พบผลลัพธ์ทั้งหมด 410 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3218/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาลงโทษฐานรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่เกินคำขอ
ฟ้องโจทก์ที่มีข้อความว่า จำเลยกับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองปลูกสร้างอาคารในที่ดินพิพาทเพื่อถือการครอบครองที่ดินซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวบางส่วน อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข ถือว่าเป็นการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปลูกสร้างอาคารเพื่อถือการครอบครอง และปลูกสร้างอาคารอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ด้วย มิใช่ฟ้องว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์แต่เพียงอย่างเดียว เมื่อได้ความว่าจำเลยปลูกเรือนพิพาทลงในแม่น้ำโดยมิได้ปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทแต่จำเลยนำไม้ระแนง พาด จากพื้นดินไปยังเรือนพิพาทเพื่อใช้เป็นทางเข้าออกผ่านที่พิพาท อันเป็นการปลูกสร้างอาคารรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุขตามฟ้องโจทก์แล้ว ดังนั้นการที่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย จึงมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในคำฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3218/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาลงโทษฐานรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ไม่เกินคำขอฟ้อง
ฟ้องโจทก์ที่มีข้อความว่า จำเลยกับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองปลูกสร้างอาคารในที่ดินพิพาทเพื่อถือการครอบครองที่ดินซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวบางส่วน อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข ถือว่าเป็นการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปลูกสร้างอาคารเพื่อถือการครอบครอง และปลูกสร้างอาคารอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ด้วย มิใช่ฟ้องว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์แต่เพียงอย่างเดียว เมื่อได้ความว่าจำเลยปลูกเรือนพิพาทลงในแม่น้ำโดยมิได้ปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทแต่จำเลยนำไม้ระแนงพาดจากพื้นดินไปยังเรือนพิพาทเพื่อใช้เป็นทางเข้าออกผ่านที่พิพาท อันเป็นการปลูกสร้างอาคารรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุขตามฟ้องโจทก์แล้ว ดังนั้นการที่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย จึงมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3104/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดินของผู้อื่น แม้มีสิทธิใช้ประโยชน์บ้าง การกระทำเกินขอบเขตถือเป็นความผิด
โจทก์ร่วมเป็นเจ้าของที่ดินทั้งแปลง โจทก์ร่วมสร้างตึกแถวซึ่งรวมทั้งตึกแถวซึ่งจำเลยที่ 2 ซื้อไปด้วย โดยเว้นที่ว่างด้านหน้าตึกแถว 5 เมตร เพื่อเป็นทางเข้าออกจากถนนสุขุมวิทไปยังตึกแถวแต่ละห้อง โดยที่ดินหน้าตึกแถวยังเป็นของโจทก์ร่วมซึ่งจำเลยที่ 2ผู้ซื้อตึกแถวย่อมรู้แต่แรกแล้ว แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมีสิทธิใช้ที่ดินหน้าตึกแถว ก็ต้องใช้ในขอบเขตสมควร การที่จำเลยที่ 2เทปูนซีเมนต์ตลอดจนกางเต็นท์ และตั้งขายรถจักรยานยนต์ในที่ดินหน้าตึกแถวของโจทก์ร่วมเป็นการใช้สิทธิเกินขอบเขต เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข จำเลยที่ 1ที่ 2 มีความผิดฐานบุกรุก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2758/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินระหว่างการจัดรูปที่ดิน: สิทธิยังเป็นของผู้ถือเดิมจนกว่าจะออกหนังสือแสดงสิทธิใหม่
การจัดรูปที่ดินตามพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2517 นั้น ตราบใดที่ยังไม่มีการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินสำหรับแปลงที่ดินในโครงการที่จัดรูปที่ดินตามมาตรา 41 ใหม่แล้ว สิทธิในที่ดินยังคงเป็นของผู้ถือหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเดิมอยู่ ผู้เสียหายที่ 1 เป็นผู้ได้รับสิทธิในที่ดินตามโครงการจัดรูปที่ดินบริเวณที่นาพิพาทซึ่งยังไม่ได้รับหนังสือแสดงสิทธิสำหรับที่ดินที่จัดรูปแล้ว สิทธิในที่นาพิพาทจึงยังคงเป็นของจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้ถือหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเดิม จำเลยทั้งสองยังไม่ได้มอบการครอบครองที่นาพิพาทให้แก่ผู้เสียหายที่ 1 ดังนั้นการที่จำเลยทั้งสองเอารถไถเข้าไปไถนาพิพาทจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2431/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินโดยเชื่อว่ามีสิทธิ และความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่มีความผิด
