คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 295

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 581 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5120/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแทงทำร้าย: พิจารณาจากบาดแผล, อาวุธ, และพฤติการณ์
จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายในขณะที่จำเลยเมาสุราโดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน มีดที่ใช้แทงไม่มีด้ามและมีสนิมติดอยู่ด้วยจำเลยแทงผู้เสียหายครั้งแรกที่ใต้ราวนมซ้าย 1 ครั้ง บาดแผลขนาด 1.2 * 0.3 เซนติเมตรลึก 0.5 เซนติเมตรติดกระดูกซี่โครง ไม่ได้ความว่าแทงโดยแรงหรือไม่ผู้เสียหายล้มลงแล้วจำเลยยังแทงผู้เสียหายที่โคนขาอีก 2 ครั้งแผลลึก 3 และ 2.5 เซนติเมตรตามลำดับ สภาพบาดแผลมีขนาดใกล้เคียงกับบาดแผลที่ใต้ราวนมซ้ายแพทย์มีความเห็นว่าใช้เวลารักษาประมาณ 10 วันหาย พิจารณาถึงมีดซึ่งไม่เหมาะที่จะใช้แทงให้ตายและการที่จำเลยมีโอกาสเลือกแทงในส่วนสำคัญได้หลังจากผู้เสียหายล้มลงแล้วแต่กลับแทงไปที่บริเวณโคนขาซึ่งไม่เกิดอันตรายร้ายแรง ทำให้ฟังไม่ถนัดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5120/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า: การพิจารณาจากบาดแผลและพฤติการณ์ ผู้ต้องหาไม่ได้มีเจตนาฆ่า
จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายในขณะที่จำเลยเมาสุราโดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน มีดที่ใช้แทงไม่มีด้ามและมีสนิมติดอยู่ด้วยจำเลยแทงผู้เสียหายครั้งแรกที่ใต้ราวนมซ้าย 1 ครั้ง บาดแผลขนาด 1.2+0.3 เซนติเมตรลึก 0.5 เซนติเมตรติดกระดูกซี่โครง ไม่ได้ความว่าแทงโดยแรงหรือไม่ผู้เสียหายล้มลงแล้วจำเลยยังแทงผู้เสียหายที่โคนขาอีก 2ครั้ง แผลลึก 3 และ 2.5 เซนติเมตรตามลำดับ สภาพบาดแผลมีขนาดใกล้เคียงกับบาดแผลที่ใต้ราวนมซ้ายแพทย์มีความเห็นว่าใช้เวลารักษาประมาณ 10 วันหาย พิจารณาถึงมีดซึ่งไม่เหมาะที่จะใช้แทงให้ตายและการที่จำเลยมีโอกาสเลือกแทงในส่วนสำคัญได้หลังจากผู้เสียหายล้มลงแล้วแต่กลับแทงไปที่บริเวณโคนขาซึ่งไม่เกิดอันตรายร้ายแรง ทำให้ฟังไม่ถนัดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4707/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายด้วยอาวุธอันตรายจนถึงแก่ความตาย และความรับผิดทางอาญาของผู้ร่วมกระทำ
การที่จำเลยที่ 2 จับเก้าอี้เหล็กกลมไม่มีพนักแล้วกระแทกปลายขาเก้าอี้ซึ่งเป็นเหล็กกลวงไม่มียางหุ้มไปที่ศีรษะอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญของผู้ตายโดยแรง ทำให้กะโหลกศีรษะใต้บาดแผลยุบขนาด 3+2.5 ซ.ม. นั้น จำเลยที่ 2 ย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำของตนได้ว่าจะเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยเจตนา
แม้จำเลยที่ 1 จะมีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 2 และพวกรุมทำร้ายผู้ตายมาแต่ต้น แต่จำเลยที่ 1 กับพวกตามจำเลยที่ 2ออกไปทำร้ายผู้ตายโดยไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน และไม่มีอาวุธติดตัวแต่อย่างใด และการทำร้ายของจำเลยที่ 1 ก็เพียงชกต่อยผู้ตายโดยจำเลยที่ 1 ไม่เคยมีสาเหตุกับผู้ตายด้วย จำเลยที่1 คงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายเท่านั้น ยังไม่ถึงกับเป็นความผิดฐานร่วมกับผู้อื่นฆ่าผู้ตาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4707/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยเก้าอี้ และความรับผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยที่ 2 จับเก้าอี้เหล็กกลมไม่มีพนักแล้วกระแทกปลายขาเก้าอี้ซึ่งเป็นเหล็กกลวงไม่มียางหุ้มไปที่ศีรษะอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญของผู้ตายโดยแรง ทำให้กะโหลกศีรษะใต้บาดแผลยุบขนาด 3 + 2.5 ซ.ม. นั้น จำเลยที่ 2 ย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำของตนได้ว่าจะเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยเจตนา
แม้จำเลยที่ 1 จะมีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 2 และพวกรุมทำร้ายผู้ตายมาแต่ต้น แต่จำเลยที่ 1 กับพวกตามจำเลยที่ 2 ออกไปทำร้ายผู้ตายโดยไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน และไม่มีอาวุธติดตัวแต่อย่างใด และการทำร้ายของจำเลยที่ 1 ก็เพียงชกต่อยผู้ตายโดยจำเลยที่ 1 ไม่เคยมีสาเหตุกับผู้ตายด้วย จำเลยที่1 คงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายเท่านั้น ยังไม่ถึงกับเป็นความผิดฐานร่วมกับผู้อื่นฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4579/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดและบทลงโทษต่อเนื่องจากความรุนแรง การรอการลงโทษโดยคำนึงถึงเหตุปัจจัย
ปัญหาที่ว่าจำเลยกระทำความผิดกรรมใดบ้างนั้น แม้จำเลยมิได้ฎีกาก็เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยได้
การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านโจทก์ร่วม แล้วดูหมิ่นโจทก์ร่วมกับชกต่อยโจทก์ร่วมในทันทีทันใดนั้น เป็นการกระทำต่อเนื่องกัน โดยมีเจตนาอันแท้จริง เพื่อดูหมิ่นและทำร้ายโจทก์ร่วมการกระทำของจำเลยในตอนนี้จึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 อันเป็นบทหนักที่สุดต่อมาจำเลยฉุดแขนโจทก์ร่วมออกจากเคหสถานลากพาตัวไปยังถนนสาธารณะอันเป็นการทำให้โจทก์ร่วมปราศจากเสรีภาพในร่างกายพร้อมทั้งได้ร่วมกับพวกทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วมจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายทันที ซึ่งถือได้ว่าเป็นการข่มเหงรังแกหรือทำให้โจทก์ร่วมเดือดร้อนรำคาญด้วยนั้นย่อมเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันกับความผิดฐานทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นเอง การกระทำของจำเลยในตอนหลังนี้จึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา310 อันเป็นบทหนักที่สุด รวมเป็นความผิด 2 กระทง
มูลเหตุแห่งคดีเกิดจากโจทก์ร่วมได้ว่ากล่าวบุตรของจำเลยว่าเป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่สั่งสอน ความเจ็บร้อนย่อมเกิดขึ้นได้ตามวิสัยปุถุชนจึงมีการต่อว่าต่อขานและเป็นมูลให้ทะเลาะกันอย่างจริงจังในที่สุด บาดแผลของโจทก์ร่วมเป็นบาดแผลที่ไม่รุนแรงกับคำว่า 'อีเหี้ย อีสัตว์' ที่จำเลยด่าโจทก์ร่วมก็เป็นแต่ถ้อยคำที่ผู้ถูกว่าเกิดความระคายเคืองใจไม่มีผู้ใดคิดและเชื่อว่าโจทก์ร่วมจะเป็นเช่นนั้นพิเคราะห์ตามมูลเหตุพฤติการณ์แห่งคดีและบาดแผล เป็นการสมควรที่ศาลจะรอการลงโทษไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4579/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประมวลโทษอาญาที่ถูกต้อง: บุกรุก ทำร้ายร่างกาย และข่มเหงรังแก ศาลฎีกาแก้โทษให้เหมาะสมกับพฤติการณ์
ปัญหาที่ว่าจำเลยกระทำความผิดกรรมใดบ้างนั้น แม้จำเลยมิได้ฎีกาก็เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยได้
การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านโจทก์ร่วม แล้วดูหมิ่นโจทก์ร่วมกับชกต่อยโจทก์ร่วมในทันทีทันใดนั้น เป็นการกระทำต่อเนื่องกันโดยมีเจตนาอันแท้จริง เพื่อดูหมิ่นและทำร้ายโจทก์ร่วมการกระทำของจำเลยในตอนนี้จึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 อันเป็นบทหนักที่สุดต่อมาจำเลยฉุดแขนโจทก์ร่วมออกจากเคหสถานลากพาตัวไปยังถนนสาธารณะอันเป็นการทำให้โจทก์ร่วมปราศจากเสรีภาพในร่างกายพร้อมทั้งได้ร่วมกับพวกทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วมจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายทันที ซึ่งถือได้ว่าเป็นการข่มเหงรังแกหรือทำให้โจทก์ร่วมเดือดร้อนรำคาญด้วยนั้นย่อมเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันกับความผิดฐานทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นเอง การกระทำของจำเลยในตอนหลังนี้จึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310 อันเป็นบทหนักที่สุด รวมเป็นความผิด 2 กระทง
มูลเหตุแห่งคดีเกิดจากโจทก์ร่วมได้ว่ากล่าวบุตรของจำเลยว่าเป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่สั่งสอน ความเจ็บร้อนย่อมเกิดขึ้นได้ตามวิสัยปุถุชนจึงมีการต่อว่าต่อขานและเป็นมูลให้ทะเลาะกันอย่างจริงจังในที่สุดบาดแผลของโจทก์ร่วมเป็นบาดแผลที่ไม่รุนแรงกับคำว่า 'อีเหี้ย อีสัตว์'ที่จำเลยด่าโจทก์ร่วมก็เป็นแต่ถ้อยคำที่ผู้ถูกว่าเกิดความระคายเคืองใจไม่มีผู้ใดคิดและเชื่อว่าโจทก์ร่วมจะเป็นเช่นนั้นพิเคราะห์ตามมูลเหตุพฤติการณ์แห่งคดีและบาดแผล เป็นการสมควรที่ศาลจะรอการลงโทษไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4402/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าจากการขว้างระเบิด แม้ระเบิดไม่ทำงาน ศาลฎีกาปรับบทลงโทษให้ถูกต้อง
