คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.ว่าด้วยระเบียบราชการบริหารแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2476

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 20 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 559/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจของคณะรัฐมนตรีในการจัดตั้งองค์การสรรพาหารเพื่อลดค่าครองชีพ และการสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
การที่คณะรัฐมนตรีลงมติตั้งองค์การสรรพาหารขึ้น เพื่อดำเนินการลดค่าครองชีพของประชาชนนั้น ย่อมเป็นการดำ เนินการลดค่าครองชีพของประชาชน ให้ประชาชนได้มีอาหารครองชีพถูก จึงอยู่ภายในวัตถุที่ประสงค์ของการบริ หารแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีจึงมีอำนาจจัดตั้งองค์การณ์นี้ขึ้นได้โดยชอบด้วยกฎหมาย.
ตาม พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวงทะบวงกรม พ.ศ. 2484 - 2495 มาตรา 5 มีว่า สำนักนายกรัฐมนตรีมีอำนาจและหน้าที่ เกี่ยวกับราชการทั่วไปของคณะรัฐมนตรี และราชการอื่น ๆ ซื่งมิได้อยู่ภายในวงอำนสจและหน้าที่ของกระทรวงหนึ่ง กระทรวงใดโดยเฉพาะ ฉะนั้นการที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้องค์การสรรพาหารอยู่ในสำนักนายกรัฐมนตรี จึงชอบแล้ว เพราะวัตถุประสงค์ขององค์การณ์สรรพาหาร เป็นราชการทั่วไปของคณะรัฐมนตรี ทั้งเป็นราชการอื่นซึ่งมิได้อยู่ภาย ในวงอำนาจและหน้าทีของกระทรวงหนึ่งกระทรวงใดโดยเฉพาะ
องค์การสรรพาหารมิใช่กระทรวง ทะบวงหรือกรม การตั้งจึงไม่ต้องตราเป็นพระราชบัญญัตและไม่ตั้งขึ้นเป็นการ แบ่งส่วนราชการในสำนักนายกรัฐมนตรี แต่เป็นงานที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้สำนักนายกรัฐมนตรี ดำเนินการ งานเท่านั้นจึงไม่ต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกา,
อนึ่งแม้ พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวงทะบวงกรม พ.ศ. 2484 มาตรา 6 จะแยกราชการในสำนักนายกรัฐมนตรีไว้ ไม่มี กล่าวถึงองค์การสรรพาหารแต่เมื่อกิจการขององค์การสรรพาหารอยู่ในวัตถุประสงค์ของสำนักนายกรัฐมนตรีดัง กล่าวแล้ว เมื่อไม่อาจขึ้นอยู่ในกรมใดในสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ยังอาจขึ้นอยู่ในกรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ เพราะกรมเลขาธิการเป็นกรมที่ทำหน้าที่สำนักงานปลัดกระทรวง จึงมีหน้าที่เกี่ยวกับราชการของสำนักนายกรัฐมน ตรี ซึ่งมิได้แยกไปให้เป็นหน้าที่ของกรมหนึ่งกรมใดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยระเบียบราชการบริหารแห่งราชอาณาจักร ไทย พ.ศ. 2476 มาตรา 11 ดังที่แก้ไขโดย พ.ร.บ. พ.ศ. 2477 มาตรา 4./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 559/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจของคณะรัฐมนตรีในการจัดตั้งองค์การเพื่อลดค่าครองชีพ และการสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
การที่คณะรัฐมนตรีลงมติตั้งองค์การสรรพาหารขึ้น เพื่อดำเนินการลดค่าครองชีพของประชาชนนั้นย่อมเป็นการดำเนินการลดค่าครองชีพของประชาชน ให้ประชาชนได้มีอาหารครองชีพถูก จึงอยู่ภายในวัตถุที่ประสงค์ของการบริหารแผ่นดินคณะรัฐมนตรีจึงมีอำนาจจัดตั้งองค์การนี้ขึ้นได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม พ.ศ.2484-2495มาตรา 5 มีว่า สำนักนายกรัฐมนตรีมีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับราชการทั่วไปของคณะรัฐมนตรี และราชการอื่นๆ ซึ่งมิได้อยู่ภายในวงอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงหนึ่งกระทรวงใดโดยเฉพาะ ฉะนั้นการที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้องค์การสรรพาหารอยู่ในสำนักนายกรัฐมนตรี จึงชอบแล้วเพราะวัตถุประสงค์ขององค์การสรรพาหาร เป็นราชการทั่วไปของคณะรัฐมนตรี ทั้งเป็นราชการอื่นซึ่งมิได้อยู่ภายในวงอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงหนึ่งกระทรวงใดโดยเฉพาะ
