คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 161

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 220 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 544/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำลายตราหลักเขตป่าสงวน ต้องพิสูจน์เจตนาและวัตถุประสงค์ของการประทับตรา เพื่อให้เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ในฟ้องกล่าวแต่เพียงว่า ทำลายตราหลักเขตป่าสงวนซึ่งเจ้าพนักงานตรีตราประทับไว้ที่ต้นไม้ส้าน ย่อมไม่มีทางที่จะเข้าใจได้ว่าเป็นตราที่เจ้าพนักงานประทับไว้ในการปฏิบัติตามหน้าที่ เพื่อเป็นหลักฐานในการยึดอายัดหรือรักษาสิ่งนั้น ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 141
ฟ้องอย่างนี้ศาลย่อมยกฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าซื้อและการฟ้องร้องทางอาญา: กรณีผิดสัญญาเช่าซื้อไม่ใช่ความผิดอาญา
บรรยายฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาเช่าซื้อจักรเย็บผ้า แล้วต่อมาจำเลยไม่ชำระค่าเช่าซื้อ ให้ส่งจักรคืนจำเลยก็ไม่ส่งคืน ทั้งนี้ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังยักยอกไว้เป็นของตน ฟ้องดังนี้เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งไม่มีมูลความผิดทางอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฝากเงินและเจตนาทุจริต: ไม่เป็นความผิดฐานยักยอกหากผู้รับฝากนำไปใช้จ่าย
ฝากเงินให้ช่วยเก็บรักษาไว้ ต่อมานานปีเศษขอเงินคืน แต่ผู้รับฝากคืนให้ไม่ได้โดยอ้างว่า ตัวเองและสามีได้เอาไปใช้จ่ายเสียหมดแล้ว ดังนี้ เป็นเรื่องที่จะว่ากล่าวกันทางแพ่ง ไม่เป็นผิดอาญาฐานยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1667/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเพียงพอของฟ้องอาญาที่ระบุความร่วมมือของจำเลย แม้ไม่ได้กล่าวถึงชื่อจำเลยในทุกข้อหา
บรรยายฟ้อง 5 ข้อ ว่าด้วยการสมคบกันปลอมหนังสือและฉ้อโกงทรัพย์ แม้ในฟ้องข้อ 2-3-4 จะไม่ได้ระบุถึงชื่อของจำเลยที่ 3 ด้วยเลย แต่ในฟ้องข้อ 1 กับข้อ 5 ได้ระบุไว้ว่าจำเลยที่ 3 ได้ร่วมสมคบในการนั้นด้วย โดยได้ร่วมมือและแบ่งแยกหน้าที่กันทำ มีการคบคิดกันมาแต่ต้น แล้วได้กระทำด้วยความร่วมมือเกี่ยวโยงกันแต่ต้นจนสำเร็จ ฟ้องดังนี้ได้แสดงรายละเอียดพอให้จำเลยที่ 3 เข้าใจข้อหาทั้งหมดนั้นได้ดีแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1667/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเพียงพอของฟ้องอาญา: การระบุบทบาทของผู้ต้องหาในความร่วมมือกระทำผิด
บรรยายฟ้อง 5 ข้อ ว่าด้วยการสมคบปลอมหนังสือและฉ้อโกงทรัพย์ แม้ในฟ้องข้อ 2 - 3 - 4 จะไม่ได้ ระบุถึงชื่อของจำเลยที่ 3 ด้วยเลยแต่ในฟ้องข้อ 1 กับข้อ 5 ได้ระบุไว้ว่า จำเลยที่ 3 ได้ร่วมสมคบในการนั้นด้วย โดยได้ร่วมสมคบในการนั้นด้วย โดยได้ร่วมมือและแบ่งแยกหน้าที่กันทำ มีการคบคิดกันมาแต่ต้น แล้วได้กระทำด้วยความร่วมมือเกี่ยวโยงกันแต่ต้นจนสำเร็จ ฟ้องดังนี้ได้แสดงรายละเอียดพอให้จำเลยที่ 3 