จำเลยขว้างลูกระเบิดใส่ผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า แต่ลูกระเบิดไม่เกิดการระเบิด เพราะยังมิได้ถอด สลักนิรภัย เมื่อปรากฏว่าลูกระเบิดดังกล่าวอยู่ในสภาพที่ใช้ทำการระเบิดได้ และหากระเบิดขึ้นจะมีอำนาจทำลายสังหาร ชีวิต มนุษย์ ดังนี้ จำเลยจึงมีความผิดตามป.อ. มาตรา 288,80 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 288,80 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 288,81 จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 295,80 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ดังนี้เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 288,80 ศาลฎีกามีอำนาจปรับบทลงโทษให้ถูกต้องได้ แต่กำหนดโทษคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4402/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าแม้ระเบิดไม่ทำงาน ศาลลงโทษฐานพยายามฆ่าได้
จำเลยขว้างลูกระเบิดใส่ผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าแต่ลูกระเบิดไม่เกิดการระเบิดเพราะยังมิได้ถอดสลักนิรภัย เมื่อปรากฏว่าลูกระเบิดดังกล่าวอยู่ในสภาพที่ใช้ทำการระเบิดได้และหากระเบิดขึ้นจะมีอำนาจทำลายสังหารชีวิตมนุษย์ ดังนี้ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 288,81 จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 295,80 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 288,80 ศาลฎีกามีอำนาจปรับบทลงโทษให้ถูกต้องได้แต่กำหนดโทษคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4140/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานทำร้ายร่างกายและฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แม้ไม่มีเจตนาตั้งแต่ต้น ศาลลงโทษตามบทหนัก
จำเลยทั้งสี่กับนายแม้วร่วมกับพวกพากันไปทำร้ายผู้อื่น เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุมีการต่อสู้ชกต่อยกันแต่ฝ่ายจำเลยสู้ไม่ได้ ขณะที่ฝ่ายจำเลยกำลังหลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ นายแม้วใช้อาวุธปืนยิงอีกฝ่ายซึ่งไล่ตามมา กระสุนปืนถูกผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ บาดเจ็บสาหัสและถูก ส. ถึงแก่ความตาย ดังนี้ เมื่อฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสี่รู้ว่านายแม้วมีอาวุธปืนไปด้วย ขณะวิวาทชกต่อยกันก็ไม่มีการใช้อาวุธใด ๆ จึงฟังไม่ได้ว่าการที่นายแม้วใช้อาวุธปืนยิงนั้นจำเลยทั้งสี่มีเจตนาร่วมกระทำผิดด้วย จำเลยทั้งสี่ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ตามที่โจทก์ฟ้อง แต่มีความผิดตามมาตรา 290, 295 และ 297 การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามมาตรา 290 ซึ่งเป็นบทหนัก และศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามมาตรา 290 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4140/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย เจตนาของผู้ร่วมกระทำผิดและการลงโทษตามบทหนัก
จำเลยทั้งสี่กับนายแม้วร่วมกับพวกพากันไปทำร้ายผู้อื่นเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุมีการต่อสู้ชกต่อยกันแต่ฝ่ายจำเลยสู้ไม่ได้ ขณะที่ฝ่ายจำเลยกำลังหลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ นายแม้วใช้อาวุธปืนยิงอีกฝ่ายซึ่งไล่ตามมา กระสุนปืนถูกผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ บาดเจ็บสาหัสและถูก ส.ถึงแก่ความตายดังนี้เมื่อฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสี่รู้ว่านายแม้วมีอาวุธปืนไปด้วย ขณะวิวาทชกต่อยกันก็ไม่มีการใช้อาวุธใด ๆ จึงฟังไม่ได้ว่าการที่นายแม้วใช้อาวุธปืนยิงนั้นจำเลยทั้งสี่มีเจตนาร่วมกระทำผิดด้วย จำเลยทั้งสี่ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 ตามที่โจทก์ฟ้อง แต่มีความผิดตามมาตรา 290,295 และ 297 การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามมาตรา 290 ซึ่งเป็นบทหนัก และศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามมาตรา 290 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192
of 59