คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 362

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 410 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2249/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิประทานบัตรแร่ไม่ทำให้ได้สิทธิครอบครองที่ดิน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีบุกรุก
สิทธิของโจทก์ตามประทานบัตรให้ทำเหมืองแร่ตามพระราชบัญญัติแร่พ.ศ.2510มาตรา73หาได้ทำให้โจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดินที่อยู่ในเขตประทานบัตรด้วยไม่การปักป้ายหลักเขตของประทานบัตรรวมทั้งป้ายที่เขียนแสดงแนวเขตที่ประทานบัตรของโจทก์เป็นเพียงเครื่องหมายแสดงอาณาเขตให้เป็นที่ทราบโดยทั่วไปว่าเขตประทานบัตรของโจทก์มีอยู่แค่ไหนเพียงใดเท่านั้นมิได้หมายความว่าโจทก์ได้สิทธิครอบครองหรือเข้าครอบครองที่พิพาทและแม้โจทก์จะมีสิทธิในการเตรียมการทำเหมืองตามมาตรา58ก็เป็นเพียงสิทธิที่จะกระทำการต่างๆตามที่บัญญัติไว้เท่านั้นมิได้ทำให้ได้สิทธิครอบครองในเขตประทานบัตรด้วยเมื่อโจทก์ยังไม่ได้เป็นผู้ครอบครองที่พิพาทโจทก์ก็ย่อมมิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยที่จะฟ้องจำเลยในความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา362,365โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1881/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่ดิน: การกระทำความผิดสำเร็จเมื่อเริ่มเข้ายึดครอง แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของ
จำเลยเข้าไปในที่ดินของจ. แล้วปลูกมันสำปะหลังเป็นการเข้าไปเพื่อถือการครอบครองหรือกระทำการใดๆอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุขย่อมเป็นความผิดฐานบุกรุกในขณะที่เริ่มเข้าไปปลูกพืชผลนั้นความผิดดังกล่าวได้เกิดขึ้นและสำเร็จแล้วตั้งแต่จำเลยเข้าไปจึงเป็นการรบกวนการครอบครองโดยปกติสุขของจ. ส่วนการที่จำเลยครอบครองที่ดินต่อมาเป็นผลของการบุกรุกโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินจากจ.เป็นเจ้าของหรือมีสิทธิครอบครองหลังจากการกระทำผิดฐานบุกรุกสำเร็จแล้วการกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นการบุกรุกที่ดินของโจทก์ร่วมโจทก์ร่วมไม่เป็นผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1881/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่ดิน: การกระทำความผิดเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มเข้าครอบครอง แม้ต่อมาจะมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของ
จำเลยเข้าไปในที่ดินของ จ. แล้วปลูกมันสำปะหลังเป็นการเข้าไปเพื่อถือการครอบครอง หรือกระทำการใด ๆอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข ย่อมเป็นความผิดฐานบุกรุกในขณะที่เริ่มเข้าไปปลูกพืชผลนั้น ความผิดดังกล่าวได้เกิดขึ้นและสำเร็จแล้ว ตั้งแต่จำเลยเข้าไปจึงเป็นการรบกวนการครอบครองโดยปกติสุข ของ จ. ส่วนการที่จำเลยครอบครองที่ดินต่อมาเป็นผลของการบุกรุกโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินจาก จ. เป็นเจ้าของหรือมีสิทธิครอบครองหลังจากการกระทำผิดฐานบุกรุกสำเร็จแล้วการกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นการบุกรุกที่ดินของโจทก์ร่วมโจทก์ร่วมไม่เป็นผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรบกวนการครอบครองที่ดินโดยทำลายเครื่องหมายเขตและบุกรุก
จำเลยสั่งให้ ท.กับพวกรื้อรั้วซึ่งเป็นเครื่องหมายเขตแห่งที่ดินและเข้าไปปิดกั้นรั้วของโจทก์ร่วมในที่ดินโฉนดเลขที่ 7992 โดย ท.กับพวกทำตามคำสั่งของจำเลยโดยไม่มีเจตนาร่วมกระทำความผิดด้วย กรณีจึงถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดฐานทำลายเครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์ และเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมเพื่อถือเอาที่ดินบางส่วนตามโฉนดเลขที่ 7992ของโจทก์ร่วมเป็นของจำเลย อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข ตาม ป.อ.มาตรา 362 และ 363 โดยจำเลยใช้ ท.กับพวกเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อรั้วเขตที่ดินและบุกรุกเพื่อครอบครองถือเอาที่ดินของผู้อื่นเป็นความผิดทางอาญา