เข้าใจข้อหาทั้งหมดนั้นได้ดีแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1640/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาล: ฟ้องผิดฐาน, ศาลสั่งรับเฉพาะข้อกล่าวหาที่อยู่ในอำนาจ และไม่จำต้องแก้ฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 285 แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์มีข้อเท็จจริงไม่เข้าลักษณะความผิดตาม มาตรา 285 ซึ่งอยู่ในอำนาจศาลทหารเลย แต่เข้าลักษณะการกระทำผิดตามมาตรา 276 ถึงแม้โจทก์จะอ้างมาตรา 285 มาด้วย ก็ไม่เป็นเหตุทำให้ฟ้องของโจทก์ต้องขึ้นศาลทหารและศาลชั้นต้นก็ได้ สั่งประทับฟ้องเฉพาะในข้อกล่าวหาตาม มาตรา 276 ศาลจึงมีอำนาจพิจารณาได้ โดยไม่จำต้องสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องมายื่นใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1640/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาล: ฟ้องหลายกระทง ศาลพิจารณาเฉพาะกระทงที่อยู่ในอำนาจตนได้ แม้ฟ้องรวมกระทงที่ต้องส่งไปศาลทหาร
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 และ 285 แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์มีข้อเท็จจริงไม่เข้าลักษณะความผิดตาม มาตรา 285 ซึ่งอยู่ในอำนาจศาลทหารเลย แต่เข้าลักษณะการกระทำผิดตามมาตรา 276 ถึงแม้โจทก์จะอ้างมาตรา 285 มาด้วย ก็ไม่เป็นเหตุทำให้ฟ้องของโจทก์ต้องขึ้นศาลทหาร และศาลชั้นต้นก็ไต่สวนประทับฟ้องเฉพาะในข้อกล่าวหาตาม มาตรา 276 ศาลจึงมีอำนาจพิจารณาได้โดยไม่จำต้องสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องมายื่นใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกเงินค่าจำนำวิทยุ ไม่ใช่การยักยอกทรัพย์ ยักยอกเงินค่าจำนำถือเป็นเรื่องบังคับชำระหนี้ ไม่เป็นความผิดอาญา
ตามฟ้องของโจทก์นี้ (ดูฟ้องโจทก์) แปลได้ว่า เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกเงินค่าจำนำวิทยุ (ไม่ใช่ยักยอกเครื่องวิทยุ) จึงไม่มีมูลคดีอาญา (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกเงินค่าจำนำวิทยุ ไม่ใช่การยักยอกทรัพย์ โจทก์ไม่มีมูลฟ้องอาญา
ตามฟ้องของโจทก์นี้ (ดูฟ้องโจทก์) แปลได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกเงินค่าจำนำวิทยุ (ไม่ใช่ยักยอกเครื่องวิทยุ)จึงไม่มีมูลคดีอาญา (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขฟ้องที่ขาดการลงชื่อ: ศาลมีอำนาจสั่งให้แก้ไขเพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปได้
สืบพยานโจทก์ได้ 1 ปาก โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลว่าคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ โจทก์ยังมิได้ลงชื่อทั้งเป็นสำเนาด้วย โจทก์ขอส่งคำขอท้ายฟ้องอันแท้จริงใหม่ศาลชั้นต้นสอบถามจำเลยจำเลยว่าแล้วแต่ศาลจะสั่งดังนี้ศาลชั้นต้นจะสั่งยกคำร้องของโจทก์ หาชอบไม่ น่าจะเป็นความพลั้งเผลอของผู้ที่กลัดคำฟ้องกลัดสับสนกันไป หากศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์จัดทำใหม่ให้ถูกต้อง ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียหายในการดำเนินคดีหรือต่อสู้คดีแต่ประการใด
of 22