พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแบ่งค่าอ้อย: การกล่าวอ้างกรรมสิทธิร่วมที่ไม่ต้องระบุที่มา หากจำเลยไม่คัดค้านตั้งแต่แรก
โจทก์ฟ้องว่ามีกรรมสิทธิเป็นเจ้าของอ้อยร่วมกับจำเลย ขอแบ่งค่าอ้อยซึ่งจำเลยขายได้ อันเป็นส่วนของโจทก์ครึ่งหนึ่ง ดังนี้ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 172 แล้ว ไม่จำต้องกล่าวว่า เป็นเจ้าของร่วมกันโดยทางใด ซึ่งเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาต่อไป ถ้าจำเลยต้องการทราบรายละเอียดในข้อนี้ ในวันชี้สองสถานหรือก่อนวันนั้น จำเลยมีสิทธิขอให้ศาลสอบถามโจทก์ให้แถลงในข้อนี้ได้ จำเลยเพิ่งจะมาคัดค้านในตอนสืบพะยานโจทก์ไปแล้วย่อมทำไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับขนส่งสินค้าและการรับผิดชอบค่าเสียหายเมื่อสินค้าสูญหายหรือเสียหายจากการทุจริตของผู้รับจ้างย่อย
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยเป็นเจ้าของเรือใบรับจ้างบันทุกข้าวสารของโจทก์ไปส่งจังหวัดนครศรีธรรมราช แล้วข้าวสารไม่ถึงจังหวัดนครศรีธรรมราชจึงเรียกค่าเสียหาย จำเลยให้การต่อสู้เป็น 2 ประการ ประการแรกเรือจำเลยไปไม่ได้ถึง 2 ครั้ง จำเลยจึงได้บอกเลิกสัญญากับโจทก์แล้ว ประการที่ 2 โจทก์ได้ไปตกลงกับคนเรือของจำเลยให้เดินทางไปอีกเป็นครั้งที่ 3 ก่อนตกลงกับจำเลย และไม่แจ้งให้จำเลยทราบ จึงเกิดการเสียหายขึ้น เนื่องจากคนเรือทุจจริต โดยจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้อง จำเลยไม่ได้ต่อสู้เลยว่าเรือถูกปล้นกลางทางอันเป็นเหตุสุดวิสัยทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบ ดังที่จำเลยยกขึ้นกล่าวในฟ้องฎีกา ถ้าจำเลยประสงค์จะต่อสู้เช่นนี้ จำเลยชอบที่จะกล่าวให้ชัดแจ้งตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 177 วรรค 2 เมื่อข้อความเหล่านี้ไม่เป็นประเด็นในคดีในศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยก็ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกาไม่ได้ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 249 วรรคแรกแม้ศาลอุทธรณ์จะรับพิจารณาในประเด็นข้อปล้นให้ทั้ง ๆ ที่ไม่เป็นประเด็นในคดีเลย เช่นนี้ ก็ไม่ทำให้กลายเป็นประเด็นขึ้นได้
ในคดีรับขนของ เมื่อของไม่ถึงปลายทางและสูนย์หายไปแล้ว ค่าระวางเรือก็เป็นค่าเสียหาย ซึ่งผู้ส่งจะได้รับ ผู้รับขนส่งจะต้องรับผิดชอบในเงินจำนวนนั้น.
ในคดีรับขนของ เมื่อของไม่ถึงปลายทางและสูนย์หายไปแล้ว ค่าระวางเรือก็เป็นค่าเสียหาย ซึ่งผู้ส่งจะได้รับ ผู้รับขนส่งจะต้องรับผิดชอบในเงินจำนวนนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 319/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้พ้นวิสัยต้องเกิดจากเหตุที่ทำให้ปฏิบัติการชำระหนี้ไม่ได้ การเจรจาตกลงกับบุคคลอื่นไม่ถือเป็นเหตุ
ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 219 ที่บัญญัติถึงการชำระหนี้ กลายเป็นพ้นวิสัยนั้น หมายถึงว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้น ซึ่งทำให้ปฏิบัติการชำระหนี้นั้นไม่ได้
จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่โจทก์ เวลาเจ้าพนักงานไปรังวัด มีผู้ร้องคัดค้านว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานรังวัดรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของเขา จำเลยจึงขอต่อเจ้าพนักงานให้งดรังวัดไว้ก่อน เพื่อทำความตกลงกับผู้ร้อง ดังนี้ ยังไม่เรียกว่าจะทำให้การรังวัดและโอนขายให้โจทก์ไม่ได้
ข้อความในรายงานพิจารณานั้น ศาลจดไว้ตามสมควรแก่รูปคดี ศาลไม่มีหน้าที่จดทุกอย่างที่คู่ความประสงค์ให้จด ศาลจะจดให้ฉะเพาะแต่ที่เป็นสาระแห่งคดีเท่านั้น
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความพอจะวินิจฉัยคดีแล้ว ศาลย่อมไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงอื่นอันไม่สำคัญแก่รูปคดี และสั่งงดสืบพะยานเสียได้.
