พบผลลัพธ์ทั้งหมด 546 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2767/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุและการริบอาวุธปืนที่ใช้ในการกระทำความผิด
จำเลยถูก ว.ทำร้ายก่อนด้วยการกระชากคอเสื้อทุบหรือชกต่อยท้ายทอยและจับศีรษะโขกกับกระดานหมากรุกจนหน้าผากของจำเลยมีโลหิตไหลโดยมีจำเลยไม่ทันระวังตัวถึงกับจำเลยต้องวิ่งหนีเข้าไปในร้านตัดผมข้างที่เกิดเหตุแต่หนีไม่พ้น เพราะด้านหลังของร้านตัดผมไม่มีทางหนีจึงย้อนกลับออกมาทางหน้าร้านพบกับ ว.ตรงประตูทางเข้าร้าน ตัดผม ในขณะที่ ว.ใช้มีดล้วงกระเป๋ากางเกงด้านหลังไล่ตามจำเลยเข้าไป จำเลยเข้าใจว่า ว.จะล้วงเอาอาวุธปืนพกซึ่งปกติ ว.จะพกอยู่เป็นประจำออกมายิงจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนพกของจำเลยยิง ว.ไปหลายนัด เพราะความกลัวเป็นเหตุให้กระสุนปืนของจำเลยถูก ว.ถึงแก่ความตายและพลาดไปถูก ภ.ถึงแก่ความตายแต่จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงว. หลายนัด แสดงว่าจำเลยเจตนายิง ว.ให้ตายโดยไม่ยั้งมือ คือแทนที่จำเลยจะหยุดยิงเมื่อเห็นว่า ว. โดยกระสุนปืนที่จำเลยยิงล้มลงแล้วจำเลยกลับยิงต่อไปอีกหลายนัด ทำให้กระสุนปืนเหล่านั้น นอกจากจะถูก ว.หลายนัดจนถึงแก่ความตายแล้วยังพลาดไปถูก ภ.ซึ่งยืนดูการเล่นหมากรุก อยู่ถึงแก่ความตายด้วย ถือว่าเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ หรือเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็น หรือเกินกว่า กรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน จำเลยจึงมีความผิด ฐานฆ่าผู้ตายทั้งสองโดยเจตนาเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ อาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนที่ทางราชการอนุญาตให้จำเลยมีและใช้ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เมื่อจำเลยใช้อาวุธปืนนั้นยิงผู้ตายโดยเจตนาเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยย่อมมีความผิดอาวุธปืนของกลางจึงเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด ชอบที่ศาลจะสั่งริบเสียตามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2092/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจริบของกลางในคดีพนัน: ศาลใช้ดุลพินิจพิจารณาวัตถุประสงค์การใช้งานอื่นได้
การริบทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) เป็นดุลพินิจของศาลจะริบหรือไม่ก็ได้ โต๊ะบิลเลียดซึ่งเป็นของกลางคดีนี้ไม่ใช่มีไว้เฉพาะการเล่นการพนันโดยตรง แต่อาจจะนำไปใช้ในทางอื่นได้เช่น การกีฬา จึงยังไม่สมควรริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ และอำนาจการริบทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ในการกระทำความผิด
ปล้นทรัพย์มาแล้วนำไปจำนำ ตั๋วรับจำนำมิใช่ทรัพย์ที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิดศาลไม่มีอำนาจริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลาง แม้โจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาในประเด็นดังกล่าว ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยได้หากมีคำขอริบไว้แต่แรก
ศาลล่างทั้งสองมิได้สั่งริบของกลางซึ่งเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำผิดและที่ได้มาโดยได้กระทำความผิด แม้โจทก์จะไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาเรื่องของกลางก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มีคำขอให้ริบของกลางมาแล้ว ทั้งมิใช่กรณีเพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลฎีกาก็พิพากษาให้ริบของกลางได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางที่ใช้ในการกระทำผิด แม้โจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาในประเด็นดังกล่าว ศาลฎีกามีอำนาจสั่งริบได้
ที่ศาลล่างทั้งสองมิได้สั่งริบของกลาง ซึ่งเป็น ทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำผิดและที่ได้มาโดยได้กระทำความผิดนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยเพราะแม้โจทก์จะไม่ได้ อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาเรื่องของกลางก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มี คำขอให้ริบของกลางมาแล้ว ทั้งมิใช่กรณีเพิ่มเติมโทษจำเลยก็ชอบที่จะต้องทำคำวินิจฉัยในเรื่องของกลางได้ด้วยศาลฎีกาให้ริบของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลาง แม้โจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาในประเด็นนั้น ศาลฎีกาสั่งริบได้หากมีคำขอริบ
ที่ศาลล่างทั้งสองมิได้สั่งริบของกลาง ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำผิดและที่ได้มาโดยได้กระทำความผิดนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยเพราะแม้โจทก์จะไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาเรื่องของกลางก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มีคำขอให้ริบของกลางมาแล้ว ทั้งมิใช่กรณีเพิ่มเติมโทษจำเลย ก็ชอบที่จะต้องทำคำวินิจฉัยในเรื่องของกลางได้ด้วย ศาลฎีกาให้ริบของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 32/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีอนาจารและบุกรุกที่ขาดหลักฐานพยานสนับสนุนและข้อเท็จจริงไม่สอดคล้อง
