พบผลลัพธ์ทั้งหมด 581 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5697/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. พยายามฆ่า: การพิพากษาความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายเมื่อไม่มีเจตนาฆ่า
แม้ก่อนที่จำเลยจะใช้มีดพร้าไล่ฟันผู้เสียหาย จำเลยกับผู้เสียหายทะเลาะโต้เถียงกันเรื่องที่จำเลยกล่าวหาว่าผู้เสียหายลักเศษยางพาราของจำเลยไปแต่การโต้เถียงดังกล่าวเมื่อไม่ทำให้จำเลยเกิดโทสะถึงขนาดกับต้องการเอาชีวิตผู้เสียหาย การที่จำเลยใช้มีดพร้าฟันผู้เสียหายด้วยอารมณ์โกรธชั่วแล่นเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น เมื่อการกระทำของจำเลยไม่บรรลุผล เพราะผู้เสียหายหลบทัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่น แม้ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายก็ตาม แต่การกระทำความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายเป็นการกระทำที่รวมอยู่ในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยฐานพยายามทำร้ายร่างกายได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 192 วรรคท้าย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่น แม้ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายก็ตาม แต่การกระทำความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายเป็นการกระทำที่รวมอยู่ในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยฐานพยายามทำร้ายร่างกายได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 192 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5697/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. พยายามฆ่า: การพิจารณาความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายเมื่อไม่มีเจตนาฆ่า
แม้ก่อนที่จำเลยจะใช้มีดพร้าไล่ฟันผู้เสียหายจำเลยกับผู้เสียหายทะเลาะโต้เถียงกันเรื่องที่จำเลยกล่าวหาว่าผู้เสียหายลักเศษยางพาราของจำเลยไปแต่การโต้เถียงดังกล่าวเมื่อไม่ทำให้จำเลยเกิดโทสะถึงขนาดกับต้องการเอาชีวิตผู้เสียหาย การที่จำเลยใช้มีดพร้า ฟันผู้เสียหายด้วยอารมณ์โกรธชั่วแล่นเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น เมื่อการกระทำของจำเลยไม่บรรลุผล เพราะผู้เสียหายหลบทัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่นแม้ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายก็ตาม แต่การกระทำความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายเป็นการกระทำที่รวมอยู่ในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยฐานพยายามทำร้ายร่างกายได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5506/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. เจตนาฆ่า: การพิจารณาจากพฤติการณ์และอาวุธที่ใช้