องค์การสรรพาหารมิใช่กระทรวง ทบวงหรือกรม การตั้งจึงไม่ต้องตราเป็นพระราชบัญญัติและไม่ตั้งขึ้นเป็นการแบ่งส่วนราชการในสำนักนายกรัฐมนตรี แต่เป็นงานที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้สำนักนายกรัฐมนตรี ดำเนินการงานเท่านั้นจึงไม่ต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
อนึ่งแม้พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม พ.ศ.2484มาตรา 6 จะแยกราชการในสำนักนายกรัฐมนตรีไว้ ไม่มีกล่าวถึงองค์การสรรพาหารแต่เมื่อกิจการขององค์การสรรพาหารอยู่ในวัตถุประสงค์ของสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวแล้ว เมื่อไม่อาจขึ้นอยู่ในกรมใดในสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ยังอาจขึ้นอยู่ในกรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้เพราะกรมเลขาธิการเป็นกรมที่ทำหน้าที่สำนักงานปลัดกระทรวงจึงมีหน้าที่เกี่ยวกับราชการของสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมิได้แยกไปให้เป็นหน้าที่ของกรมหนึ่งกรมใดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยระเบียบราชการบริหารแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2476มาตรา 11 ดังที่แก้ไขโดยพระราชบัญญัติ พ.ศ.2477มาตรา 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของกระทรวงกลาโหมต่อความเสียหายจากหน้าที่ของเสนาธิการและข้าหลวง
กระทรวงกลาโหมมีคำสั่งให้เสนาธิการทหาร และข้าหลวงประจำจังหวัดเป็นผู้อำนวยการรับรองเลี้ยงดูทหารสัมพันธมิตรส่วนภูมิภาคเมื่อเสนาธิการทหารและข้าหลวงประจำจังหวัดได้ปฏิบัติการไปตามหน้าที่แล้ว เกิดความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดแก่บุคคลอื่นขึ้นกระทรวงกลาโหมก็ต้องรับผิดชอบตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 วรรคต้น ส่วนเสนาธิการทหารและข้าหลวงประจำจังหวัดไม่ต้องรับผิดชอบตามนัยของวรรคสอง แห่งมาตรา 76 นั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดชอบของกระทรวงกลาโหมต่อความเสียหายจากคำสั่งมอบหมายหน้าที่ให้ผู้อื่น
กระทรวงกลาโหมมีคำสั่งให้เสนาธิการทหาร และข้าหลวงประจำจังหวัดเป็นผู้อำนวยการรับรองเลี้ยงดูทหารสัมพันธมิตรส่วนภูมิภาค เมื่อเสนาธิการทหารและข้าหลวงประจำจังหวัดได้ปฏิบัติการไปตามหน้าที่แล้ว เกิดความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดแก่บุคคลอื่นขึ้น กระทรวงกลาโหมก็ต้องรับผิดชอบตามความในป.ม.แพ่งฯ มาตรา 76 วรรคต้น ส่วนเสนาธิการทหารและข้าหลวงประจำจังหวัดไม่ต้องรับผิดชอบ ตามนัยของวรรค 2 แห่งมาตรา 76 นั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 94/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีที่ดิน: โอนจากสภาฯสู่เทศบาล ข้าหลวงประจำจังหวัดไม่มีอำนาจ
ที่ดินซึ่งอยู่ในความครอบครองจัดการของสภาจัดบำรุงสถานที่ชายทะเลตวันตก ซึ่งต่อมาได้มีกฎหมายโอนกิจการอำนาจและหน้าที่ของสภานี้ให้แก่เทศบาลนั้น การฟ้องคดีเกี่ยวกับที่ดินแปบงนี้ เช่นฟ้องขับไล่ผู้ที่อาศัยอยู่ในแปลงนี้ ย่อมตกเป็นอำนาจและหน้าที่ของเทศบาล ข้าหลวงประจำจังหวัดหามีอำนาจฟ้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 94/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีที่ดินเมื่อมีการโอนอำนาจจากสภาฯ ไปยังเทศบาล
ที่ดินซึ่งอยู่ในความครอบครองจัดการของสภาจัดบำรุงสถานที่ชายทะเลตะวันตก ซึ่งต่อมาได้มีกฎหมายโอนกิจการอำนาจและหน้าที่ของสภานี้ให้แก่เทศบาล นั้นการฟ้องคดีเกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้ เช่นฟ้องขับไล่ผู้ที่อาศัยอยู่ในที่แปลงนี้ ย่อมตกเป็นอำนาจและหน้าที่ของเทศบาล ข้าหลวงประจำจังหวัดหามีอำนาจฟ้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจให้สรรพสามิตต์อำเภอทำสัญญาซื้อขายที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมาย
นายอำเภอป่วยไม่ได้มาทำงาน ปลัดอำเภอเป็นผู้ทำการแทนนายอำเภอแล้ว ไปราชการเสียได้มอบให้สรรพสามิตต์อำเภอทำการแทน สรรพสามิตต์อำเภอเป็นคณะกรรมการอำเภอด้วยผู้หนึ่ง จึงย่อมเป็นผู้ทำการแทนนายอำเภอได้โดยชอบด้วย ก.ม.และมีอำนาจและหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมทำสัญญาซื้อขายที่ดินได้ตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ว่าด้วยพนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตาม ก.ม.แพ่งและพาณิชย์ 2486 มาตรา 4(ข)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทำการแทนของข้าราชการ: สรรพสามิตอำเภอเป็นผู้มีอำนาจจดทะเบียนสัญญาซื้อขายได้
นายอำเภอป่วยไม่ได้มาทำงาน ปลัดอำเภอเป็นผู้ทำการแทนนายอำเภอแล้วไปราชการเสียได้มอบให้สรรพสามิตอำเภอทำการแทน สรรพสามิตอำเภอเป็นคณะกรรมการอำเภอด้วยผู้หนึ่ง จึงย่อมเป็นผู้ทำการแทนนายอำเภอได้โดยชอบด้วยกฎหมายและมีอำนาจและหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมทำสัญญาซื้อขายที่ดินได้ตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ว่าด้วยพนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 2486 มาตรา4(ข)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1257/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการไม่ปฏิบัติตามระเบียบการเก็บรักษาเงินของเจ้าหน้าที่รัฐ
กระทรวงพาณิชย์ส่งผ้ามาให้ข้าหลวงประจำจังหวัดเพื่อขายแก่ชาวนา ข้าหลวงประจำจังหวัดมอบให้อำเภอเป็นผู้ขาย นายอำเภอจึงแต่งตั้งปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่อื่นเป็นกรรมการขายผ้าดังนี้เมื่อปลัดอำเภอผู้ได้รับการแต่งตั้งทำผิดหน้าที่ จนเกิดการเสียหายขึ้น กระทรวงพาณิชย์ย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากปลัดอำเภอผู้นั้นได้
การขายผ้ามีระเบียบว่า เงินได้จากการขายให้ส่งต่อคณะกรรมการอำเภอรวมรวมส่งคณะกรรมการจังหวัดเป็นการด่วน ถ้าวันใดได้เงินที่ได้รับมีจำนวนถึงหมื่นบาท ให้คณะกรรมการอำเภอรีบส่งเงินแก่จังหวัดเสียคราวหนึ่งก่อน ห้ามมิให้เก็บเงินที่ได้จากการขายผ้าไว้ที่อำเภอเกินกว่าจำนวนหมื่นบาท ดังนี้เมื่อปลัดอำเภอขายผ้าได้เงินเกินหมื่นบาท แล้วไม่นำส่งจังหวัดกลับเอาไปเก็บไว้ในเซฟของอำเภอ จนมีผู้ร้ายไขเชฟลักเงินจำนวนนี้ไป ต้องถือว่าปลัดอำเภอผู้นั้นมิได้ปฏิบัติตามระเบียบโดยตรง และต้องรับผิดใช้เงินจำนวนนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1257/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของเจ้าหน้าที่รัฐจากการไม่ปฏิบัติตามระเบียบการเก็บรักษาเงิน และการรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น
กระทรวงพาณิชย์ส่งผ้ามาให้ข้าหลวงประจำจังหวัดเพื่อขายแก่ชาวนา ข้าหลวงประจำจังหวัดมอบให้อำเภอเป็นผู้ขาย นายอำเภอจึงแต่งตั้งปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่อื่นเป็นกรรมการขายผ้า ดังนี้ เมื่อปลัดอำเภอผู้ได้รับการแต่งตั้งทำผิดหน้าที่จนเกิดการเสียหายขึ้น กระทรวงพาณิชย์ย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากปลัดอำเภอผู้นั้นได้
การขายผ้ามีระเบียบว่า เงินได้จากการขายให้ส่งต่อคณะกรรมการอำเภอรวบรวมส่งคณะกรรมการจังหวัดเป็นการด่วน ถ้าวันใดได้เงินที่ได้รับมีจำนวนถึงหมื่นบาท ให้คณะกรรมการอำเภอรีบส่งเงินแก่จังหวัดเสียคราวหนึ่งก่อนห้ามมิให้เก็บเงินที่ได้จากการขายผ้าไว้ที่อำเภอเกินกว่าจำนวนหมื่นบาท ดังนี้เมื่อปลัดอำเภอขายผ้าได้เงินเกินหมื่นบาท แล้วไม่นำส่งจังหวัด กลับเอาไปเก็บไว้ในเซฟของอำเภอจนมีผู้ร้ายไขเซฟลักเงินจำนวนนี้ไป ต้องถือว่า ปลัดอำเภอผู้นั้นมิได้ปฏิบัติตามระเบียบโดยตรงและต้องรับผิดใช้เงินจำนวนนี้
of 2