พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1128/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน สิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกเงินคืนได้ อายุความ 10 ปี
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินจากจำเลย 2 แปลงโจทก์จ่ายเงินค่าซื้อที่ดิน 2 แปลงให้แก่จำเลยแล้วแต่จำเลยจัดการโอนที่ดินให้แก่โจทก์เพียง 1 แปลงเท่านั้นส่วนที่ดินอีกแปลงหนึ่งจำเลยยังไม่จัดการโอนขายแก่โจทก์ตามที่ตกลงกัน ถือว่าจำเลยกระทำผิดสัญญาต่อโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาจะซื้อขายที่ดินแปลงที่ยังมิได้โอนและเรียกเงินราคาที่ดินคืนได้และนับแต่วันจดทะเบียนซื้อขายที่ดินแปลงแรกจนถึงวันฟ้องเป็นเวลา 2 ปีเศษแล้ว จำเลยก็มิได้จัดการโอนที่ดินที่เหลืออีก 1 แปลงให้แก่โจทก์เมื่อโจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจำเลยเพื่อเรียกเงินราคาที่ดินดังกล่าวคืนโดยไม่ขอบังคับให้จำเลยโอนที่ดินอันเป็นการแสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะบังคับตามสัญญาต่อไป จึงเท่ากับเป็นการบอกเลิกสัญญาจะซื้อขายที่ดินแปลงที่เหลือโดยปริยาย โจทก์ฟ้องเรียกราคาที่ดินคืน เพราะเหตุจำเลยผิดสัญญา จะซื้อขายที่ดิน และโจทก์บอกเลิกสัญญา จะนำอายุความ 1 ปี ฐานลาภมิควรได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 419 มาบังคับไม่ได้ต้องนำอายุความทั่วไปตามมาตรา 164 ซึ่งมีกำหนด10 ปี มาใช้บังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ, อายุความ, และการชำระหนี้โดยสำคัญผิด: สิทธิไล่เบี้ยตามลาภมิควรได้
คดีก่อนโจทก์ฟ้องไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยโดยอาศัยเหตุที่โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันและได้ใช้หนี้แทนจำเลยไป แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยคืนเงินที่โจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยโดยสำคัญผิดว่าโจทก์มีหน้าที่ต้องชำระแทนโดยอาศัยหลักลาภมิควรได้ ซึ่งเป็นการอาศัยเหตุต่างกัน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์เพิ่งจะรู้ว่าตนมีสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลยในฐานลาภมิควรได้ เมื่อศาลพิพากษาในคดีก่อนว่าสัญญาที่โจทก์ค้ำประกันจำเลยนั้นไม่ผูกพันโจทก์ อายุความ 1 ปีจึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาในคดีก่อน(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 466/2492)
การชำระหนี้โดยรู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 407นั้น ต้องถือหลักว่ารู้หรือไม่รู้ตามความรู้เห็นของผู้ชำระเป็นประมาณ ไม่ถือเอาผลในกฎหมายว่ามีความผูกพันกันอยู่จริงหรือไม่เป็นเกณฑ์ เพียงแต่ผู้ชำระสำคัญผิดว่าตนมีความผูกพันที่จะต้องชำระหนี้นั้น แม้ตามกฎหมายผู้ชำระจะไม่ต้องผูกพันก็จะถือว่าผู้ชำระรู้อยู่แล้วไม่ได้เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยไปโดยสำคัญผิด โจทก์ก็ใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 409
โจทก์เพิ่งจะรู้ว่าตนมีสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลยในฐานลาภมิควรได้ เมื่อศาลพิพากษาในคดีก่อนว่าสัญญาที่โจทก์ค้ำประกันจำเลยนั้นไม่ผูกพันโจทก์ อายุความ 1 ปีจึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาในคดีก่อน(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 466/2492)
การชำระหนี้โดยรู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 407นั้น ต้องถือหลักว่ารู้หรือไม่รู้ตามความรู้เห็นของผู้ชำระเป็นประมาณ ไม่ถือเอาผลในกฎหมายว่ามีความผูกพันกันอยู่จริงหรือไม่เป็นเกณฑ์ เพียงแต่ผู้ชำระสำคัญผิดว่าตนมีความผูกพันที่จะต้องชำระหนี้นั้น แม้ตามกฎหมายผู้ชำระจะไม่ต้องผูกพันก็จะถือว่าผู้ชำระรู้อยู่แล้วไม่ได้เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยไปโดยสำคัญผิด โจทก์ก็ใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 409