การที่ศาลจะมีอำนาจสั่งให้บุคคลใดออกไปจากที่ดินของรัฐนั้นต้องเป็นกรณีที่ศาลพิพากษาว่า บุคคลดังกล่าวได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9,108 ทวิ แล้ว เมื่อที่พิพาทยังไม่อาจฟังได้แน่ชัดว่าเป็นที่สาธารณประโยชน์และจำเลยยึดถือครอบครองอยู่โดยเชื่อว่าตนมีสิทธิครอบครองต่อจากบิดา จึงไม่เป็นความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลไม่อาจสั่งให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่พิพาทได้ การที่จำเลยไม่ยอมออกจากที่พิพาทตามคำสั่งของนายอำเภอเพราะเชื่อว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกันกับที่วินิจฉัยมาแล้วว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 แม้ปัญหานี้ยุติแล้วในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ประกอบมาตรา215 และ 225.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2244/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกต้องเป็นการครอบครองใหม่ หรือรบกวนการครอบครองเดิม การยินยอมจากเจ้าของเดิมก่อนโอนกรรมสิทธิ์ ไม่ถือเป็นความผิด
ความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 นั้นต้องเป็นการเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้น หรือเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข จำเลยเข้าไปปลูกสร้างบ้านในที่พิพาทโดยความยินยอมของเจ้าของเดิมก่อนโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทมา หาใช่จำเลยเพิ่งเข้าไปครอบครองที่พิพาทเมื่อโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทแล้วไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 362
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2244/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดินต้องเป็นการเข้าไปครอบครองโดยไม่มีสิทธิ การยินยอมของเจ้าของเดิมก่อนโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ ไม่ถือเป็นการบุกรุก
ความผิดฐานบุกรุกตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 นั้น ต้องเป็นการเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้น หรือเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข จำเลยเข้าไปปลูกสร้างบ้านในที่พิพาทโดยความยินยอมของเจ้าของเดิมก่อนโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทมา หาใช่จำเลยเพิ่งเข้าไปครอบครองที่พิพาทเมื่อโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทแล้วไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 362
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2244/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกต้องเป็นการครอบครองโดยปราศจากความยินยอม การปลูกสร้างโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าของเดิมก่อนโอนกรรมสิทธิ์ไม่ถือเป็นความผิด
ความผิดฐานบุกรุกตาม ป.อ. มาตรา 362 นั้น ต้องเป็นการเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้น หรือเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุขจำเลยเข้าไปปลูกสร้างบ้านในที่พิพาทโดยความยินยอมของเจ้าของเดิมก่อนโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทมา หาใช่จำเลยเพิ่งเข้าไปครอบครองที่พิพาทเมื่อโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทแล้วไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 362.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2244/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกต้องเป็นการเข้าไปภายหลังการโอนกรรมสิทธิ์ การครอบครองก่อนไม่ผิด
ความผิดฐานบุกรุกตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 นั้นต้อง เป็นการเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือ การครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้น หรือเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดย ปกติสุข จำเลยเข้าไปปลูกสร้างบ้านในที่พิพาทโดย ความยินยอมของเจ้าของเดิม ก่อนโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทมา หาใช่จำเลยเพิ่งเข้าไปครอบครองที่พิพาทเมื่อโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทแล้วไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 362.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1692/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน และขอบเขตความผิดทางอาญา
จำเลยเข้าไปไถพูนดินปลูกมะพร้าวในที่สาะารณสมบัติของแผ่นดินย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 108 ทวิ วรรคสองแต่ไม่มีความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362,365เพราะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาดังกล่าว กฎหมายมุ่งประสงค์จะลงโทษผู้บุกรุกอสังหาริมทรัพย์ที่เอกชนเป็นเจ้าของเท่านั้นไม่ใช่บทบัญญัติที่จะลงโทษผู้บุกรุกสาธารณสมบัติของแผ่นดินแต่อย่างใด จึงลงโทษจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา362,365 ไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)