จำเลยฟันผู้เสียหายเพียงครั้งเดียวโดยมีสาเหตุมาจากจำเลยด่าว่าผู้เสียหายและถามว่าไปเอาตู้กับข้าวของใครมาผู้เสียหายบอกให้จำเลยดูให้ดีเสียก่อนสาเหตุเพียงเท่านี้มิใช่สาเหตุร้ายแรงถึงกับจะต้องเอาชีวิตกัน ทั้งได้ความว่าม. ได้เข้าห้ามจำเลยก็เชื่อฟัง นอกจากนี้มีดที่จำเลยใช้เป็นอาวุธก็เป็นมีดทำครัวทั้งใบมีดและด้ามมีความยาวเพียงประมาณ 1 ฟุต ถือไม่ได้ว่าเป็นมีดขนาดใหญ่ บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับก็มีขนาดเพียง 1 คูณ 5 เซนติเมตร ไม่ปรากฏว่ากระดูกแขนบริเวณที่ถูกฟันแตกหรือหักแต่อย่างใด ฟังไม่ได้ว่าจำเลยฟันโดยแรง ส่วนที่จำเลยพูดว่ามึงตายเสียเถอะอย่าอยู่เลย นั้น ก็น่าจะเกิดจากความโมโหที่ทะเลาะกันและน่าจะเป็นเพียงการข่มขู่มากกว่าที่จะประสงค์ทำตามนั้นจริงพฤติการณ์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3233/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเกินกว่าเหตุ และเจตนาในการทำร้ายร่างกาย ศาลลดโทษฐานป้องกันเกินกว่าเหตุ
โจทก์ร่วมถามจำเลยที่ 1 ถึงเรื่องที่จำเลยที่ 1ด่าบิดาโจทก์ร่วม การที่จำเลยที่ 1 ตอบว่า "ให้กลับไปถามพ่อมึงดู" ถ้อยคำดังกล่าวหาได้มีความหมายเป็นการด่าไม่ จึงมิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1สมัครใจเข้าวิวาทกับโจทก์ร่วม เมื่อจำเลยที่ 1ถูกโจทก์ร่วมเข้าทำร้ายก่อน จำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิที่จะป้องกันตนเองได้ แต่โจทก์ร่วมเข้าทำร้ายจำเลยที่ 1โดยใช้มือกระชากผมและตบใบหน้าหลายครั้ง จากนั้นทั้งคู่เข้ากอดปล้ำกัน การที่จำเลยที่ 1 ใช้มีดแทงทำร้ายโจทก์ร่วมซึ่งปราศจากอาวุธที่บริเวณเอวจึงเป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้เท่านั้นสำหรับบาดแผลที่โจทก์ร่วมได้รับนั้นแม้จะเป็นบริเวณเอวและช่องท้อง แต่จำเลยที่ 1 ไม่มีโอกาสที่จะเลือกแทงได้เนื่องจากกำลังกอดปล้ำกับโจทก์ร่วมอยู่ ทั้งจำเลยที่ 1หยุดทำร้ายโจทก์ร่วมทันทีเมื่อมีคนมาห้าม และส่งมีดให้ยึดไว้โดยดี แสดงให้เห็นว่าไม่ประสงค์ต่อชีวิตของโจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายโจทก์ร่วมจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายโดยเกินกว่ากรณีจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3089/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายและการสมัครใจวิวาท การอ้างเหตุป้องกันและบันดาลโทสะที่ไม่สมเหตุสมผล
การที่ผู้เสียหายที่ 1 ไปท้าทายจำเลยโดยพูดเพียงว่า"มึงออกมาต่อยกับกูตัวต่อตัวถ้าแน่จริง" แม้จำเลยไม่มีหน้าที่ จะต้องหลบหนีก็ตาม แต่หากจำเลยไม่สมัครใจที่จะวิวาท หรือต่อสู้กับผู้เสียหายที่ 1 จำเลยก็ชอบที่จะไม่ตอบโต้ หรือ ออกไปพบผู้เสียหายที่ 1 แต่จำเลยกลับออกไปพบผู้เสียหายที่ 1 โดยพกอาวุธปืนไปด้วย แสดงว่าจำเลยสมัครใจเข้าวิวาทและต่อสู้กับผู้เสียหายที่ 1 และเข้าสู่ภัยโดยไม่มีกฎหมายให้อำนาจ แม้ผู้เสียหายที่ 1 จะชักมีดออกมาเพื่อจ้วงแทงจำเลย ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะวิวาทกัน จำเลยไม่มีสิทธิ ใช้ไม้ตีผู้เสียหายทั้งสองและใช้ปืนยิงผู้เสียหายที่ 1 โดยอ้างเหตุป้องกันตามกฎหมาย ทั้งการที่ผู้เสียหายที่ 1มาเรียกจำเลยให้ออกไปชกต่อยกันตัวต่อตัว