจนถึงวันที่เจ้าพนักงานจับกุมจำเลย
เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยภายหลังวันที่ใช้พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 แล้ว และโจทก์ก็ได้ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 ด้วย การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2584 มาตรา 73 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2498 ซึ่งเป็นการยกบทกฎหมายมาปรับแก่คดีผิดพลาดไปนั้น ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกได้
เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยภายหลังวันที่ใช้พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 แล้ว และโจทก์ก็ได้ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 ด้วย การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2584 มาตรา 73 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2498 ซึ่งเป็นการยกบทกฎหมายมาปรับแก่คดีผิดพลาดไปนั้น ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความและความผิดต่อเนื่องในคดีไม้แปรรูปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขบทกฎหมายที่ศาลชั้นต้นใช้ผิด
ความผิดฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไว้ในความครอบครองนั้น เป็นความผิดต่อเนื่องกันตลอดมาตั้งแต่วันมีไว้ในครอบครองจนถึงวันที่เจ้าพนักงานจับกุมจำเลย
เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยภายหลังวันที่ใช้พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 แล้ว และโจทก์ก็ได้ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 ด้วย การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 73 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 ซึ่งเป็นการยกบทกฎหมายมาปรับแก่คดีผิดพลาดไปนั้น ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกได้
เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยภายหลังวันที่ใช้พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 แล้ว และโจทก์ก็ได้ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 ด้วย การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 73 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 ซึ่งเป็นการยกบทกฎหมายมาปรับแก่คดีผิดพลาดไปนั้น ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: การพิจารณาเจตนาฆ่าและความร้ายแรงของการกระทำ
จำเลยตั้งใจจะหนีให้พ้นการจับกุมเป็นการจวนตัวจึงได้แทงไปหมายจะเอาตัวรอดเท่านั้น ทั้งบาดแผลที่ตำรวจถูกแทงที่คอก็มีขนาดเล็ก กว้าง 3/4 เซนติเมตร ยาว 3/4 เซนติเมตร ลึก 1 เซนติเมตรต่อมาประมาณ 1 เดือน ตำรวจก็ตายเพราะแผลที่เย็บไม่ติดกัน ให้อาหารไม่ได้โดยอาหารรั่วออกทางแผล ร่างกายทรุดโทรมลงจนกระทั่งตาย เช่นนี้ถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฆ่าให้ถึงตาย จำเลยยังไม่มีผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานตาม มาตรา 289 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานจนถึงตาย ตามมาตรา 290 วรรคท้าย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยที่ 2 ผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานจนถึงตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคท้าย จำคุก 18 ปี ลด 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุก 12 ปีโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานฆ่าเจ้าพนักงาน ตามมาตรา 289 ศาลฎีกาเห็นด้วย กับศาลอุทธรณ์ ว่า จำเลยที่ 2 ไม่ผิดตามมาตรา 289 คงผิดตามมาตรา 290 วรรคท้ายแต่ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์วางโทษเบาและลดโทษให้มากไป ศาลฎีกามีอำนาจแก้เป็นให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 20 ปี ลดโทษให้ 4 ปี คงจำคุก 16 ปีได้ไม่ขัดต่อ ป.วิ.อ. มาตรา 212
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยที่ 2 ผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานจนถึงตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคท้าย จำคุก 18 ปี ลด 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุก 12 ปีโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานฆ่าเจ้าพนักงาน ตามมาตรา 289 ศาลฎีกาเห็นด้วย กับศาลอุทธรณ์ ว่า จำเลยที่ 2 ไม่ผิดตามมาตรา 289 คงผิดตามมาตรา 290 วรรคท้ายแต่ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์วางโทษเบาและลดโทษให้มากไป ศาลฎีกามีอำนาจแก้เป็นให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 20 ปี ลดโทษให้ 4 ปี คงจำคุก 16 ปีได้ไม่ขัดต่อ ป.วิ.อ. มาตรา 212
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการกระทำผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานจนถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาจากขนาดบาดแผลและเหตุการณ์ขณะกระทำ
