พบผลลัพธ์ทั้งหมด 17 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิในที่ดินสาธารณะต้องเป็นไปตามกฎหมายที่ดินเท่านั้น การครอบครองไม่เพียงพอ
ที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน บุคคลจะได้มาซึ่งกรรมสิทธิได้ก็ฉะเพาะแต่การกระทำตามกฎหมายที่ดิน ดั่งที่ได้มีบทบังคับไว้ในมาตรา 1334 กฎหมายที่ดินดั่งว่านี้ได้มีปรากฎ เป็นบทบัญญัติใน พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดินเป็นลำดับมา จนถึงฉะบับที่ 7 พ.ศ. 2486
การร้องขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ ซึ่งผู้ร้องได้ครอบครองมา 20 ปีเศษเป็นของผู้ร้องนั้น ได้มีมาตรา 13,15 แห่ง พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน (ฉะบับที่ 7) 2486 บังคับไว้แล้ว ส่วนการได้กรรมสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 1382 ป.ม.แพ่งฯ นั้น ต้องเป็นทรัพย์ที่บุคคลมีกรรมสิทธิอยู่ก่อนแล้ว ไม่ใช่ที่รกร้างว่างเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญ.
การร้องขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ ซึ่งผู้ร้องได้ครอบครองมา 20 ปีเศษเป็นของผู้ร้องนั้น ได้มีมาตรา 13,15 แห่ง พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน (ฉะบับที่ 7) 2486 บังคับไว้แล้ว ส่วนการได้กรรมสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 1382 ป.ม.แพ่งฯ นั้น ต้องเป็นทรัพย์ที่บุคคลมีกรรมสิทธิอยู่ก่อนแล้ว ไม่ใช่ที่รกร้างว่างเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิไถ่ทรัพย์ขายฝาก: แม้ฟ้องหลังกำหนด ก็ยังฟ้องได้ หากผู้ซื้อฝากไม่ยอมให้ไถ่ตามสัญญา
จำเลยขายฝากที่สวนกับบ้านเรือนไว้กับโจทก์ และทำสัญญาเช่าทรัพย์นั้นจากโจทก์ ๆ มาฟ้องว่า บัดนี้พ้นกำหนดไถ่ถอนแล้วขอให้ขับไล่จำเลย จำเลยต่อสู้ว่าได้ไปไถ่ถอนแล้วโจทก์ไม่ยอม จึงฟ้องแย้งขอให้โจทก์รับไถ่ถอน ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อจะครบกำหนดสัญญา จำเลยได้ไปขอไถ่ถอนแต่โจทก์ไม่ยอมให้ไถ่ โดยจะขอเงินเพิ่มขึ้น แต่ขณะที่จำเลยฟ้องแย้งขอให้รับไถ่ถอนนี้เกินกำหนดเวลาในสัญญาขายฝากแล้ว ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยผู้ขายฝากได้ไปขอไถ่ตามกำหนดในสัญญาแล้ว โจทก์ต้องยอมให้ไถ่ ถ้าไม่ยอมโจทก์ก็เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยย่อมฟ้องแย้งขอให้บังคับให้รับไถ่ตามสัญญาได้ คดีนี้รูปคดีไม่เหมือนกับฎีกาที่ 185/2491 เพราะคดีนั้น ผู้ขายฝากไปขอไถ่ ผู้ซื้อฝากขอผัด ผู้ขายฝากก็ยอม ซึ่งจะถือเป็นกรณีผู้ซื้อฝากผิดสัญญาไม่ยอมให้ไถ่ไม่ได้เมื่อผู้ขายฝากยอมให้เวลาใช้สิทธิไถ่ถอนพ้นไปจากกำหนดแล้ว ก็ต้องรับสนองในการนั้น จึงไถ่ไม่ได้ จะถือว่า ได้ตกลงยืดเวลาไถ่ถอนกันไปก็ไม่ได้ เพราะขัดกับมาตรา 496.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในทรัพย์สินที่ได้มาจากการร่วมแรงร่วมทุน: สามีที่ไม่จดทะเบียนสมรสไม่มีสิทธิเรียกร้อง
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์ของมารดาโจทก์จากจำเลย ซึ่งเป็นสามีของมารดาโจทก์ โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เมื่อปรากฎว่าทรัพย์เหล่านั้นไม่ใช่เป็นทรัพย์ที่จำเลยร่วมแรงร่วมทุนกับมารดาโจทก์หาได้มาจำเลยก็ไม่มีสิทธิจะเรียกให้แบ่งได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1026/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายยามฟ้องลูกยามชำระหนี้จากน้ำตาลเคี่ยวได้ แม้หนี้มีลูกยามอื่นร่วมด้วย
