คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 295

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 581 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 485/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดทำร้ายร่างกาย: การลงโทษตามความร้ายแรงของผลกระทบ
ความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจและความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัสนั้น ประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติไว้ในหมวดเดียวกัน องค์ประกอบความผิดในส่วนการกระทำก็เป็นอย่างเดียวกันต่างกันตรงผลแห่งการกระทำเท่านั้น คือถ้าเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส ก็เป็นความผิดตามมาตรา 297 มีผลให้ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษหนักขึ้น เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมรับอันตรายสาหัสเพียงแต่เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายของโจทก์ร่วมเท่านั้นแม้โจทก์จะไม่ได้อ้างมาตรา 295 เป็นบทลงโทษมาด้วย ศาลก็ลงโทษจำเลยตามมาตรา 295 ซึ่งมีอัตราโทษเบากว่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันบุกรุกทำร้ายร่างกาย: การสมคบแบ่งหน้าที่และรอการลงโทษ
จำเลยที่ 3 ขับรถยนต์ปิกอัพมาจอดที่หน้าบ้าน น. แล้วจำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ส.น้องภริยาจำเลยที่ 1 ลงจากรถวิ่งเข้าไปในบ้าน น. ไล่ตีทำร้ายผู้เสียหาย ดังนี้ แม้ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 เพียงแต่ถือมีดกับปืนคอยป้องกันไม่ให้ชาวบ้านเข้ามาช่วยโดยจำเลยที่ 2 ไม่ได้ทำร้ายผู้ใดก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 2ร่วมไปกับจำเลยอื่นและพวกแล้วถือมีดกับปืนคอยป้องกันไม่ให้ชาวบ้านเข้ามาช่วยในขณะที่จำเลยอื่นและพวกไล่ตีทำร้ายผู้เสียหาย เช่นนี้พฤติการณ์ส่อแสดงว่า จำเลยที่ 2 พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือในขณะที่จำเลยอื่นและพวกกระทำผิดดังกล่าว มีลักษณะเป็นการสมคบแบ่งหน้าที่ร่วมกันกระทำ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยอื่นและพวกบุกรุกเข้าไปในเคหสถานและทำร้ายร่างกายผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295,365(1)(2) ประกอบด้วยมาตรา 364,83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6416/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีทำร้ายร่างกายสาหัส ต้องมีการบรรยายรายละเอียดบาดเจ็บในฟ้อง
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสอย่างไรจึงพิพากษาลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 297 ไม่ได้ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 295.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4025/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวต่อเนื่อง: การทำร้ายร่างกายและการหลบหนีจากเหตุโต้เถียง
โจทก์ร่วมและจำเลยโต้เถียงกัน จำเลยชกโจทก์ร่วมแล้วหนีไปขึ้นรถยนต์ซึ่งจอดอยู่ห่างประมาณ 3 เมตร เพื่อขับหนี โจทก์ร่วมตามไปเกาะประตูรถ จำเลยจึงทำร้ายโจทก์ร่วมอีกแม้วิธีการทำร้ายจะแตกต่างกัน แต่ก็เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องด้วยเจตนาเดียวกันจากสาเหตุเดิมที่โต้เถียงกันข้างต้น จึงเป็นการกระทำกรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4025/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวต่อเนื่อง: การทำร้ายร่างกายจากเหตุโต้เถียง การพิจารณาโทษและลดโทษ
โจทก์ร่วมและจำเลยโต้เถียงกัน จำเลยชกโจทก์ร่วมแล้วหนีไปขึ้นรถยนต์ซึ่งจอดอยู่ห่างประมาณ 3 เมตร เพื่อขับหนี โจทก์ร่วมตามไปเกาะประตูรถ จำเลยจึงทำร้ายโจทก์ร่วมอีก แม้วิธีการทำร้ายจะแตกต่างกัน แต่ก็เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องด้วยเจตนาเดียวกันจากสาเหตุเดิมที่โต้เถียงกันข้างต้น จึงเป็นการกระทำกรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3982/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย รุมทำร้ายด้วยอาวุธไม่มีคมและมีคม บาดเจ็บไม่ถึงแก่ชีวิต