จำเลยสั่งให้ ท. กับพวกรื้อรั้วซึ่งเป็นเครื่องหมายเขตแห่งที่ดินและเข้าไปปิดกั้นรั้วของโจทก์ร่วมในที่ดินโฉนดเลขที่ 7992 โดย ท. กับพวกทำตามคำสั่งของจำเลยโดยไม่มีเจตนาร่วมกระทำความผิดด้วย กรณีจึงถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดฐานทำลายเครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์ และเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมเพื่อถือเอาที่ดินบางส่วนตามโฉนดเลขที่ 7992 ของโจทก์ร่วมเป็นของจำเลย อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362และ 363 โดยจำเลยใช้ ท. กับพวกเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5588/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปิดกั้นทางเข้าออกที่ดินของผู้อื่น แม้จะอยู่ในที่ดินของตนเอง ถือเป็นการรบกวนการครอบครองและมีโทษทางอาญา
แม้ถนนที่เป็นทางเข้าออกของที่ดินของโจทก์จะอยู่ในเขตโฉนดที่ดินของจำเลยที่ 1 หรือไม่ก็ตาม จำเลยทั้งสองก็ไม่มีอำนาจโดยพลการที่จะนำไม้และสังกะสีไปตอกปิดกั้นประตูทางเข้าออกที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์เข้าออกที่ดินของโจทก์ไม่ได้ เป็นการล่วงล้ำเข้าไปในอำนาจการครอบครองของโจทก์ถือได้ว่าเป็นการเข้าไปกระทำการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุขจำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานบุกรุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4854/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้ให้เช่าในการเข้ายึดคืนห้องเช่าเมื่อสัญญาครบกำหนดและผู้เช่าไม่ปฏิบัติตามสัญญา
หนังสือสัญญาเช่าห้องพักระหว่างบ.ผู้เช่ากับจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าข้อ 3 ระบุว่า "ผู้เช่ายอมชำระค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าภายในวันที่ 30 ของเดือนทุก ๆ เดือน ถ้าไม่ชำระตามกำหนดนี้ ผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่ายึดเงินประกันของผู้เช่าได้และใส่กุญแจห้องผู้เช่าก็ได้ หรือผู้เช่ายินยอมอนุญาตให้ขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากห้องเช่าได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ" ข้อ 9 ระบุว่า"ถ้าผู้เช่าประพฤติผิดล่วงละเมิดสัญญาแม้แต่ข้อหนึ่งข้อใด หรือกระทำผิดวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งข้อใด ยอมให้ผู้ให้เช่าทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะเข้ายึดครอบครองสถานที่และสิ่งที่เช่าได้โดยพลันและมีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันที" และข้อ 10 ระบุว่า "เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าก็ดีหรือผู้เช่าผิดสัญญาเช่าก็ดี ผู้เช่ายอมให้ถือว่าผู้เช่ายอมออกจากที่เช่า" ข้อสัญญาดังกล่าวนี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงใช้บังคับได้ เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดเวลาและจำเลยที่ 1 ได้บอกเลิกสัญญาเช่าด้วยแล้ว บ.และผู้เสียหายซึ่งอยู่ในห้องพิพาทโดยอาศัยสิทธิ บ. ย่อมไม่มีสิทธิอยู่ในห้องพิพาทต่อไป เมื่อ บ. ไม่ยอมออกไปจากห้องพิพาทจำเลยที่ 1 จึงใช้สิทธิตามหนังสือสัญญาเช่าห้องพัก โดยเข้าไปในห้องพิพาทแล้วใช้คีมหนีบกุญแจลูกบิดประตู บานพับหน้าต่างถอดเอาสะพานไฟฟ้าและเครื่องรับโทรศัพท์ในห้องพิพาทออกไปจึงไม่มีมูลความผิดฐานบุกรุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4854/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าและการใช้สิทธิของผู้ให้เช่าเมื่อผู้เช่าผิดสัญญา การกระทำไม่มีความผิดทางอาญา