โจทก์เคยฟ้องจำเลยโดยอ้างสัญญาเดิมและอ้างว่าสัญญาใหม่ที่นำมาฟ้องในคดีนี้ใช้ไม่ได้ ต่อเมื่อศาลยกฟ้องแล้ว จึงหวนกลับเอาสัญญาใหม่มาฟ้องอีก ดังนี้ ย่อมฟ้องได้เพราะเป็นคนละประเด็น ไม่ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 144.
จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่โจทก์ เวลาเจ้าพนักงานไปรังวัด มีผู้ร้องคัดค้านว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานรังวัดรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของเขา จำเลยจึงขอต่อเจ้าพนักงานให้งดรังวัดไว้ก่อน เพื่อทำความตกลงกับผู้ร้อง ดังนี้ ยังไม่เรียกว่าจะทำให้การรังวัดและโอนขายให้โจทก์ไม่ได้
ข้อความในรายงานพิจารณานั้น ศาลจดไว้ตามสมควรแก่รูปคดี ศาลไม่มีหน้าที่จดทุกอย่างที่คู่ความประสงค์ให้จด ศาลจะจดให้ฉะเพาะแต่ที่เป็นสาระแห่งคดีเท่านั้น
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความพอจะวินิจฉัยคดีแล้ว ศาลย่อมไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงอื่นอันไม่สำคัญแก่รูปคดี และสั่งงดสืบพะยานเสียได้.
โจทก์เคยฟ้องจำเลยโดยอ้างสัญญาเดิมและอ้างว่าสัญญาใหม่ที่นำมาฟ้องในคดีนี้ใช้ไม่ได้ ต่อเมื่อศาลยกฟ้องแล้ว จึงหวนกลับเอาสัญญาใหม่มาฟ้องอีก ดังนี้ ย่อมฟ้องได้เพราะเป็นคนละประเด็น ไม่ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 144.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้เรื่องสินเดิมในคดีสินสมรส จำเลยมีสิทธิยกเหตุผลโดยไม่ต้องระบุทรัพย์สินเฉพาะเจาะจงในคำให้การ
ประเด็นที่โจทก์ตั้งมาในคำฟ้องมีว่า ภริยาโจทก์ไม่มีสิทธิได้ส่วนแบ่งในสินสมรส เพราะไม่มีสินเดิม จำเลยให้การว่าภริยาโจทก์มีสิทธิได้ส่วนแบ่งเพราะไม่มีสินเดิม จำเลยให้การว่าภริยาโจทก์มีสิทธิได้ส่วนแบ่งเพราะมีสินเดิม ดังนี้ คำให้การของจำเลยเป็นการถูกต้องตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 177 วรรค 2 แล้ว จำเลยไม่จำเป็นต้องระบุลงไปในคำให้การว่ามีทรัพย์อะไรบ้างเป็นสินเดิมซึ่งผิดกับกรณีที่มีประเด็น ขอให้หักสินสมรสชดใช้สินเดิมด้วย เพราะในกรณีหลังนี้ ความสำคัญอยู่ที่ว่าอะไรเป็นสินเดิม ราคาเท่าใด มิฉะนั้นก็ใช้ชดใช้กันไม่ได้ การตั้งประเด็นจึงต้องระบุถึงทรัพย์ที่เป็นสินเดิมและราคา
หากโจทก์เห็นว่าข้อต่อสู้ของจำเลยยังไม่ชัด เพื่อที่โจทก์จะได้สืบหักล้างเสียก่อนในกรณีย์ที่โจทก์ เป็นฝ่ายนำสืบก่อนเช่นนี้โจทก์ชอบที่จะขอต่อศาสให้สอบถามจำเลยในชั้นชี้สองสถานเพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นข้อพิพาทตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 183 ได้ เมื่อได้มีการสอบถามมัดประเด็นลงไปแน่นอนว่าสินเดิมเป็นทรัพย์อะไรแล้ว คู่ความก็ต้องดำเนินตามประเด็นที่มัดไว้./
หากโจทก์เห็นว่าข้อต่อสู้ของจำเลยยังไม่ชัด เพื่อที่โจทก์จะได้สืบหักล้างเสียก่อนในกรณีย์ที่โจทก์ เป็นฝ่ายนำสืบก่อนเช่นนี้โจทก์ชอบที่จะขอต่อศาสให้สอบถามจำเลยในชั้นชี้สองสถานเพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นข้อพิพาทตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 183 ได้ เมื่อได้มีการสอบถามมัดประเด็นลงไปแน่นอนว่าสินเดิมเป็นทรัพย์อะไรแล้ว คู่ความก็ต้องดำเนินตามประเด็นที่มัดไว้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประนีประนอมยอมความคดีก่อนมีผลผูกพันคดีหลังได้หรือไม่: การรับรองที่ดินรายเดียวกันเป็นสำคัญ