จำเลยกับพวกรวม 7 คน รุมทำร้ายผู้เสียหายโดยใช้ขวดน้ำอัดลมและเหล็กเปิดน้ำอัดลมซึ่งด้านหนึ่งไม่มีคม อีกด้านหนึ่งมีคม ยาวจากปลายแหลมถึงที่กั้น 1.2 เซนติเมตรเป็นอาวุธแทงคนละทีและไม่มีโอกาสเลือกแทง ผู้เสียหายมีบาดแผลถูกแทงด้วยขวดน้ำอัดลมที่หางคิ้วซ้าย เป็นแผลฉีกขาดลึกครึ่งเซนติเมตร ยาวเพียง 2 เซนติเมตร ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนจะรักษาหายภายใน 7 วัน ส่วนแผลที่ถูกแทงด้วยเหล็กเปิดน้ำอัดลมที่หน้าท้องมีรอยช้ำเล็กน้อย ไม่ต้องรักษาบาดแผลไม่สามารถทำให้ถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยกับพวกยังถือไม่ได้ว่ามีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงเพียงแต่มีเจตนาทำร้ายร่างกายเท่านั้น อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3982/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีคม ศาลพิจารณาเจตนาและลักษณะบาดแผลเพื่อตัดสินความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
จำเลยกับพวกรวม 7 คน รุมทำร้ายผู้เสียหายโดยใช้ขวดน้ำอัดลมและเหล็กเปิดน้ำอัดลมซึ่งด้านหนึ่งไม่มีคม อีกด้านหนึ่งมีคม ยาว จากปลายแหลมถึงที่กั้น 1.2 เซนติเมตร เป็นอาวุธแทงคนละที และ ไม่มีโอกาสเลือกแทง ผู้เสียหายมีบาดแผลถูกแทงด้วยขวดน้ำอัดลม ที่ หางคิ้วซ้าย เป็นแผลฉีกขาดลึกครึ่งเซนติเมตรยาวเพียง 2 เซนติเมตร ถ้า ไม่มีโรคแทรกซ้อนจะรักษาหายภายใน 7 วัน ส่วนแผลที่ถูกแทงด้วย เหล็กเปิดน้ำอัดลมที่หน้าท้องมีรอยช้ำเล็กน้อย ไม่ต้องรักษาบาดแผล ไม่สามารถทำให้ถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยกับพวก ยัง ถือไม่ได้ว่า มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงเพียงแต่มีเจตนาทำร้าย ร่างกาย เท่านั้น อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2713/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการใช้อาวุธปืนยิง แม้กระสุนไม่ถูกอวัยวะสำคัญ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำแสดงเจตนาฆ่า
บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับจากกระสุนปืนนัดหนึ่งที่ใต้เช่าปรากฏว่ากระสุนปืนเข้าทางด้านหลังทะลุด้านหน้า แสดงว่าอาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงนั้นเป็นอาวุธปืนที่ใช้ยิงทำให้ถึงตายได้ถ้าถูกอวัยวะที่สำคัญ การที่จำเลยเล็งอาวุธปืนและยิงไปทางผู้เสียหายหลายนัด แม้จะยิงในระยะห่างเพียงประมาณ 5 วา และกระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่ใต้เข่าเพียงนัดเดียว อาจเนื่องมาจากความไม่ชำนาญในการใช้อาวุธปืนของจำเลยเอง จะถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะยิงอวัยวะส่วนที่สำคัญของร่างกายโดยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2713/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากพฤติกรรมการยิง: แม้ไม่ถูกอวัยวะสำคัญ ก็ถือเป็นเจตนาได้
บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับจากกระสุนปืนนัดหนึ่งที่ใต้เข่าปรากฏว่ากระสุนปืนเข้าทางด้านหลังทะลุด้านหน้า แสดงว่าอาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงนั้นเป็นอาวุธปืนที่ใช้ยิงทำให้ถึงตายได้ถ้าถูกอวัยวะที่สำคัญ การที่จำเลยเล็งอาวุธปืนและยิงไปทางผู้เสียหายหลายนัด แม้จะยิงในระยะห่างเพียงประมาณ 5 วา และกระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่ใต้เข่าเพียงนัดเดียว อาจเนื่องมาจากความไม่ชำนาญในการใช้อาวุธปืนของจำเลยเอง จะถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะยิงอวัยวะส่วนที่สำคัญของร่างกายโดยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดอายุความฟ้องอาญา ต้องพิจารณาจากอัตราโทษตามบทมาตราที่โจทก์ฟ้อง ไม่ใช่โทษที่ศาลตัดสิน
อัตราโทษที่จะนำมาพิจารณากำหนดอายุความฟ้องผู้กระทำผิดตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 นั้น ถืออัตราโทษสูงสุดสำหรับความผิดที่บัญญัติไว้ในบทมาตราที่โจทก์ฟ้องเป็นหลักมิใช่ถือตามโทษที่ศาลกำหนดในคำพิพากษาลงแก่จำเลย แม้ศาลฟังว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ซึ่งวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีจะต้องฟ้องภายในอายุความสิบปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(3)แต่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิตกำหนดอายุความยี่สิบปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(1) และคดีนี้เหตุเกิดวันที่ 6ธันวาคม 2517 โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2532 จึงไม่ขาดอายุความ
of 59