ความผิดฐานกระทำอนาจาร โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเบิกความจึงไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยได้กระทำอนาจารผู้เสียหายพยานโจทก์ปากอื่นเพียงเห็นจำเลยกับผู้เสียหายยืนอยู่ใกล้ประตูเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุพร้อมสามีผู้เสียหายเห็นผู้เสียหายเปิดประตูด้านหน้าออกมาพร้อมกับจำเลย ขณะนั้นผู้เสียหายนุ่งผ้ากระโจมอก นอกจากนี้ มีดคัทเตอร์ ที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยใช้เป็นอาวุธขู่บังคับผู้เสียหายให้ถอดเสื้อผ้าก็ไม่พบพยานหลักฐานโจทก์เพียงบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายที่ให้การว่าผู้เสียหายถูกจำเลยใช้มีดคัทเตอร์ บังคับให้ถอดเสื้อผ้าและใช้ผ้ามัดปากมัดมือผู้เสียหายไขว้หลังให้นอนคว่ำหน้าบนเตียงนอนจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังลงโทษจำเลยฐานอนาจารได้ จำเลยรู้จักกับผู้เสียหาย และจำเลยเข้าไปในอาคารที่เกิดเหตุโดยผู้เสียหายยินยอม จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า ใบมีดโกน ของกลางเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) ศาลย่อมไม่มีอำนาจริบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาผู้กระทำผิด, เหตุผลแวดล้อม, พยานหลักฐานไม่ชัดเจน, ยกประโยชน์แห่งความสงสัย, ริบของกลาง
การที่จะค้นหาเจตนาของจำเลยว่ารู้หรือไม่ว่าหนังสือรับรองความประพฤติทั้ง 20 ฉบับ เป็นเอกสารปลอม จำเป็นจะต้องอาศัยเหตุผลกรณีแวดล้อมและพิรุธแห่งการกระทำเป็นเครื่องชี้เจตนาของจำเลย จำเลยเรียนจบชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ในระหว่างที่จำเลยทำงานอยู่ที่บริษัทพ. จำเลยมีหน้าที่เพียงเป็นผู้ส่งหนังสือ ได้รับเงินเดือน ๆ ละ 2,000 บาท สภาพหรือฐานะของจำเลยเป็นเพียงเด็กรับใช้หรือนักการภารโรง คงไม่มีโอกาสรู้ถึงนโยบายการบริหารงานของบริษัทและไม่รู้ว่าหนังสือรับรองความประพฤติซึ่งพิมพ์ด้วยภาษาอังกฤษทั้งฉบับเป็นเอกสารอันแท้จริงหรือเป็นเอกสารปลอม ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การยืนยันมาโดยตลอดว่า น. เจ้าหน้าที่บริษัท พ. เป็นผู้วานให้จำเลยนำหนังสือรับรองความประพฤติไปให้สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทยรับรอง โดยจำเลยไม่ทราบว่าเป็นเอกสารปลอม ยิ่งกว่านั้นเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจค้นบริษัท พ. ได้พบใบรับรองความประพฤติปลอมอีก 18 ฉบับในตู้เก็บเอกสารของ น.ซึ่งหลบหนีไปแล้ว พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ตามป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง แต่หนังสือรับรองความประพฤติปลอมเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด สมควรให้ริบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4015/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์สินต้องมี罪ฐานการกระทำความผิด และมีการฟ้องลงโทษในความผิดนั้นด้วย
ศาลจะสั่งริบทรัพย์สินที่จำเลยมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดได้ก็ต่อเมื่อมีการกระทำความผิดนั้นขึ้นและโจทก์ต้องฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดนั้นด้วย ดังนั้นเมื่อไม่ปรากฏว่ามีความผิดฐานเสพกัญชาเกิดขึ้น และโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองมิได้ฟ้องขอให้ลงโทษฐานเสพกัญชา โจทก์จะขอให้ศาลสั่งริบบ้องกัญชา มีดหั่นกัญชา และไม้ขีดไฟที่จำเลยมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดฐานเสพกัญชาหาได้ไม่ มิฉะนั้นโจทก์ย่อมฟ้องจำเลยทั้งสำนวนเพื่อขอให้ริบทรัพย์สินเพียงประการเดียวโดยไม่ขอให้ลงโทษจำเลยก็ย่อมกระทำได้ ซึ่งเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งริบบ้องกัญชามีดหั่นกัญชา และไม้ขีดไฟของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3982/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพ.ร.บ.ศุลกากรจากการรับและขนย้ายยางแผ่นหลีกเลี่ยงภาษี และการริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำผิด
จำเลยได้รับยางแผ่นของกลางไว้ แล้วช่วยพาเอาไปเสียหรือช่วยซ่อนเร้น โดยรู้ว่าเป็นของที่นำเข้าในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อห้ามหรือข้อจำกัดมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469มาตรา 27 ทวิ จำเลยใช้รถยนต์ของกลางพาเอายางแผ่นของกลางไปถือได้ว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดซึ่งในกรณีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา27 ทวิ นี้พระราชบัญญัติศุลกากรไม่ได้บัญญัติเกี่ยวกับการริบทรัพย์ที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดไว้ จึงต้องนำประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 มาใช้ในการที่จะริบรถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17