โจทก์เป็นเจ้าของเตาเคี่ยวน้ำตาลหรือนายยามจำเลยได้ตกลงขอเข้ายามเคี่ยวน้ำตาลที่เตาของโจทก์ โดยผลัดเปลี่ยนกันเข้ายาม ในระหว่างที่จำเลยเข้ายามเคี่ยวน้ำตาลอยู่นั้น โจทก์ได้เอาน้ำตาลใสส่วนของโจทก์และของคนอื่น ๆ ที่เป็นลูกยามส่งมอบให้จำเลยเคี่ยว เมื่อจำเลยออกยามไปแล้ว มีหน้าที่ต้องทำน้ำตาลใสใช้หนี้โจทก์จนกว่าจะหมดหนี้ แต่จำเลยหาปฏิบัติไม่ กลับเลิกทำน้ำตาลเสีย ดังนี้ แม้หนี้รายนี้จะเป็นของลูกยามอื่นอยู่ด้วย โจทก์ผู้เป็นนายยามก็ย่อมฟ้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 974/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ทั้งจากละเมิดและผิดสัญญา แม้สัญญาเป็นโมฆะ ศาลพิจารณาจากข้อเท็จจริงและกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินไป 1140 บาทโดยเอาโฉนดปลอมมาให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน จนถึงกับฟ้องคดีอาญา ศาลพิพากษาจำคุกจำเลยและให้จำเลยใช้เงิน 1140 บาท แก่โจทก์ จำเลยได้นำเงิน 1140 บาทไปชำระกองหมายตามหมายบังคับคดีแล้ว โจทก์จึงฟ้องเรียกดอกเบี้ยกับค่าธรรมเนียมและค่าเสียหายอย่างอื่นจากจำเลยอีก ดังนี้ ย่อมไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีก่อนอัยยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา และขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 1140 บาทให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายตามอำนาจที่ ป.ม.วิ.อาญามาตรา 43 ให้ไว้และโจทก์ได้ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยยการด้วย โจทก์ยังไม่ได้เรียกค่าเสียหาย จีงฟ้องคดีนี้ได้ อนึ่งฟ้องดังกล่าวนี้ไม่ใช่เป็นฟ้องทางลักษณะสัญญาโดยตรง ในอันที่ศาลจะยกฟ้องเสียได้ โดยเห็นว่าสัญญากู้เป็นโมฆะแล้ว
ในทางแพ่ง กฎหมายไม่บังคับว่า การฟ้องคดีที่ทำได้ทั้งละเมิดและผิดสัญญานั้นโจทก์จะต้องเลือกเอาทางใดทางหนึ่ง โจทก์จะฟ้องโดยบรรยายข้อเท็จจริงและเรียกค่าเสียหายมาเฉย ๆ ก็ได้ ศาลมีหน้าที่ต้องนำเอาตัวบทกฎหมายมาปรับแก่คดีนั้นว่า ตามฟ้องโจทก์นั้นมีกฎหมายให้โจทก์ได้ค่าเสียหายตามฟ้องหรือไม่.
ในทางแพ่ง กฎหมายไม่บังคับว่า การฟ้องคดีที่ทำได้ทั้งละเมิดและผิดสัญญานั้นโจทก์จะต้องเลือกเอาทางใดทางหนึ่ง โจทก์จะฟ้องโดยบรรยายข้อเท็จจริงและเรียกค่าเสียหายมาเฉย ๆ ก็ได้ ศาลมีหน้าที่ต้องนำเอาตัวบทกฎหมายมาปรับแก่คดีนั้นว่า ตามฟ้องโจทก์นั้นมีกฎหมายให้โจทก์ได้ค่าเสียหายตามฟ้องหรือไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 831/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่ไม่ชัดเจนและการเลี่ยงข้อสัญญา ศาลยกฟ้องเมื่อโจทก์อ้างผิดสัญญาโดยไม่มีหลักฐานเพียงพอ
เมื่อโจทก์ฟ้องคดี หนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ โจทก์จึงเลี่ยงไปถือเอาข้อที่จำเลยไม่ยอมให้โจทก์ทำนาที่เป็นความกับนายฉ้งมาเป็นข้ออ้างว่าจำเลยผิดสัญญา แต่คดีฟังไม่ได้ว่า ได้มีข้อสัญญานี้ ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่าจำเลยผิดสัญญาจึงตกไป ศาลต้องพิพากษายกฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความถูกต้องของสำเนาฟ้อง: ศาลอ่านฟ้องให้จำเลยฟังแล้ว ถือเป็นหลักสำคัญ มิใช่สำเนาฟ้อง