ไม่เป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงไม่อาจอ้างเหตุบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จำเลยใช้ไม้กลมยาวประมาณ 1 ศอก ตีที่ศีรษะ ผู้เสียหายที่ 2 เป็นเหตุให้มีรอยช้ำที่บริเวณท้ายทอยใช้เวลารักษาประมาณ 5 วัน เป็นการใช้อาวุธทำร้ายที่บริเวณอวัยวะสำคัญ เป็นเหตุ ให้ผู้เสียหายที่ 2 ได้รับอันตรายแก่กาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5302/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดจากพยานหลักฐาน การยืนยันตัวผู้เสียหาย และความต่อเนื่องของการกระทำผิด
ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายรู้จักจำเลย เคยพูดกับจำเลย จำเลยเคยมาขอน้ำดื่มที่บ้านพักผู้เสียหาย และนับแต่จำเลยเข้ามารัดคอผู้เสียหายจนกระทั่งลากคอไปบริเวณลานข้าวเปลือกแล้วเดินหนีใช้เวลาประมาณ 20 นาที อันเป็นระยะเวลานานพอที่ผู้เสียหายจะจำหน้าจำเลยได้เพราะจำเลยได้กระทำผิดในลักษณะประชิดตัวผู้เสียหายโดยตลอดแม้ผู้เสียหายเป็นคนสายตาสั้นต้องสวมแว่นตาก็หาเป็นเหตุให้ผู้เสียหายจำจำเลยผิดคนไปได้ไม่ ทั้งขณะเกิดเหตุจำเลยได้พูดขู่มิให้ผู้เสียหายส่งเสียงดังมิฉะนั้นจะใช้มีดแทง ย่อมทำให้ผู้เสียหายจำเสียงพูดของจำเลยได้ และตอนผู้เสียหายไปแจ้งความก็ระบุว่ารู้จักตัวจำเลยโดยเป็นคนงานเก็บขยะของสุขาภิบาลอำเภอโพธิ์ทอง กับได้บอกลักษณะรูปร่างของจำเลยว่ารูปร่างเตี้ย นอกจากนี้เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจนำตัวจำเลยกับพวกรวม5 คน ซึ่งเป็นคนงานเก็บขยะไปให้ผู้เสียหายชี้ตัว ผู้เสียหายก็ชี้ว่าจำเลยเป็นคนที่ทำร้ายผู้เสียหายโดยไม่ลังเลใจ เมื่อผู้เสียหายไม่มีสาเหตุกับจำเลยจึงไม่มีเหตุจะระแวงว่าผู้เสียหายกลั่นแกล้งปรักปรำจำเลยให้ได้รับโทษแต่อย่างใด ส่วนเรื่องที่ผู้เสียหายอ้างว่าจำเลยยอมรับผิดและจะให้ค่าเสียหายจำนวน 20,000 บาท นั้น แม้พยานโจทก์จะเบิกความไม่ตรงกับผู้เสียหายก็ไม่เป็นข้อสาระสำคัญ เพราะการเจรจาจะชดใช้ค่าเสียหายให้นั้นเป็นเรื่องที่คู่กรณีพยายามจะออมชอมให้ยุติโดยความพอใจของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่กระทำความผิดตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาเหตุรอการลงโทษจากพฤติการณ์และเจตนา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา290ซึ่งถือว่าเป็นคำฟ้องของโจทก์ร่วมด้วยโดยไม่ได้บรรยายมาในคำฟ้องว่าผู้ตายได้รับอันตรายสาหัสและทางพิจารณาก็ไม่ได้ความดังกล่าวดังนั้นที่โจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา297จึงเป็นการฎีกาในข้อหาที่โจทก์ไม่ได้กล่าวมาในฟ้องทั้งเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ได้ประสงค์ให้ลงโทษศาลจึงลงโทษจำเลยทั้งห้าในข้อหาดังกล่าวไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสี่คงลงโทษจำเลยทั้งห้าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา295ประกอบด้วยมาตรา192วรรคท้ายได้เท่านั้น