พบผลลัพธ์ทั้งหมด 36 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1697/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าแยกส่วน และการหักเงินประกันค่าเช่า กรณีผู้ให้เช่าผิดสัญญา
ตึกกับเครื่องเรือนอาจทำสัญญาแยกกันได้ จะถือเป็นสัญญาควบหรือรวมกันเสมอไปไม่ได้
เมื่อได้ความว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาก่อนโดยโจทก์ได้รบกวนไม่ให้จำเลยใช้ประโยชน์แห่งสถานที่เช่าตามสัญญาด้วยประการต่างๆ จำเลยผู้เช่าจึงมีหนังสือถึงโจทก์แจ้งถึงการถูกรบกวนและให้เอาเงิน 4,000 บาทที่จำเลยวางเป็นประกันว่าจำเลยจะต้องปฏิบัติตามสัญญาเช่า ใช้เป็นค่าเช่าเดือน มิ.ย.และ ก.ค. และว่าหากยังรบกวนอยู่อีกจะยึดหน่วงค่าเช่าสำหรับเดือนต่อไปจนกว่าจะปฏิบัติตามสัญญา กรณีจะเป็นอย่างไรก็ตาม ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจะถือว่าจำเลยจงใจไม่ชำระค่าเช่าสำหรับ 2 เดือนดังกล่าวยังไม่ได้ ดังนี้จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าดังฟ้อง.
เมื่อได้ความว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาก่อนโดยโจทก์ได้รบกวนไม่ให้จำเลยใช้ประโยชน์แห่งสถานที่เช่าตามสัญญาด้วยประการต่างๆ จำเลยผู้เช่าจึงมีหนังสือถึงโจทก์แจ้งถึงการถูกรบกวนและให้เอาเงิน 4,000 บาทที่จำเลยวางเป็นประกันว่าจำเลยจะต้องปฏิบัติตามสัญญาเช่า ใช้เป็นค่าเช่าเดือน มิ.ย.และ ก.ค. และว่าหากยังรบกวนอยู่อีกจะยึดหน่วงค่าเช่าสำหรับเดือนต่อไปจนกว่าจะปฏิบัติตามสัญญา กรณีจะเป็นอย่างไรก็ตาม ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจะถือว่าจำเลยจงใจไม่ชำระค่าเช่าสำหรับ 2 เดือนดังกล่าวยังไม่ได้ ดังนี้จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าดังฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงื่อนไขห้ามโอนกรรมสิทธิในที่ดินพระราชทานต้องตีความอย่างเคร่งครัด และมีขอบเขตจำกัดเฉพาะเงื่อนไขที่ระบุไว้
การตีความข้อยกเว้นจากหลักทั่วไป ต้องตีความโดยจำกัดเงื่อนไขห้ามการโอนกรรมสิทธิในทรัพย์สินที่ให้ก่อนตายหรือโดยพินัยกรรมจะมีอยู่ได้ก็โดยจำกัดอย่างเคร่งครัด
พระราชหัตถเลขาพระราชทานที่ดิน มีข้อความว่า ยกที่ดินให้เป็นสิทธิแก่ผู้รับผู้เดียว ถ้าผู้รับไม่มีตัวลงเมื่อใดก็ให้ที่ตกเป็นของผู้ที่ควรจะได้รับมฤดกตามความพอใจของผู้รับหรือตามพระราชกำหนดกฎหมายต่อไปอีกประการหนึ่งในเวลาที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ถ้าผู้รับจะขายที่รายนี้ให้แก่ผู้ใดต้องบอกให้พระองค์รู้ก่อน เมื่อพระองค์ทรงอนุญาตแล้วจึงขายได้ ดังนี้ ย่อมเห็นได้ชัดแล้วว่าเมื่อพระองค์ท่านเสด็จสวรรคแล้ว ผู้รับก็มิต้องขอพระบรมราชานุญาตอย่างใดในการโอน
พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงสั่งไว้ในเรื่องพระทรงพลราบขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตขายที่ดินซึ่งได้รับพระราชทาน ให้แก่นายพีที,วอง เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2471 ซึ่งมีข้อความว่า "..สำหรับกระทรวงเกษตรนั้น จะจัดการตามหน้าที่ ให้ในเรื่องเช่นนี้ได้ต่อเมื่อเจ้าของที่มีหนังสือสำคัญแสดงว่าได้รับพระบรมราชานุญาตให้ขาย ก็ให้จัดการไปได้ ถ้าไม่มีหนังสือต้องไม่รับรู้เสียทีเดียว ให้ไปนำหนังสือมาก่อน.." นั้น เป็นพระบรมราชโองการเพื่อวางวิธีการปฏิบัติสำหรับที่ดินที่พระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 6 พระราชทานแก่ข้าทูลลอองธุลีพระบาทของพระองค์ซึ่งยังสับสนกันอยู่เท่านั้น คำว่า " เรื่องเช่นนี้ " จะแปลความไปให้หมายถึงที่ดินที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ไม่ว่าในรัชการใด ๆ นั้นหาได้ไม่
พระราชหัตถเลขาพระราชทานที่ดิน มีข้อความว่า ยกที่ดินให้เป็นสิทธิแก่ผู้รับผู้เดียว ถ้าผู้รับไม่มีตัวลงเมื่อใดก็ให้ที่ตกเป็นของผู้ที่ควรจะได้รับมฤดกตามความพอใจของผู้รับหรือตามพระราชกำหนดกฎหมายต่อไปอีกประการหนึ่งในเวลาที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ถ้าผู้รับจะขายที่รายนี้ให้แก่ผู้ใดต้องบอกให้พระองค์รู้ก่อน เมื่อพระองค์ทรงอนุญาตแล้วจึงขายได้ ดังนี้ ย่อมเห็นได้ชัดแล้วว่าเมื่อพระองค์ท่านเสด็จสวรรคแล้ว ผู้รับก็มิต้องขอพระบรมราชานุญาตอย่างใดในการโอน
พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงสั่งไว้ในเรื่องพระทรงพลราบขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตขายที่ดินซึ่งได้รับพระราชทาน ให้แก่นายพีที,วอง เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2471 ซึ่งมีข้อความว่า "..สำหรับกระทรวงเกษตรนั้น จะจัดการตามหน้าที่ ให้ในเรื่องเช่นนี้ได้ต่อเมื่อเจ้าของที่มีหนังสือสำคัญแสดงว่าได้รับพระบรมราชานุญาตให้ขาย ก็ให้จัดการไปได้ ถ้าไม่มีหนังสือต้องไม่รับรู้เสียทีเดียว ให้ไปนำหนังสือมาก่อน.." นั้น เป็นพระบรมราชโองการเพื่อวางวิธีการปฏิบัติสำหรับที่ดินที่พระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 6 พระราชทานแก่ข้าทูลลอองธุลีพระบาทของพระองค์ซึ่งยังสับสนกันอยู่เท่านั้น คำว่า " เรื่องเช่นนี้ " จะแปลความไปให้หมายถึงที่ดินที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ไม่ว่าในรัชการใด ๆ นั้นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 162/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิเรียกร้องหนี้ต้องแจ้งลูกหนี้ การไม่ปฏิบัติตามทำให้ฟ้องร้องบังคับชำระหนี้ไม่ได้ และสัญญาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ต้องปฏิบัติตามทั้งสองฝ่าย
การโอนหนี้เงินกู้ให้ผู้อื่นโดยลูกหนี้มิได้รู้เห็นยินยอมนั้น ถ้ามิได้บอกกล่าวเป็นหนังสือให้ลูกหนี้ทราบแล้ว ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องจะฟ้องบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้แก่ตนไม่ได้
โจทก์จำเลยทำสัญญาตกลงกันว่า จำเลยสัญญาจะส่งเงินให้โจทก์เป็นคราว ๆ จนครบจำนวน 12405 บาท แล้วโจทก์จะโอนที่ดินซึ่งเดิมเป็นของผู้อื่นให้จำเลยดังนี้ ตราบใดที่โจทก์ยังไม่แสดงว่าพร้อมจะชำระหนี้ คือโอนที่ดินนั้นให้แก่จำเลยได้แล้ว โจทก์จะเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้แต่ฝ่ายเดียวโดยไม่ยอมชำระหนี้ของตนนั้นหาได้ไม่
