คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 34

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5883/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบของกลางในคดีอาญา แม้โจทก์มิได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้ไขคำพิพากษา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ.มาตรา 144, 33และให้ริบเงินสดของกลางที่จำเลยได้ให้แก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้เจ้าพนักงานปล่อยตัวจำเลยไป โดยไม่ต้องนำส่งพนักงานสอบสวน การที่ศาลชั้นต้นมิได้มีคำวินิจฉัยในเรื่องของกลางดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 186(9) ปัญหาข้อนี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้โจทก์จะมิได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจวินิจฉัยแก้ไขให้ถูกต้องและพิพากษาให้ริบของกลางได้ ไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3396/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์สิน: อำนาจตามคำสั่งนายกฯ แตกต่างจากการริบตามประมวลกฎหมายอาญา
การริบทรัพย์ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาศัยอำนาจตามมาตรา 27 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร กับการริบทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายอาญา กรณีไม่เหมือนกัน โดยการริบทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญากฎหมายให้อำนาจศาลจะสั่งริบ แต่มีข้อยกเว้นว่าถ้าเป็นทรัพย์ผู้อื่นมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ผู้นั้นมีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งคืนได้ แต่การริบตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีดังกล่าวเป็นการริบตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ที่รัฐบาลจะสั่งริบโดยไม่คำนึงว่าเป็นของผู้กระทำผิดหรือไม่ หรือเจ้าของจะรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นหรือไม่ คำสั่งของนายกรัฐมนตรีดังกล่าวจึงเป็นอันเสร็จเด็ดขาด จะนำบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญามาใช้ไม่ได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1981/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์สินของผู้อื่นที่ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด ศาลมีสิทธิคืนได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36
แม้พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 29 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2503 มาตรา 47 ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 228 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2515 ข้อ 18 จะบัญญัติไว้ทำนองเดียวกันว่าบรรดาอาวุธ เครื่องมือ เครื่องใช้ ฯลฯ ซึ่งบุคคลได้ใช้ในการกระทำผิดฯ ให้ริบเสียทั้งสิ้น โดยไม่ต้องคำนึงว่าเป็นของผู้กระทำความผิดและมีผู้ถูกลงโทษฯ หรือไม่ก็ตามก็มิได้บัญญัติมีข้อความระบุถึง กรณีที่เจ้าของทรัพย์สินมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด จะตีความว่าบทบัญญัติดังกล่าว มีความมุ่งหมายให้ริบทรัพย์สินของบุคคลอื่นที่มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดไม่ได้กรณีต้องตกอยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 คือผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของแท้จริงมีสิทธิร้องขออาวุธปืนของกลางคืนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเรียกรับเงินเพื่อละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจ แม้ยังไม่มีการกระทำผิด ก็ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 หาจำต้องเป็นกรณีที่มีการกระทำผิดเกิดขึ้นแล้ว หรือเจ้าพนักงาน (จำเลย)ได้พบการกระทำผิดซึ่งเกิดขึ้นซึ่งหน้าไม่ น. นายตำรวจปลอมตัวเป็นคนขับรถบรรทุกข้าวโพด แม้รถนั้นจะบรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่ก็ตามแต่เมื่อจำเลยซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตำรวจจราจรตรวจรถได้เรียกให้รถหยุดเพื่อตรวจ ย่อมถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติราชการไปตามอำนาจหน้าที่ของจำเลย เมื่อจำเลยเรียกและรับเงิน 20 บาทไว้จาก น. เพื่อจะไม่กระทำการตรวจตามหน้าที่ ก็ต้องมีความผิดตามมาตรา149(หมายเหตุที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2518) ได้พิจารณาปัญหาเกี่ยวกับที่ศาลล่างพิพากษาให้ริบเงิน 20 บาทของกลางด้วย มีมติว่าพึงริบได้ และมีมติด้วยว่าไม่ต้องกล่าวถึงปัญหานี้ไว้ในคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเจ้าพนักงานตามมาตรา 149 ไม่ต้องมีการกระทำผิดเกิดขึ้นก่อน การเรียกรับเงินเพื่อละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจ
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 หาจำต้องเป็นกรณีที่มีการกระทำผิดเกิดขึ้นแล้ว หรือเจ้าพนักงาน (จำเลย) ได้พบการกระทำผิดซึ่งเกิดขึ้นซึ่งหน้าไม่ น. นายตำรวจปลอมตัวเป็นคนขับรถบรรทุกข้าวโพด แม้รถนั้นจะบรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่ก็ตามแต่เมื่อจำเลยซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตำรวจจราจรตรวจรถได้เรียกให้รถหยุดเพื่อตรวจ ย่อมถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติราชการไปตามอำนาจหน้าที่ของจำเลย เมื่อจำเลยเรียกและรับเงิน 20 บาทไว้จาก น. เพื่อจะไม่กระทำการตรวจตามหน้าที่ก็ต้องมีความผิดตามมาตรา 149