จำเลยให้การว่าที่ดิน ที่โจทก์ฟ้อง โจทก์, จำเลยได้ทำการปราณีประนอมยอมความกัน โดยศาลจดรายงานไว้เป็นหลักฐานในคดีหนึ่งแล้ว
ในวันชี้สองสถาน โจทก์รับว่าที่ดินที่ฟ้องเป็นที่รายเดียวกันกับที่ยื่นคำร้องคัดค้านไว้ต่อศาลในคดีที่จำเลยอ้างจริง ดังนี้ ศาลจะฟังตามที่จำเลยอ้างว่า คดีนี้มีประเด็นอย่างเดียวกับคดีก่อน และโจทก์จำเลยได้ปราณีประนอมยอมความกันแล้วไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้แถลงรับ ทั้งคดีที่กล่าวอ้างก็ยังไม่มีคู่ความใดอ้างสำนวนเป็นพะยาน
ในวันชี้สองสถาน โจทก์รับว่าที่ดินที่ฟ้องเป็นที่รายเดียวกันกับที่ยื่นคำร้องคัดค้านไว้ต่อศาลในคดีที่จำเลยอ้างจริง ดังนี้ ศาลจะฟังตามที่จำเลยอ้างว่า คดีนี้มีประเด็นอย่างเดียวกับคดีก่อน และโจทก์จำเลยได้ปราณีประนอมยอมความกันแล้วไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้แถลงรับ ทั้งคดีที่กล่าวอ้างก็ยังไม่มีคู่ความใดอ้างสำนวนเป็นพะยาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเคหะและการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า หากโจทก์บอกเลิกสัญญาก่อน หรือค่าเช่าเดิมสูงกว่า
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า มีอัตราค่าเช่าเดือนละ 60 บาท จำเลยให้การและแถลงรับในรายงานพิจารณาว่า เช่ากัน 60 บาทจริง แต่โจทก์เพิ่งมาขึ้นค่าเช่า เดิมเสียค่าเช่าเดือนละ 30 บาท ดังนี้ เมื่อจำเลยไม่นำสืบให้ได้ความว่าโจทก์ขึ้นค่าเช่าเมื่อใดแล้ว ก็ต้องฟังว่าคิดค่าเช่ากันเดือนละ 60 บาท มาตั้งแต่ก่อนวันที่ 8 ธันวาคม 2484 แล้ว จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ 2486
บอกเลิกการเช่าเคหะ ก่อนใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯลฯ 2489 แล้ว ผู้เช่าย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.นั้น ตามที่วินิจฉัยไว้ในฎีกาที่ 740/2490.
บอกเลิกการเช่าเคหะ ก่อนใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯลฯ 2489 แล้ว ผู้เช่าย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.นั้น ตามที่วินิจฉัยไว้ในฎีกาที่ 740/2490.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 924/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายเกิน 500 บาท แม้ไม่มีหลักฐานหนังสือ ก็ฟ้องได้หากมีการชำระราคาแล้ว การนำสืบถึงแหล่งที่มาของทรัพย์ไม่ถือเป็นการสืบนอกประเด็น
การซื้อขางสังหาริมทรัพย์ ราคาเกินห้าร้อยบาท ผู้ซื้อได้ชำระราคาแล้ว แม้ไม่มีหลักถานเปนหนังสือฟ้องขอไห้ผู้ขายส่งทรัพย์ที่ซื้อได้
ฟ้องว่าจำเลยขายทรัพย์ไห้ แล้วนำสืบว่าจำเลยไปซื้อมาจากอื่นแล้วเอามาขายเอากำไรจากโจทดังนี้ ไม่เปนการสืบนอกประเด็น
ฟ้องว่าจำเลยขายทรัพย์ไห้ แล้วนำสืบว่าจำเลยไปซื้อมาจากอื่นแล้วเอามาขายเอากำไรจากโจทดังนี้ ไม่เปนการสืบนอกประเด็น