โจทก์จำเลยทำสัญญาตกลงกันว่า จำเลยสัญญาจะส่งเงินให้โจทก์เป็นคราว ๆ จนครบจำนวน 12405 บาท แล้วโจทก์จะโอนที่ดินซึ่งเดิมเป็นของผู้อื่นให้จำเลยดังนี้ ตราบใดที่โจทก์ยังไม่แสดงว่าพร้อมจะชำระหนี้ คือโอนที่ดินนั้นให้แก่จำเลยได้แล้ว โจทก์จะเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้แต่ฝ่ายเดียวโดยไม่ยอมชำระหนี้ของตนนั้นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 162/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิเรียกร้องหนี้ต้องแจ้งลูกหนี้ การไม่ชำระหนี้ตอบแทนทำให้สิทธิเรียกร้องไม่มีผล
การโอนหนี้เงินกู้ให้ผู้อื่นโดยลูกหนี้มิได้รู้เห็นยินยอมนั้น ถ้ามิได้บอกกล่าวเป็นหนังสือให้ลูกหนี้ทราบแล้วผู้รับโอนสิทธิเรียกร้อง จะฟ้องบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้แก่ตนไม่ได้
โจทก์จำเลยทำสัญญาตกลงกันว่า จำเลยสัญญาจะส่งเงินให้โจทก์เป็นคราวๆ จนครบจำนวน 12,405 บาท แล้วโจทก์จะโอนที่ดินซึ่งเดิมเป็นของผู้อื่นให้จำเลยดังนี้ ตราบใดที่โจทก์ยังไม่แสดงว่าพร้อมจะชำระหนี้คือโอนที่ดินนั้นให้แก่จำเลยได้แล้ว โจทก์จะเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้แต่ฝ่ายเดียวโดยไม่ยอมชำระหนี้ของตนนั้นหาได้ไม่
โจทก์จำเลยทำสัญญาตกลงกันว่า จำเลยสัญญาจะส่งเงินให้โจทก์เป็นคราวๆ จนครบจำนวน 12,405 บาท แล้วโจทก์จะโอนที่ดินซึ่งเดิมเป็นของผู้อื่นให้จำเลยดังนี้ ตราบใดที่โจทก์ยังไม่แสดงว่าพร้อมจะชำระหนี้คือโอนที่ดินนั้นให้แก่จำเลยได้แล้ว โจทก์จะเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้แต่ฝ่ายเดียวโดยไม่ยอมชำระหนี้ของตนนั้นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายทรัพย์ทั่วไป หากผู้ขายไม่สามารถส่งมอบได้ แม้มีเหตุสุดวิสัย ก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องราคา
ไนสัญญาซื้อขายทรัพย์ซึ่งมีการซื้อขายกันทั่วไป มิไช่ทรัพย์เจาะจงฉเพาะสิ่งนั้น แม้ผู้ขายไม่อาดส่งมอบทรัพย์ดั่งกล่าวแล้วได้โดยเหตุนอกอำนาดของตนก็ดี ผู้ขายจะอ้างว่าเปนเหตุสุดวิสัยตาม ป.ม.แพ่งฯ ม. 219 หาได้ไม่.
ไนสัญญาซื้อขายซึ่งตกลงกันชำระเงินสด หากผู้ขายไม่มีทรัพย์จะส่งมอบแล้ว ก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องไห้ผู้ซื้อชำระราคาตอบแทน.
ไนสัญญาซื้อขายซึ่งตกลงกันชำระเงินสด หากผู้ขายไม่มีทรัพย์จะส่งมอบแล้ว ก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องไห้ผู้ซื้อชำระราคาตอบแทน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายทั่วไป ผู้ขายไม่มีทรัพย์ส่งมอบ ไม่อ้างเหตุสุดวิสัย และไม่มีสิทธิเรียกราคา
ในสัญญาซื้อขายทรัพย์ซึ่งมีการซื้อขายกันทั่วไป มิใช่ทรัพย์เจาะจงเฉพาะสิ่งนั้น แม้ผู้ขายไม่อาจส่งมอบทรัพย์ดังกล่าวแล้วได้โดยเหตุนอกอำนาจของตนก็ดี ผู้ขายจะอ้างว่าเป็นเหตุสุดวิสัยตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 219 หาได้ไม่ ในสัญญาซื้อขายซึ่งตกลงกันชำระเงินสด หากผู้ขายไม่มีทรัพย์จะส่งมอบแล้ว ก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ซื้อชำระราคาตอบแทน