พบผลลัพธ์ทั้งหมด 21 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 647/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีจดทะเบียนรับรองบุตร ต้องยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนก่อน หากถูกคัดค้านจึงฟ้องศาลได้
บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ถ้า) ประสงค์จะจดทะเบียนบุตรที่เกิดก่อนสมรสให้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายจะต้องไปขอจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมยต่อสำนักทะเบียน ถ้าเด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านการขอจดทะเบียน บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงจะมีอำนาจนำคดีฟ้องศาลได้ โดยฟ้องเด็กและมารดาร่วมกันเป็นจำเลย เมื่อปรากฏทั้งจากคำบรรยายฟ้องของโจทก์และทางนำสืบว่าก่อนฟ้องโจทก์ไม่เคยไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนรับรองเด็กขายโอภาส ต่อนายทะเบียนหรือจำเลยได้คัดค้านการขอจดทะเบียนข้อโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายจึงยังไม่เกิดขึ้นแก่โจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้องจำเลยต่อศาล แม้จำเลยจะมิได้ยกข้อต่อสู้เกิดขึ้นแก่โจทก์ ไว้ในคำให้การและไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ตาม ศาลฎีกาก็ยกขึ้นได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5)
โจทก็์ฟ้องขอให้จำเลยไปให้ความยินยอมจดทะเบียนว่าเด็กชาย อ. เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้โจทก์มอบคืนเด็กชาย อ. แก่จำเลย แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลก็พิพากษาให้โจทก์มอบเด็กชาย อ. คืนให้กับจำเลยตามฟ้องแย้งได้
โจทก็์ฟ้องขอให้จำเลยไปให้ความยินยอมจดทะเบียนว่าเด็กชาย อ. เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้โจทก์มอบคืนเด็กชาย อ. แก่จำเลย แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลก็พิพากษาให้โจทก์มอบเด็กชาย อ. คืนให้กับจำเลยตามฟ้องแย้งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 647/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายต้องยื่นจดทะเบียนก่อน หากถูกปฏิเสธจึงฟ้องได้
บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ถ้า) ประสงค์จะจดทะเบียนบุตรที่เกิด ก่อนสมรสให้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายจะต้องไปขอจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อสำนักทะเบียนถ้าเด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านการขอจดทะเบียนบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงจะมีอำนาจนำคดีมาฟ้องศาลได้โดยฟ้องเด็กและมารดาร่วมกันเป็นจำเลย เมื่อปรากฏทั้งจากคำบรรยายฟ้องของโจทก์และทางนำสืบว่าก่อนฟ้องโจทก์ไม่เคยไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนรับรองเด็กชายโอภาสต่อนายทะเบียนหรือจำเลยได้คัดค้านการขอจดทะเบียนข้อโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายจึงยังไม่เกิดขึ้นแก่โจทก์โจทก์ไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้องจำเลยต่อศาล แม้จำเลยจะมิได้ยกข้อต่อสู้เรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ ไว้ในคำให้การและไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ตามศาลฎีกาก็ยกขึ้นได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยไปให้ความยินยอมจดทะเบียนว่าเด็กชาย อ. เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้โจทก์ มอบคืนเด็กชาย อ. แก่จำเลย แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลก็พิพากษาให้โจทก์มอบเด็กชาย อ. คืน ให้กับจำเลยตามฟ้องแย้งได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยไปให้ความยินยอมจดทะเบียนว่าเด็กชาย อ. เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้โจทก์ มอบคืนเด็กชาย อ. แก่จำเลย แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลก็พิพากษาให้โจทก์มอบเด็กชาย อ. คืน ให้กับจำเลยตามฟ้องแย้งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2414/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนรับรองบุตรจำกัดเฉพาะบิดา การเพิกถอนต้องมีเหตุผลตามกฎหมาย สัญญาประนีประนอมยอมความขัดต่อกฎหมาย