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้โดยสำคัญผิด, ฟ้องซ้ำ, อายุความ และสิทธิไล่เบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คดีก่อนโจทก์ฟ้องไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยโดยอาศัยเหตุที่โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันและได้ใช้หนี้แทนจำเลยไป แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยคืนเงินที่โจทก์ชำระหนี้แทนจำเลย โดยสำคัญผิดว่าโจทก์มีหน้าที่ต้องชำระแทน โดยอาศัยหลักลาภมิควรได้ ซึ่งเป็นการอาศัยเหตุต่างกัน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์เพิ่งจะรู้ว่าตนมีสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลยในฐานลาภมิควรได้ เมื่อศาลพิพากษาในคดีก่อนว่าสัญญาที่โจทก์ค้ำประกันจำเลยนั้นไม่ผูกพันโจทก์ อายุความ 1 ปี จึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาในคดีก่อน (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 466/2492)
การชำระหนี้โดยรู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 407 นั้น ต้องถือหลักว่ารู้หรือไม่รู้ตามความรู้เห็นของผู้ชำระเป็นประมาณ ไม่ถือเอาผลในกฎหมายว่ามีความผูกพันกันอยู่จริงหรือไม่เป็นเกณฑ์ เพียงแต่ผู้ชำระสำคัญผิดว่าตนมีความผูกพันที่จะต้องชำระหนี้นั้น แม้ตามกฎหมายผู้ชำระจะไม่ต้องผูกพันก็จะถือว่าผู้ชำระรู้อยู่แล้วไม่ได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยไปโดยสำคัญผิด โจทก์ก็ใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 409
โจทก์เพิ่งจะรู้ว่าตนมีสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลยในฐานลาภมิควรได้ เมื่อศาลพิพากษาในคดีก่อนว่าสัญญาที่โจทก์ค้ำประกันจำเลยนั้นไม่ผูกพันโจทก์ อายุความ 1 ปี จึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาในคดีก่อน (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 466/2492)
การชำระหนี้โดยรู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 407 นั้น ต้องถือหลักว่ารู้หรือไม่รู้ตามความรู้เห็นของผู้ชำระเป็นประมาณ ไม่ถือเอาผลในกฎหมายว่ามีความผูกพันกันอยู่จริงหรือไม่เป็นเกณฑ์ เพียงแต่ผู้ชำระสำคัญผิดว่าตนมีความผูกพันที่จะต้องชำระหนี้นั้น แม้ตามกฎหมายผู้ชำระจะไม่ต้องผูกพันก็จะถือว่าผู้ชำระรู้อยู่แล้วไม่ได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยไปโดยสำคัญผิด โจทก์ก็ใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 409
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2487
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลปรับใช้กฎหมายได้เองจากข้อเท็จจริง และจำกัดขอบเขตการยกอายุความเฉพาะตามที่จำเลยอ้าง
ในคดีแพ่งคู่ความไม่จำเป็นต้องยกตัวบทกฎหมายขึ้นอ้างเพียงแต่กล่าวถึงข้อเท็จจริงให้ชัดเจนศาลก็หาตัวบทกฎหมายขึ้นปรับคดีเองได้ เมื่อจำเลยยกอายุความเฉพาะในเรื่องตั๋วเงินขึ้นต่อสู้ศาลจะไปยกอายุความเรื่องอื่นขึ้นมาปรับคดีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความเฉพาะเรื่องตั๋วเงิน: ศาลต้องยกอายุความตามที่จำเลยต่อสู้เท่านั้น แม้คดีแพ่งไม่จำต้องอ้างตัวบท
ไนคดีแพ่งคู่ความไม่จำเปนต้องยกตัวบทกดหมายขึ้นอ้าง เพียงแต่กล่าวถึงข้อเท็ดจิ่งไห้ชัดเจน สาลกหาตัวบทกดหมายขึ้นปรับคดีเองได้
เมื่อจำเลยยออายุความฉเพาะไนเรื่องตั๋วเงินขึ้นต่อสู้ สาลจะไปยกอายุความเรื่องอื่นมาปรับคดีไม่ได้
เมื่อจำเลยยออายุความฉเพาะไนเรื่องตั๋วเงินขึ้นต่อสู้ สาลจะไปยกอายุความเรื่องอื่นมาปรับคดีไม่ได้