หมายเหตุ ที่ประชุมใหญ่ (ครั้งที่ 2/2518) ได้พิจารณาปัญหาเกี่ยวกับที่ศาลล่างพิพากษาให้ริบเงิน 20 บาทของกลางด้วย มีมติว่าพึงริบได้และมีมติด้วยว่าไม่ต้องกล่าวถึงปัญหานี้ไว้ในคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 604/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของทรัพย์สินของกลางในการคัดค้านการริบทรัพย์สิน ทั้งในระหว่างพิจารณาคดีและหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุด
ในคดีอาญาที่โจทก์มีคำขอให้ริบของกลางนั้น เจ้าของทรัพย์สินของกลางจะมีคำเสนอหรือคำร้องต่อศาลชั้นต้นในระหว่างพิจารณาคดีนั้นก็ได้ ซึ่งศาลชั้นต้นจำต้องรับคำเสนอหรือคำร้องนั้นไว้เพื่อพิจารณาและวินิจฉัยต่อไปตามมาตรา 33 วรรคท้าย หรือมาตรา 34
ในกรณีที่ศาลได้สั่งให้ริบทรัพย์สินตามมาตรา 33 หรือ 34 แล้วเจ้าของอันแท้จริงมีสิทธิที่จะทำคำเสนอต่อศาลตามมาตรา 36 ไม่ว่าคดีจะถึงที่สุดหรือไม่ก็ตาม และถ้าปรากฏตามคำเสนอดังกล่าวว่าเจ้าของอันแท้จริงมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้น ศาลก็ต้องสั่งให้คืนทรัพย์สินแก่เจ้าของอันแท้จริงถ้าทรัพย์นั้นยังคงมีอยู่แต่คำเสนอนี้จะต้องกระทำต่อศาลภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุดเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 604/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของทรัพย์สินของกลางในการคัดค้านการริบและการเสนอคำร้องต่อศาลทั้งในระหว่างพิจารณาและหลังมีคำพิพากษา
ในคดีอาญาที่โจทก์มีคำขอให้ริบของกลางนั้น เจ้าของทรัพย์สินของกลางจะมีคำเสนอหรือคำร้องต่อศาลชั้นต้นในระหว่างพิจารณาคดีนั้นก็ได้ ซึ่งศาลชั้นต้นจำต้องรับคำเสนอหรือคำร้องนั้นไว้เพื่อพิจารณาและวินิจฉัยต่อไปตามมาตรา 33 วรรคท้าย หรือมาตรา 34
ในกรณีที่ศาลได้สั่งให้ริบทรัพย์สินตามมาตรา 33 หรือ 34 แล้วเจ้าของอันแท้จริงมีสิทธิที่จะทำคำเสนอต่อศาลตามมาตรา 36 ไม่ว่าคดีจะถึงที่สุดหรือไม่ก็ตาม และถ้าปรากฏตามคำเสนอดังกล่าวว่าเจ้าของอันแท้จริงมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้น ศาลก็ต้องสั่งให้คืนทรัพย์สินแก่เจ้าของอันแท้จริงถ้าทรัพย์นั้นยังคงมีอยู่แต่คำเสนอนี้จะต้องกระทำต่อศาลภายในหนึ่งปีนับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุดเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587-588/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดฉ้อโกงประชาชน: โฆษณาหลอกลวงถือเป็นความผิดแม้ยังไม่เกิดผล
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวหาจำเลยกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343. โดยระบุชื่อผู้เสียหายมาในฟ้อง และราษฎรผู้มีชื่ออีกหลายคน.ถือว่าเข้าองค์ประกอบเป็นฟ้องในข้อหาฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 แล้ว.
ฎีกาจำเลยในปัญหาดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนักคำพยานเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.
แม้การหลอกลวงของจำเลยจะเป็นเรื่องที่ยังต้องดำเนินการต่อไปข้างหน้าแต่ก็ได้เริ่มขึ้นแล้วโดยการแสดงโครงการออกโฆษณาต่อประชาชนอันเป็นความเท็จ. ซึ่งเชื่อมโยงต่อขั้นที่จะดำเนินการต่อไป. ดังนี้ การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587-588/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน การหลอกลวงผ่านการโฆษณาและการกระทำที่เชื่อมโยงถึงการดำเนินการในอนาคต
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวหาจำเลยกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 โดยระบุชื่อผู้เสียหายมาในฟ้อง และราษฎรผู้มีชื่ออีกหลายคนถือว่าเข้าองค์ประกอบเป็นฟ้องในข้อหาฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 แล้ว
ฎีกาจำเลยในปัญหาดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนักคำพยานเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
แม้การหลอกลวงของจำเลยจะเป็นเรื่องที่ยังต้องดำเนินการต่อไปข้างหน้าแต่ก็ได้เริ่มขึ้นแล้วโดยการแสดงโครงการออกโฆษณาต่อประชาชนอันเป็นความเท็จ ซึ่งเชื่อมโยงต่อขั้นที่จะดำเนินการต่อไปดังนี้ การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587-588/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดฉ้อโกงประชาชน: การหลอกลวงผ่านการโฆษณาและการกระทำที่เชื่อมโยงถึงอนาคต
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวหาจำเลยกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 โดยระบุชื่อผู้เสียหายมาในฟ้อง และราษฎรผู้มีชื่ออีกหลายคน ถือว่าเข้าองค์ประกอบเป็นฟ้องในข้อหาฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 แล้ว
ฎีกาจำเลยในปัญหาดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนักคำพยาน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
แม้การหลอกลวงของจำเลยจะเป็นเรื่องที่ยังต้องดำเนินการต่อไปข้างหน้า แต่ก็ได้เริ่มขึ้นแล้วโดยการแสดงโครงการออกโฆษณาต่อประชาชนอันเป็นความเท็จ ซึ่งเชื่อมโยงต่อชั้นที่จะดำเนินการต่อไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว
of 2