พบผลลัพธ์ทั้งหมด 168 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 94/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องทางเดินเมื่อที่ดินถูกแบ่งแยก – มาตรา 1350 และวิธีบังคับคดีตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2527
เมื่อคดีฟังได้ว่าที่ดินแปลงเดิมมีทางออกไปสู่ทางสาธารณะแต่ภายหลังถูกแบ่งแยกเป็นเหตุให้ที่ดินที่ถูกแบ่งแยกออกมาซึ่งเป็นของโจทก์ไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะ โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินบนที่ดินของจำเลยซึ่งเคยเป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่ดินของโจทก์มาแต่เดิมได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 การที่โจทก์มีคำขอว่า หากจำเลยไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างก็ขอให้บุคคลภายนอกเป็นผู้รื้อถอน โดยให้จำเลยชดใช้้ค่าใช้จ่ายนั้น เมื่อมีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2527ออกใช้บังคับ ซึ่งมาตรา 12 เพิ่มเติมมาตรา 296 ทวิเปลี่ยนแปลงวิธีการดังกล่าวเป็นว่า หากลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีให้จัดการให้โจทก์ชอบที่จะดำเนินการตามวิธีดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2061/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นและขอบเขตค่าทดแทน: ศาลฎีกาจำกัดประเด็นค่าทดแทนการใช้ทางจำเป็นเฉพาะการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายโดยตรง
เมื่อตามคำให้การของจำเลยร่วมไม่ได้โต้แย้งว่าเดิมที่ดินของโจทก์และที่ดินของป.แบ่งแยกจากที่ดินแปลงเดียวกันเป็นเหตุให้เจ้าของที่ดินแปลงขณะแบ่งแยกซึ่งต่อมาตกเป็นของโจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินบนที่ดินของป.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1350การที่จำเลยยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาจึงเป็นเรื่องที่จำเลยร่วมมิได้ให้การต่อสู้ไว้เป็นประเด็นศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้. โจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็นและเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจำเลยและจำเลยร่วมต่อสู้ว่าทางพิพาทไม่ใช่ทางจำเป็นจำเลยมีสิทธิปิดทางพิพาทการกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิดเท่านั้นประเด็นแห่งคดีไม่มีเรื่องค่าทดแทนอันเกิดจากการใช้ทางจำเป็นเลยจำเลยร่วมจึงชอบที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่โจทก์ในเรื่องนี้เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหากที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์เสียค่าทดแทนการใช้ทางจำเป็น(ทางพิพาท)ของโจทก์ให้แก่จำเลยร่วมเจ้าของที่ดินจึงนอกประเด็นแห่งคดีไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2061/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในทางจำเป็นและการยกประเด็นใหม่นอกเหนือจากที่ได้ให้การไว้ในคดี
เมื่อตามคำให้การของจำเลยร่วมไม่ได้โต้แย้งว่า เดิมที่ดินของโจทก์และที่ดินของ ป.แบ่งแยกจากที่ดินแปลงเดียวกัน เป็นเหตุให้เจ้าของที่ดินแปลงขณะแบ่งแยกซึ่งต่อมาตกเป็นของโจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินบนที่ดินของ ป.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 การที่จำเลยยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาจึงเป็นเรื่องที่จำเลยร่วมมิได้ให้การต่อสู้ไว้เป็นประเด็นศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็นและเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจำเลยและจำเลยร่วมต่อสู้ว่าทางพิพาทไม่ใช่ทางจำเป็น จำเลยมีสิทธิปิดทางพิพาทการกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิดเท่านั้น ประเด็นแห่งคดีไม่มีเรื่องค่าทดแทนอันเกิดจากการใช้ทางจำเป็นเลย จำเลยร่วมจึงชอบที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่โจทก์ในเรื่องนี้เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์เสียค่าทดแทนการใช้ทางจำเป็น (ทางพิพาท) ของโจทก์ให้แก่จำเลยร่วมเจ้าของที่ดินจึงนอกประเด็นแห่งคดี ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
โจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็นและเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจำเลยและจำเลยร่วมต่อสู้ว่าทางพิพาทไม่ใช่ทางจำเป็น จำเลยมีสิทธิปิดทางพิพาทการกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิดเท่านั้น ประเด็นแห่งคดีไม่มีเรื่องค่าทดแทนอันเกิดจากการใช้ทางจำเป็นเลย จำเลยร่วมจึงชอบที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่โจทก์ในเรื่องนี้เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์เสียค่าทดแทนการใช้ทางจำเป็น (ทางพิพาท) ของโจทก์ให้แก่จำเลยร่วมเจ้าของที่ดินจึงนอกประเด็นแห่งคดี ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2061/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นและการยกข้อต่อสู้ใหม่นอกประเด็นคดี ศาลฎีกาตัดสินเรื่องทางจำเป็นและค่าทดแทน
เมื่อตามคำให้การของจำเลยร่วมไม่ได้โต้แย้งว่าเดิมที่ดินของโจทก์และที่ดินของป. แบ่งแยกจากที่ดินแปลงเดียวกันเป็นเหตุให้เจ้าของที่ดินแปลงขณะแบ่งแยกซึ่งต่อมาตกเป็นของโจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินบนที่ดินของป.ตามป.พ.พ.มาตรา1350การที่จำเลยร่วมยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาจึงเป็นเรื่องที่จำเลยร่วมมิได้ให้การต่อสู้ไว้เป็นประเด็นศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้ โจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็นและเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจำเลยและจำเลยร่วมต่อสู้ว่าทางพิพาทไม่ใช่ทางจำเป็นจำเลยมีสิทธิปิดทางพิพาทการกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิดเท่านั้นประเด็นแห่งคดีไม่มีเรื่องค่าทดแทนอันเกิดจากการใช้ทางจำเป็นเลยจำเลยร่วมจึงชอบที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่โจทก์ในเรื่องนี้เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหากที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์เสียค่าทดแทนการใช้ทางจำเป็นให้แก่จำเลยร่วมเจ้าของที่ดินจึงนอกประเด็นแห่งคดีไม่ชอบด้วยป.วิ.พ.มาตรา142.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3912/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงการใช้ที่ดินร่วมกัน และประเด็นการแบ่งที่ดินพิพาท โดยไม่มีประเด็นทางจำเป็น
โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์กับจำเลยร่วมกันซื้อ และเป็นเจ้าของร่วมกัน โดยแต่เดิมโจทก์ยอมให้จำเลยใช้เป็นทางผ่าน ได้ชั่วคราวและบัดนี้จำเลยหมดความจำเป็นแล้วจำเลยให้การและ ฟ้องแย้งว่าได้ร่วมกับโจทก์ซื้อที่ดินตามฟ้อง แต่ตกลงกันไว้ว่า ให้กันที่ดินพิพาทไว้เป็นถนนเพื่อใช้เป็นทางเข้าออกร่วมกันตลอดไป เนื่องจากที่ดินของจำเลยถูกที่ดินแปลงอื่นปิดล้อมไม่มีทางออกสู่ ถนนสาธารณะที่ดินพิพาทด้านทิศใต้ที่อยู่ติดกับทางสาธารณะ มีกำแพงปิดอยู่เมื่อจำเลยแสดงเจตนาจะใช้ที่ดินพิพาททำเป็นถนนโจทก์คัดค้านไม่ให้จำเลยรื้อกำแพงและใช้สิทธิทำถนนเพื่อเป็นทาง เข้าออกอันเป็นการผิดข้อตกลงขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์หรือ บุคคลภายนอกรื้อถอนกำแพงโดยโจทก์เป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายเอง โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่าที่ดินของจำเลยมีทางออกสู่ ทางสาธารณะโจทก์ไม่เคยตกลงกับจำเลยดังจำเลยฟ้องแย้ง ดังนี้คดีคงมีประเด็นเพียงว่าโจทก์กับจำเลยได้ตกลงกันให้ใช้ ที่ดินพิพาทเป็นทางเข้าออกร่วมกันเป็นการถาวรตลอดไปหรือ เป็นการชั่วคราวไม่มีประเด็นเรื่องทางจำเป็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3912/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงการใช้ที่ดินร่วมกัน และประเด็นการพิสูจน์ข้อตกลงในการใช้ทางเข้าออก
โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์กับจำเลยร่วมกันซื้อ และเป็นเจ้าของร่วมกัน โดยแต่เดิมโจทก์ยอมให้จำเลยใช้เป็นทางผ่าน ได้ชั่วคราวและบัดนี้จำเลยหมดความจำเป็นแล้วจำเลยให้การและ ฟ้องแย้งว่าได้ร่วมกับโจทก์ซื้อที่ดินตามฟ้อง แต่ตกลงกันไว้ว่า ให้กันที่ดินพิพาทไว้เป็นถนนเพื่อใช้เป็นทางเข้าออกร่วมกันตลอดไป เนื่องจากที่ดินของจำเลยถูกที่ดินแปลงอื่นปิดล้อมไม่มีทางออกสู่ ถนนสาธารณะที่ดินพิพาทด้านทิศใต้ที่อยู่ติดกับทางสาธารณะ มีกำแพงปิดอยู่เมื่อจำเลยแสดงเจตนาจะใช้ที่ดินพิพาททำเป็นถนน โจทก์คัดค้านไม่ให้จำเลยรื้อกำแพงและใช้สิทธิทำถนนเพื่อเป็นทาง เข้าออกอันเป็นการผิดข้อตกลงขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์หรือ บุคคลภายนอกรื้อถอนกำแพงโดยโจทก์เป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายเอง โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่าที่ดินของจำเลยมีทางออกสู่ ทางสาธารณะโจทก์ไม่เคยตกลงกับจำเลยดังจำเลยฟ้องแย้ง ดังนี้คดีคงมีประเด็นเพียงว่าโจทก์กับจำเลยได้ตกลงกันให้ใช้ ที่ดินพิพาทเป็นทางเข้าออกร่วมกันเป็นการถาวรตลอดไปหรือ เป็นการชั่วคราวไม่มีประเด็นเรื่องทางจำเป็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3261/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางจำเป็น: ที่ดินถูกล้อมมีสิทธิผ่านที่ดินอื่นเพื่อออกสู่ทางสาธารณะ แม้ทางนั้นไม่ติดทางสาธารณะโดยตรง
ทางจำเป็นหาจำต้องเชื่อมต่อกับทางสาธารณะโดยตรงไม่ความมุ่งหมายที่สำคัญคือให้ที่ดินที่ถูกล้อมอยู่นั้นมีทางออกถึงทางสาธารณะได้
ถ้าโจทก์ผ่านทางพิพาทได้ โจทก์ก็สามารถใช้รถยนต์ไปตามทางจนในที่สุดไปถึงทางสาธารณะได้ ทางพิพาทจึงเป็นทางจำเป็น
ถ้าโจทก์ผ่านทางพิพาทได้ โจทก์ก็สามารถใช้รถยนต์ไปตามทางจนในที่สุดไปถึงทางสาธารณะได้ ทางพิพาทจึงเป็นทางจำเป็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3261/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางจำเป็น: ที่ดินถูกล้อมต้องมีทางออกสู่ทางสาธารณะ แม้ทางนั้นไม่ติดทางสาธารณะโดยตรง
ทางจำเป็นหาจำต้องเชื่อมต่อกับทางสาธารณะโดยตรงไม่ความมุ่งหมายที่สำคัญคือให้ที่ดินที่ถูกล้อมอยู่นั้นมีทางออกถึงทางสาธารณะได้ ถ้าโจทก์ผ่านทางพิพาทได้ โจทก์ก็สามารถใช้รถยนต์ไปตามทางจนในที่สุดไปถึงทางสาธารณะได้ ทางพิพาทจึงเป็นทางจำเป็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงคำขอทางสิทธิในที่ดิน: โจทก์ต้องอุทธรณ์หากไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฟ้องว่าทางพิพาทเป็นทางจำเป็นและเป็นทางภารจำยอมเมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าไม่เป็นทางภารจำยอม แต่เป็นทางจำเป็น จึงพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปิดกั้นทางพิพาทคำขออื่นๆ ให้ยก หากโจทก์เห็นว่าโจทก์ได้สิทธิทางภารจำยอม โจทก์ก็จะต้องอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าวินิจฉัยไม่ถูกต้องอย่างไร แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ เพียงแก้อุทธรณ์และขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมด้วย ฉะนั้นประเด็นในเรื่องทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาให้ศาลฎีกาวินิจฉัยได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทางภารจำยอมย่อมต้องยกขึ้นอุทธรณ์หากไม่เห็นพ้องกับคำพิพากษาศาลชั้นต้น การยกขึ้นฎีกาจึงเป็นการยกประเด็นใหม่
โจทก์ฟ้องว่าทางพิพาทเป็นทางจำเป็นและเป็นทางภารจำยอม เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าไม่เป็นทางภารจำยอม แต่เป็นทางจำเป็นจึงพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปิดกั้นทางพิพาท คำขออื่น ๆ ให้ยก หากโจทก์เห็นว่าโจทก์ได้สิทธิทางภารจำยอม โจทก์ก็จะต้องอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าวินิจฉัยไม่ถูกต้องอย่างไร แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ เพียงแก้อุทธรณ์และขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมด้วย ฉะนั้นประเด็นในเรื่องทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาให้ศาลฎีกาวินิจฉัยได้อีก