จำเลยทั้งห้าไม่เคยได้รับโทษจำคุกและไม่ปรากฏความประพฤติในทางเสื่อมเสียประกอบอาชีพโดยสุจริตโดยเฉพาะจำเลยที่1เป็นนักศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยครูเหตุที่เกิดขึ้นเนื่องจากผู้ตายเมาสุราแล้วอาละวาดไปหาเรื่องจำเลยทั้งห้าบาดแผลที่เกิดขึ้นมีเพียงตาข้างซ้ายปิดและมีบาดแผลเหนือคิ้วเท่านั้นจำเลยทั้งห้าเพียงแต่เตะต่อยผู้ตายแม้ว่าจำเลยที่2จะจับศีรษะผู้ตายโขกกับพื้นก็ไม่ปรากฏว่ารุนแรงเพียงใดและมีบาดแผลร้ายแรงเกิดขึ้นทั้งหลังเกิดเหตุจำเลยที่3จะนำตัวผู้ตายส่งโรงพยาบาลแต่ผู้ตายไม่ยอมไปแสดงว่าจำเลยทั้งห้าไม่ได้มีเจตนาคิดร้ายต่อผู้ตายพฤติการณ์แห่งคดีจึงมีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษและคุมความประพฤติจำเลยทั้งห้าไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากพฤติการณ์ใช้มีดแทงและการให้การรับสารภาพบ่งชี้ถึงความตั้งใจ
ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การถึงความรู้สึกของจิตใจอารมณ์ของตนเองว่าเมื่อแทงผู้เสียหายที่1ตายแล้วก็จะฆ่าตัวตายเพื่อหนีความวุ่นวายซึ่งพนักงานสอบสวนตั้งข้อหาพยายามฆ่าตามที่จำเลยให้การไว้ไม่ได้ตั้งข้อหาโดยสรุปเอาเองจึงเป็นการที่จำเลยลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงาน การที่จำเลยใช้ไขควงที่ฝนจนแหลมเป็นอาวุธแทงไปที่ร่างกายผู้เสียหายที่1เพื่อให้ผิวหนังทะลุอันเป็นการเล็งเห็นผลว่าถึงตายได้แสดงให้เห็นถึงลักษณะจิตใจที่ไม่คำนึงถึงชีวิตผู้อื่นผู้เสียหายที่1เป็นเพศที่อ่อนแอว่าไม่ได้เป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนและไม่มีทางที่จะต่อสู้ชนะได้จำเลยไม่มีความจำเป็นต้องใช้อาวุธประทุษร้ายผู้หญิงการใช้อาวุธที่ไม่ได้ป้องกันตัวเองย่อมมุ่งต่อผลคือชีวิตทั้งอายุของจำเลยในขณะที่กระทำความผิดนั้นสามารถรู้ผิดชอบและบังคับตนเองได้ไม่ได้มีจิตใจบกพร่องจำเลยสร้างภยันตรายให้เกิดขึ้นเพราะความผิดของตนเองมิใช่เกิดจากความตื่นเต้นความตกใจหรือความกลัวอันจะทำให้เห็นว่าจำเลยมีเพียงเจตนาทำร้ายตามที่ฎีกาจำเลยจะแก้ตัวว่ามิได้กระทำโดยเจตนาฆ่าหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5219/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้าย vs. พยายามฆ่า: การพิจารณาจากอาวุธ, บาดแผล และสถานการณ์
จำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายมาก่อนแต่ไม่รุนแรงมากถึงกับคิดจะฆ่าผู้เสียหายแม้มีดที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายเป็นมีดปลายแหลมคมมีดยาวประมาณ7นิ้วแต่จำเลยแทงไม่แรงและบริเวณที่เกิดเหตุเป็นที่มือจำเลยไม่สามารถเลือกแทงได้จำเลยจึงมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5219/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้าย vs. พยายามฆ่า: การพิจารณาจากบาดแผล, อาวุธ, และสถานการณ์
จำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายมาก่อน แต่ไม่รุนแรงมากถึงกับคิดจะฆ่าผู้เสียหาย แม้มีดที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายเป็นมีดปลายแหลมคมมีดยาวประมาณ 7 นิ้ว แต่จำเลยแทงไม่แรงและบริเวณที่เกิดเหตุเป็นที่มือ จำเลยไม่สามารถเลือกแทงได้ จำเลยจึงมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น