บิดาของเด็กเท่านั้นที่จะจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรได้ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1527 เมื่อจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรแล้วก็จะถอนมิได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1531 และเมื่อมีการจดทะเบียนดังกล่าวแล้วจะฟ้องขอให้ถอนการจดทะเบียนได้ก็ด้วยเหตุที่ว่าผู้ขอให้จดทะเบียนมิใช่บิดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1528 เท่านั้น
จำเลยยอมให้เงินโจทก์ 20,000 บาทเป็นค่าตอบแทนให้แก่โจทก์ในการที่โจทก์ยินยอมจะไปเพิกถอนการจดทะเบียนรับรองบุตรซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงที่ยุติว่าจำเลยมิใช่บิดาแท้จริงของเด็กนั้น สัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมของศาลจึงขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1528 ซึ่งเป็นบทกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
จำเลยยอมให้เงินโจทก์ 20,000 บาทเป็นค่าตอบแทนให้แก่โจทก์ในการที่โจทก์ยินยอมจะไปเพิกถอนการจดทะเบียนรับรองบุตรซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงที่ยุติว่าจำเลยมิใช่บิดาแท้จริงของเด็กนั้น สัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมของศาลจึงขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1528 ซึ่งเป็นบทกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2414/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนรับรองบุตรและการเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความที่ขัดต่อกฎหมาย
บิดาของเด็กเท่านั้นที่จะจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรได้ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1527 เมื่อจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรแล้วก็จะถอนมิได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1531 และเมื่อมีการจดทะเบียนดังกล่าวแล้วจะฟ้องขอให้ถอนการจดทะเบียนได้ก็ด้วยเหตุที่ว่าผู้ขอให้จดทะเบียนมิใช่บิดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1528 เท่านั้น
จำเลยยอมให้เงินโจทก์ 20,000 บาท เป็นค่าตอบแทนให้แก่โจทก์ในการที่โจทก์ยินยอมจะไปเพิกถอนการจดทะเบียนรับรองบุตร ซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงที่ยุติว่าจำเลยมิใช่บิดาแท้จริงของเด็กนั้น สัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมของศาลจึงขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1528 ซึ่งเป็นบทกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
จำเลยยอมให้เงินโจทก์ 20,000 บาท เป็นค่าตอบแทนให้แก่โจทก์ในการที่โจทก์ยินยอมจะไปเพิกถอนการจดทะเบียนรับรองบุตร ซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงที่ยุติว่าจำเลยมิใช่บิดาแท้จริงของเด็กนั้น สัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมของศาลจึงขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1528 ซึ่งเป็นบทกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2652/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจปกครองบุตรนอกสมรส: การตกลงยกบุตรไม่มีผลผูกพัน อำนาจเป็นของมารดา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับโจทก์อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ซึ่งมีผลตามกฎหมายว่า บุตรผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรนอกสมรส อำนาจปกครองอยู่กับโจทก์ซึ่งเป็นมารดา จำเลยให้การรับว่า จำเลยกับโจทก์ไม่ได้จดทะเบียนสมรสจริง ต่อสู้เพียงว่าจำเลยมีอำนาจปกครองบุตรทั้งสี่โดยโจทก์ตกลงยกบุตรทั้งสี่ให้จำเลยเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว เช่นนี้ ประเด็นที่ว่าบุตรผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยหรือไม่ นั้น จึงเป็นอันยุติต้องฟังว่าผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ฝ่ายเดียวการที่จำเลยแถลงต่อศาลในภายหลังว่าจำเลยมีฐานะเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายตามคำสั่งศาล