คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 33

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 546 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1558/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขุดพบโบราณวัตถุใต้ดิน การครอบครอง และการขาย แม้ไม่มีมูลค่าพิเศษ แต่ยังคงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถานฯ
เทวรูปหินอ่อนรูปนารายณ์สี่กร เป็นของโบราณราคาแพง ฝังอยู่ใต้ดินบริเวณปราสาทโบราณ เป็นโบราณวัตถุและศิลปวัตถุจำเลยขุดได้และเบียดบังเอาเสีย จึงผิดพระราชบัญญัติโบราณสถานฯ พ.ศ.2504 มาตรา 31
แต่เทวรูปนั้นไม่มีคุณค่าเป็นพิเศษ จึงไม่ใช่สังหาริมทรัพย์อันมีค่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 355
จำเลยขายเทวรูปนั้นไป เพียงเท่านี้ถือไม่ได้ว่าเป็นการทำการค้าโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุตามพระราชบัญญัติโบราณสถานฯ พ.ศ.2504 มาตรา 19
เทวรูปนี้เป็นของแผ่นดินตามพระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา 24 แล้ว ศาลจึงไม่ต้องสั่งริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 อีก(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 26/2509)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1280/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองช้างเพื่อใช้ในการกระทำผิดทางอาญา: เจ้าของช้างต้องรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องว่าแปรรูปไม้ และมีไม้แปรรูปภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้จริง แต่ช้างของกลางซึ่งใช้ชักลากไม้มาในความครอบครองของจำเลยจำเลยยืมมาจากผู้อื่น เจ้าของไม่รู้เห็นด้วย ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าช้างเป็นของผู้ร้อง ขอให้คืนแก่ผู้ร้อง ศาลชั้นต้นงดสืบพยานแล้วพิพากษาลงโทษจำเลย คืนช้างของกลางแก่เจ้าของ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนที่ไม่ริบของกลาง และให้พิจารณาพิพากษาใหม่เฉพาะประเด็นว่าช้างเป็นของใคร เจ้าของรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ดังนี้ จำเลยฎีกาขอให้คืนช้างของกลางแก่เจ้าของได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1280/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองช้างเพื่อใช้ในการกระทำความผิดทางป่าไม้: เจ้าของช้างต้องรู้เห็นเป็นใจหรือไม่?
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องว่าแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้จริง แต่ช้างของกลางซึ่งใช้ชักลากไม้มาในความครอบครองของจำเลย ๆ ยืมมาจากผู้อื่น เจ้าของไม่รู้เห็นด้วย ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าช้างเป็นของผู้ร้อง ขอให้คืนแก่ผู้ร้อง ศาลชั้นต้นงดสืบพยานแล้วพิพากษาลงโทษจำเลย คืนช้างของกลางแก่เจ้าของ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนที่ไม่ริบของกลาง และให้พิจารณาพิพากษาใหม่เฉพาะประเด็นว่าช้างเป็นของใคร เจ้าของรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ดังนี้ จำเลยฎีกาขอให้คืนช้างของกลางแก่เจ้าของได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบอาวุธปืนที่มีใบอนุญาต: ดุลพินิจศาลในการสั่งริบวัตถุแห่งการกระทำผิด
อาวุธปืนของกลาง เป็นปืนที่มีใบอนุญาตแล้วจึงมิใช่วัตถุที่ผิดกฎหมายอันจะต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 การที่จำเลยพาอาวุธปืนไปในที่ชุมนุมชน ไม่ทำให้ปืนที่มีใบอนุญาตกลางเป็นปืนที่ผิดกฎหมายไปด้วย แต่เป็นวัตถุแห่งการกระทำผิดต้องอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่ แล้วแต่คดีเป็นเรื่อง ๆ ไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบอาวุธปืนที่มีใบอนุญาตจากการพกพาในที่สาธารณะ: ศาลมีดุลพินิจ