สำเนาฟ้องของโจทก์มีข้อความผิดพลาดไม่ตรงกับข้อความในฟ้องฉะบับที่ยื่นต่อศาล แต่ศาลได้อ่านฟ้องให้จำเลยฟัง และศาลยังบอกให้จำเลยเข้าใจว่า ให้ถือเอาข้อความตามฟ้องที่ศาลอ่าน จำเลยทราบดีว่าตามฟ้องโจทก์กล่าวหามีข้อความเป็นอย่างไร และสำเนาฟ้องที่โจทก์นำส่งให้จำเลยมีข้อความผิดพลาด ไม่ตรงกับฟ้องอย่างไรบ้าง ดังนี้ ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้และไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 753/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องนายกเทศมนตรีในคดีภาษีโรงเรือน: การฟ้องจำเลยในฐานะบุคคลธรรมดา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าภาษีโรงเรือนที่เจ้าหน้าที่ประเมินเกินไป โดยกล่าวในฟ้องว่าโจทก์ฟ้องนายทับ ณ พัทลุง ในนามนายกเทศมนตรีเมืองพัทลุงเป็นจำเลย ย่อมเป็นการฟ้องบุคคลธรรมดาในตำแหน่งหน้าที่ของเขา
ตาม พ.ร.บ.ปันรายได้บำรุงเทศบาล 2479 ม.4 ซึ่งบัญญัติว่า ภาษีโรงเรือน ซึ่งจะพึงเรียกเก็บได้ในเขตต์เทศบาลให้โอนให้เทศบาลเรียกเก็บเป็นรายได้ของเทศบาล และให้เทศบาลมีอำนาจและหน้าที่แต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อการนี้ประกอบกับ พ.ร.บ.เทศบาล 2481 มาตรา 36 บัญญัติว่า ในการบริหารการเทศบาลทั้งหลาย ให้นายกเทศมนตรีเป็นหัวหน้าดำเนินกิจการทั้งปวงของเทศบาล ดังนี้ นายกเทศมนตรีซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาโดยตำแหน่งหน้าที่นายกเทศมนตรีจึงอาจฟ้อง หรือถูกฟ้องเป็นคดีความในโรงศาลได้ ไม่จำเป็นต้องเอานิติบุคคลเข้ามาเป็นคู่ความเสมอไป.
ตาม พ.ร.บ.ปันรายได้บำรุงเทศบาล 2479 ม.4 ซึ่งบัญญัติว่า ภาษีโรงเรือน ซึ่งจะพึงเรียกเก็บได้ในเขตต์เทศบาลให้โอนให้เทศบาลเรียกเก็บเป็นรายได้ของเทศบาล และให้เทศบาลมีอำนาจและหน้าที่แต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อการนี้ประกอบกับ พ.ร.บ.เทศบาล 2481 มาตรา 36 บัญญัติว่า ในการบริหารการเทศบาลทั้งหลาย ให้นายกเทศมนตรีเป็นหัวหน้าดำเนินกิจการทั้งปวงของเทศบาล ดังนี้ นายกเทศมนตรีซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาโดยตำแหน่งหน้าที่นายกเทศมนตรีจึงอาจฟ้อง หรือถูกฟ้องเป็นคดีความในโรงศาลได้ ไม่จำเป็นต้องเอานิติบุคคลเข้ามาเป็นคู่ความเสมอไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 651/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเกี่ยวข้องกรรมสิทธิ์ในที่ดิน: ผู้ดูแลแทนเจ้าของไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าเจ้าของที่ดินให้โจทก์อาศัยทำกินในที่ดิน จำเลยมาขัดขวางไม่ให้โจทก์ทำนาในที่ดินนี้ ขอให้สั่งห้ามจำเลยไม่ให้มาเกี่ยวข้อง ดังนี้ สิทธิครอบครองที่ดินยังคงอยู่แก่เจ้าของ โจทก์เป็นได้อย่างมากก็เพียงผู้ยึดถือไว้ให้อยู่ในฐานผู้แทนผู้ครอบครองตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1381 เท่านั้น โจทก์ไม่มีทรัพย์สิทธิอย่างใดในที่ดินนั้น เมื่อเจ้าของไม่ได้เข้ามาเป็นโจทก์ร่วม โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีภาษีโรงค้าก่อนมีประเมินภาษีเป็นสิทธิที่ไม่ชอบตามกฎหมาย
เมื่อยังไม่มีการประเมินภาษีผู้ที่จะต้องเสียภาษีจะนำคดีเกี่ยวกับภาษีนั้นมาฟ้องร้องต่อศาลทีเดียวไม่ได้ ถือว่า ไม่ใช่กรณีจะฟ้องได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 55.