และได้จดทะเบียนรับรองบุตรด้วยนั้น ไม่ก่อให้เกิดเป็นประเด็นขึ้นอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2652/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจปกครองบุตรนอกสมรส: มารดายังคงมีอำนาจ แม้มีการตกลงเลี้ยงดูโดยบิดา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับโจทก์อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ซึ่งมีผลตามกฎหมายว่า บุตรผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรนอกสมรส อำนาจปกครองอยู่กับโจทก์ซึ่งเป็นมารดา จำเลยให้การรับว่า จำเลยกับโจทก์ไม่ได้จดทะเบียนสมรสจริง ต่อสู้เพียงว่าจำเลยมีอำนาจปกครองบุตรทั้งสี่โดยโจทก์ตกลงยกบุตรทั้งสี่ให้จำเลยเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว เช่นนี้ ประเด็นที่ว่าบุตรผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยหรือไม่ นั้น จึงเป็นอันยุติต้องฟังว่าผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ฝ่ายเดียว การที่จำเลยแถลงต่อศาลในภายหลังว่าจำเลยมีฐานะเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายตามคำสั่งศาล และได้จดทะเบียนรับรองบุตรด้วยนั้น ไม่ก่อให้เกิดเป็นประเด็นขึ้นอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1144/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาแจ้งเท็จ: กรณีคู่สมรสไม่จดทะเบียนสมรส และการพิสูจน์ความเป็นบิดา
โจทก์สามีแต่งงานอยู่กินกันกับจำเลยหลังจากประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 โดยมิได้จดทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระหว่างอยู่ด้วยกันเกิดบุตร 1 คน จำเลยได้แจ้งความต่อนายทะเบียนท้องถิ่นว่า เด็กนั้นเป็นบุตรของจำเลยและใช้ชื่อบุคคลอื่นว่าเป็นบิดาของเด็ก ดังนี้ โจทก์ผู้เป็นสามีจะฟ้องจำเลยภริยานั้น ว่าบังอาจแจ้งความเท็จเพื่อให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 หาได้ไม่ เพราะโจทก์มิได้อยู่ในฐานะเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย จึงไม่มีอำนาจที่จะฟ้องคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1144/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จเกี่ยวกับความเป็นบิดาเมื่อไม่ได้จดทะเบียนสมรส โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์แต่งงานอยู่กินกันกับจำเลยหลังจากประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 โดยมิได้จดทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระหว่างอยู่ด้วยกันเกิดบุตร 1 คน จำเลยได้แจ้งความต่อนายทะเบียนท้องถิ่นว่า เด็กนั้นเป็นบุตรของจำเลยและใช้ชื่อบุคคลอื่นว่าเป็นบิดาของเด็ก ดังนี้ โจทก์ผู้เป็นสามีจะฟ้องจำเลยภริยานั้น ว่าบังอาจแจ้งความเท็จ เพื่อให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137หาได้ไม่ เพราะโจทก์มิได้อยู่ในฐานะเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย จึงไม่มีอำนาจที่จะฟ้องคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนรับรองบุตรโดยความยินยอมของเด็กและมารดา: กรณีเด็กไร้เดียงสาและมารดาเสียชีวิต
การที่บิดาจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรนั้น เป็นเรื่องให้ประโยชน์แก่เด็ก หากปรากฏว่าผู้จะให้ความยินยอม คือ เด็กนั้นอายุน้อยไร้เดียงสา และมารดาก็ถึงแก่กรรมไปก่อน ไม่อยู่ในฐานะที่จะให้ความยินยอมได้ การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรก็สมบูรณ์โดยไม่ต้องให้ความยินยอม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนรับรองบุตรโดยไม่มีความยินยอมจากเด็กและมารดาที่อยู่ในฐานะที่ไม่สามารถให้ความยินยอมได้ ถือเป็นสมบูรณ์ตามกฎหมาย
การที่บิดาจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรนั้น เป็นเรื่องให้ประโยชน์แก่เด็ก หากปรากฏว่าผู้จะให้ความยินยอมคือ เด็กนั้นอายุน้อยไร้เดียงสาและมารดาก็ถึงแก่กรรมไปก่อนไม่อยู่ในฐานะ ที่จะให้ความยินยอมได้ การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรก็สมบูรณ์โดยไม่ต้องให้ความยินยอม