จำเลยตั้งใจจะหนีให้พ้นการจับกุม เป็นการจวนตัวจึงได้แทงไปหมายจะเอาตัวรอดเท่านั้นทั้งบาดแผลที่ตำรวจถูกแทงที่คอก็มีขนาดเล็ก กว้าง 3/4 เซนติเมตรยาว3/4เซนติเมตร ลึก 1 เซนติเมตร ต่อมาประมาณ 1 เดือน ตำรวจก็ตายเพราะแผลที่เย็บไม่ติดกัน ให้อาหารไม่ได้โดยอาหารรั่วออกทางแผล ร่างกายทรุดโทรมลงจนกระทั่งตายเช่นนี้ถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฆ่าให้ถึงตายจำเลยยังไม่มีผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานตาม มาตรา 289 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานจนถึงตาย ตามมาตรา 290 วรรคท้าย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยที่ 2 ผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานจนถึงตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคท้ายจำคุก 18 ปี ลด 1 ใน 3 ตาม มาตรา 78คงจำคุก 12 ปี โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานฆ่าเจ้าพนักงานตามมาตรา 289 ศาลฎีกาเห็นด้วยกับศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 2 ไม่ผิดตามมาตรา 289 คงผิดตามมาตรา 290 วรรคท้าย แต่ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์วางโทษเบาและลดโทษให้มากไปศาลฎีกามีอำนาจแก้เป็นให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 20 ปีลดโทษให้ 4 ปีคงจำคุก 16 ปีได้ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยที่ 2 ผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานจนถึงตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคท้ายจำคุก 18 ปี ลด 1 ใน 3 ตาม มาตรา 78คงจำคุก 12 ปี โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานฆ่าเจ้าพนักงานตามมาตรา 289 ศาลฎีกาเห็นด้วยกับศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 2 ไม่ผิดตามมาตรา 289 คงผิดตามมาตรา 290 วรรคท้าย แต่ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์วางโทษเบาและลดโทษให้มากไปศาลฎีกามีอำนาจแก้เป็นให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 20 ปีลดโทษให้ 4 ปีคงจำคุก 16 ปีได้ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลยพินิจศาลในการลดโทษตามมาตรา 78 ประมวลกฎหมายอาญาในคดีอาญา
ศาลอุทธรณ์ลงโทษและลดโทษให้ตาม มาตรา 78 ประมวลกฎหมายอาญา จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จะลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หรือไม่นั้น เป็นเรื่องอยู่ในดุลยพินิจของศาล
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2502)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการลดโทษจำเลยในคดีอาญา แม้ไม่มีเหตุบรรเทาโทษ
ศาลอุทธรณ์ลงโทษและลดโทษให้ตาม มาตรา 78 ประมวลกฎหมายอาญา จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จะลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หรือไม่นั้นเป็นเรื่องอยู่ในดุลพินิจของศาล (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1024/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบคิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไม่เจตนา ศาลพิจารณาโทษจำเลยแต่ละคนตามบทบาท
ฟ้องว่าฆ่าคนตายโดยเจตนา ลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามที่พิจารณาได้ความนั้นได้
จำเลยที่ 2 เอาไม้ตีนายหล่า และจำเลยที่ 2 กับที่ 3 เข้าจับแขนนายหล่าไว้คนละข้าง แล้วจำเลยที่ 1 เอามีดเข้าแทงนายหล่า นายหล่าอยู่ได้ 2 คืนก็ตายเพราะแผลนั้น เหตุเกิดจากการทะเลาะกัน เช่นนี้ถือว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 สมคบกับจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา แต่กำหนดโทษควรให้ลดหลั่นกัน
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 251,63 จำคุก 4 ปี โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ 1ผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 จำคุก 10 ปี จำเลยฝ่ายเดียวฎีกา ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่ 1 ผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 251 จำคุก 6 ปี เกินกว่ากำหนดโทษของศาลชั้นต้นได้
จำเลยที่ 2 เอาไม้ตีนายหล่า และจำเลยที่ 2 กับที่ 3 เข้าจับแขนนายหล่าไว้คนละข้าง แล้วจำเลยที่ 1 เอามีดเข้าแทงนายหล่า นายหล่าอยู่ได้ 2 คืนก็ตายเพราะแผลนั้น เหตุเกิดจากการทะเลาะกัน เช่นนี้ถือว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 สมคบกับจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา แต่กำหนดโทษควรให้ลดหลั่นกัน
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 251,63 จำคุก 4 ปี โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ 1ผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 จำคุก 10 ปี จำเลยฝ่ายเดียวฎีกา ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่ 1 ผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 251 จำคุก 6 ปี เกินกว่ากำหนดโทษของศาลชั้นต้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1024/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบคิดฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา: การกำหนดโทษและบทบาทของผู้กระทำ
ฟ้องว่าฆ่าคนตายโดยเจตนา ลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามที่พิจารณาได้ความนั้นได้
จำเลยที่ 2 เอาไม้ตีนายหล่า และจำเลยที่ 2 กับที่ 3 เข้าจับแขนนายหล่าไว้คนละข้างแล้วจำเลยที่1เอามีดเข้าแทงนายหล่า นายหล่าอยู่ได้ 2 คืนก็ตายเพราะแผลนั้น เหตุเกิดจากการทะเลาะกัน เช่นนี้ถือว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 สมคบกับจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา แต่กำหนดโทษควรให้ลดหลั่นกัน
จำเลยที่ 2 เอาไม้ตีนายหล่า และจำเลยที่ 2 กับที่ 3 เข้าจับแขนนายหล่าไว้คนละข้างแล้วจำเลยที่1เอามีดเข้าแทงนายหล่า นายหล่าอยู่ได้ 2 คืนก็ตายเพราะแผลนั้น เหตุเกิดจากการทะเลาะกัน เช่นนี้ถือว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 สมคบกับจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา แต่กำหนดโทษควรให้ลดหลั่นกัน