อาวุธปืนของกลาง เป็นปืนที่มีใบอนุญาตแล้ว จึงมิใช่วัตถุที่ผิดกฎหมายอันจะต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 การที่จำเลยพาอาวุธปืนไปในที่ชุมนุมชนไม่ทำให้ปืนที่มีใบอนุญาตกลายเป็นปืนที่ผิดกฎหมายไปด้วย แต่เป็นวัตถุแห่งการกระทำผิดต้องอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่ แล้วแต่คดีเป็นเรื่องๆ ไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 402/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความรับผิดทางอาญา: พยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการรับฟังว่าจำเลยนำเข้าเงินตราและสินค้าโดยผิดกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์ แต่รองเท้าไม้ของกลางจับได้จากนายประเสริฐ (ไม่ใช่จำเลย)เป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาตริบตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2490 มาตรา 3 ซึ่งเป็นบทหนัก โจทก์ฎีกาศาลฎีกาฟังว่ารองเท้าไม้นายประเสริฐถือมาอาจเป็นของนายประเสริฐเองแต่นายประเสริฐกลัวความผิดจึงปัดว่าเป็นของคนอื่น ไม่พอฟังว่าจับได้จากจำเลยพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ (หมายเหตุ ศาลฎีกาพิพากษายืน มีผลถึงให้ริบรองเท้าไม้ของกลางได้ด้วยน่าจะเป็นเพราะมีการกระทำเกิดขึ้นแล้ว นายประเสริฐซึ่งเป็นเจ้าของรู้เห็นแล้วน่าจะไม่ขัดกับฎีกาที่225/2506 และเทียบเคียงได้กับฎีกาที่ 751/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 402/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานนำเข้าสินค้าและเงินตราต่างประเทศ จำเลยต้องมีความผิดชัดเจน
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์ แต่รองเท้าไม้ของกลางจับได้จากนายประเสริฐ(ไม่ใช่จำเลย) เป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาต ริบตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2490 มาตรา 3 ซึ่งเป็นบทหนัก โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาฟังว่ารองเท้าไม้นายประเสริฐถือมาอาจเป็นของนายประเสริฐเอง แต่นายประเสริฐกลัวความผิดจึงปัดว่าเป็นคนอื่น ไม่พอฟังว่าจับได้จากจำเลย พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
(หมายเหตุ ศาลฎีกาพิพากษายืน มีผลถึงให้ริบรองเท้าไม้ของกลางไว้ด้วย น่าจะเป็นเพราะมีการกระทำผิดเกิดขึ้นแล้ว นายประเสริฐซึ่งเป็นเจ้าของรู้เห็นแล้ว น่าจะไม่ขัดกับฎีกาที่ 225/2506 และเทียบเคียงได้กับฎีกาที่ 751/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 348/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกอบอาชีพตัดผมของคนต่างด้าว: ความผิดตามกฎหมายเฉพาะและการริบของกลาง
ตามพระราบัญญัติช่วยอาชีพและวิชาชีพ พ.ศ.2484 ประกอบกับพระราชกฤษฎีกากำหนดอาชีพและวิชาชีพ พ.ศ.2492 นั้น จำเลยซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าวไม่มีสิทธิที่จะประกอบอาชีพตัดผมโดยเด็ดขาด และไม่มีทางที่จะได้รับอนุญาตเพราะทางการได้สงวนให้เป็นอาชีพเฉพาะคนไทยเท่านั้น การที่คนต่างด้าวประกอบอาชีพตัดผม จึงถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดเพราะฝ่ายฝืนบทกฎมายที่ได้กำหนดไว้ในตัว ไม่ใช่เป็นการกระทำเพราะไม่ได้รับอนุญาต ของกลาง(เครื่องมือ เครื่องใช้ และธนบัตร) จึงจำเป็นของที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด และได้มาโดยได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 จึงให้ริบ
(อ้างนัยฎีกาที่ 456/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 348/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกอบอาชีพตัดผมของคนต่างด้าวผิดกฎหมายเฉพาะ การริบของกลางที่เป็นเครื่องมือ
ตามพระราชบัญญัติช่วยอาชีพและวิชาชีพ พ.ศ.2484 ประกอบกับพระราชกฤษฎีกากำหนดอาชีพและวิชาชีพฯ พ.ศ.2492 นั้น จำเลยซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าว ไม่มีสิทธิที่จะประกอบอาชีพตัดผมโดยเด็ดขาด และไม่มีทางที่จะได้รับอนุญาตเพราะทางการได้สงวนให้เป็นอาชีพเฉพาะคนไทยเท่านั้น การที่คนต่างด้าวประกอบอาชีพตัดผม จึงถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิด เพราะฝ่าฝืนบทกฎหมายที่ได้กำหนดไว้ในตัว ไม่ใช่เป็นการกระทำเพราะไม่ได้รับอนุญาต ของกลาง (เครื่องมือ เครื่องใช้และธนบัตร) จึงเป็นของที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดและได้มาโดยได้กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 จึงให้ริบ (อ้างนัยฎีกาที่ 456/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบของกลางแม้ไม่มีความผิดฐานพนัน: ศาลสั่งริบโพยสลากที่ใช้ในการกระทำผิดได้ แม้จำเลยพ้นผิด
ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และจำหน่ายสลากกินรวบโดยไม่รับอนุญาต เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องเพราะข้อเท็จจริงไม่พอฟังลงโทษ แต่โพยสลากกินรวบของกลางฟังได้ว่าเป็นโพยที่จำเลยอื่นซึ่งถูกศาลพิพากษาลงโทษไปแล้วใช้ในการเล่นสลากกินรวบรายนี้กัน ดังนี้ ศาลก็ย่อมสั่งริบเสียได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2507)
of 55