ตามหนังสือสัญญาเช่าห้องพัก ข้อ 3 ระบุว่า "ผู้เช่ายอมชำระค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าภายในวันที่ 30 ของเดือนทุก ๆ เดือน ถ้าไม่ชำระตามกำหนดนี้ ผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่ายึดเงินประกันของผู้เช่าได้ และใส่กุญแจห้องผู้เช่าก็ได้หรือผู้เช่ายินยอมอนุญาตให้ขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากห้องเช่าได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ" ข้อ 9 ระบุว่า "ถ้าผู้เช่าประพฤติผิดล่วงละเมิดสัญญาแม้แต่ข้อหนึ่งข้อใด หรือกระทำผิดวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งข้อใด ยอมให้ผู้ให้เช่าทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะเข้ายึดครอบครองสถานที่และสิ่งที่เช่าได้โดยพลันและมีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันที" และข้อ 10 ระบุว่า "เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าก็ดี หรือผู้เช่าผิดสัญญาเช่าก็ดีผู้เช่ายอมให้ถือว่าผู้เช่ายอมออกจากที่เช่า" ข้อสัญญาดังกล่าวนี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนจึงใช้บังคับได้ บ.ผู้เช่าและจำเลยที่ 1 ผู้ให้เช่าต้องปฏิบัติตามสัญญานี้ เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดเวลาและจำเลยที่ 1ได้บอกเลิกสัญญาเช่าแก่ บ.ด้วยแล้ว บ.และผู้เสียหายไม่มีสิทธิอยู่ในห้องพิพาทต่อไป เมื่อ บ.ไม่ยอมออกไปจากห้องพิพาท จำเลยที่ 1 จึงใช้สิทธิตามหนังสือสัญญาเช่าห้องพักดังกล่าวได้ การที่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภริยาจำเลยที่ 1 ได้เข้าไปในห้องพิพาทแล้วใช้คีมหนีบกุญแจลูกบิดประตูบานพับหน้าต่าง ถอดเอาสะพานไฟฟ้า และเครื่องรับโทรศัพท์ในห้องพิพาทออกไป จึงไม่มีมูลความผิดทางอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4854/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของผู้ให้เช่าตามสัญญาเช่าและการใช้สิทธิเมื่อผู้เช่าผิดสัญญา
ตามหนังสือสัญญาเช่าห้องพัก ข้อ 3 ระบุว่า "ผู้เช่ายอมชำระค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าภายในวันที่ 30 ของเดือนทุก ๆ เดือน ถ้าไม่ชำระตามกำหนดนี้ ผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่ายึดเงินประกันของผู้เช่าได้ และใส่กุญแจห้องผู้เช่าก็ได้ หรือผู้เช่ายินยอมอนุญาตให้ขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากห้องเช่าได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ" ข้อ 9 ระบุว่า "ถ้าผู้เช่าประพฤติผิดล่วงละเมิดสัญญาแม้แต่ข้อหนึ่งข้อใด หรือกระทำผิดวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งข้อใด ยอมให้ผู้ให้เช่าทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะเข้ายึดครอบครองสถานที่และสิ่งที่เช่าได้โดยพลันและมีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันที"และข้อ 10 ระบุว่า "เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าก็ดี หรือผู้เช่าผิดสัญญาเช่าก็ดีผู้เช่ายอมให้ถือว่าผู้เช่ายอมออกจากที่เช่า" ข้อสัญญาดังกล่าวนี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนจึงใช้บังคับได้ บ.ผู้เช่าและจำเลยที่ 1 ผู้ให้เช่าต้องปฏิบัติตามสัญญานี้ เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดเวลาและจำเลยที่ 1 ได้บอกเลิกสัญญาเช่าแก่ บ.ด้วยแล้ว บ.และผู้เสียหายไม่มีสิทธิอยู่ในห้องพิพาทต่อไป เมื่อ บ.ไม่ยอมออกไปจากห้องพิพาท จำเลยที่ 1 จึงใช้สิทธิตามหนังสือสัญญาเช่าห้องพักดังกล่าวได้ การที่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภริยาจำเลยที่ 1 ได้เข้าไปในห้องพิพาทแล้วใช้คีมหนีบกุญแจลูกบิดประตูบานพับหน้าต่าง ถอดเอาสะพานไฟฟ้า และเครื่องรับโทรศัพท์ในห้องพิพาทออกไป จึงไม่มีมูลความผิดทางอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3481/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุก: เหตุอันสมควรในการเข้าไปในบ้านผู้อื่น แม้มีอาวุธ
จำเลยเข้าไปในบ้านโจทก์เนื่องจากต้องการจะตกลงกับโจทก์เรื่องที่โจทก์ดำเนินกิจการต้มเปลือกหอยแล้วทำให้เปลือกหอยส่งกลิ่นเหม็นการเข้าไปเช่นนี้นับว่ามีเหตุอันสมควร แม้จำเลยจะมีปืนติดตัวไปด้วยก็ไม่เป็นข้อสำคัญ ไม่ทำให้การเข้าไปนั้นกลับไม่มีเหตุอันสมควร อันจะทำให้จำเลยมีความผิดฐานบุกรุก
of 41