พบผลลัพธ์ทั้งหมด 581 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1450/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการกระทำผิดฐานทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาจากบาดแผลและอาวุธที่ใช้
จำเลยใช้มีดขนาดยาว 8 นิ้ว กว้าง 2 นิ้วแทงผู้เสียหายถูกที่หัวไหล่ 2 แผล โดยไม่ปรากฏว่าตั้งใจเลือกแทงอวัยวะสำคัญ บาดแผลที่หนึ่งขนาด 6 คูณ 2 เซนติเมตรลึกทะลุแขน ส่วนแผลที่สองขนาด 3 คูณ 1 เซนติเมตรแผลทะลุ ผู้เสียหายรักษาตัวที่โรงพยาบาล 10 วัน และไม่สามารถประกอบกรณียกิจโดยปกติอีก 2 เดือน เช่นนี้ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แต่ฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสอย่างไร จึงจะพิพากษาลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษในคดีวิวาท ทำร้าย และฆ่า มีเจตนาทำร้ายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันให้ส่งจำเลยไปควบคุมไว้ยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางมีกำหนด1ปีแม้ศาลอุทธรณ์จะปรับบทลงโทษตามป.อ.มาตรา288เพิ่มอีกบทหนึ่งก็เป็นการลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน1ปีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามป.วิ.อ.มาตรา219จำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาต่างกับฟ้องก็ดีจำเลยมิได้เข้าร่วมชุลมุนต่อสู้กับฝ่ายผู้ตายและผู้เสียหายก็ดีเป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ กรณีวิวาทต่อสู้กันซึ่งกระทำต่อเนื่องกันไปและจำเลยร่วมกันกับพวกใช้อาวุธฝ่ายเดียวทำร้ายอีกฝ่ายจนได้รับบาดเจ็บและตายการกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดเพียงร่วมกับพวกทำร้ายอีกฝ่ายตามป.อ.มาตรา295บทเดียวย่อมไม่ถูกต้องเมื่อคดีมีการอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะหยิบยกบทมาตราที่ถูกต้องขึ้นปรับคดีได้หากมิใช่เป็นการเพิ่มโทษจำเลยให้หนักขึ้น เมื่อมีการตายและบาดเจ็บเกิดขึ้นในขณะวิวาทต่อสู้กันย่อมถือได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาเพียงทำร้ายฝ่ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายอันเป็นความผิดตามป.อ.มาตรา290ประกอบด้วยมาตรา83อีกบทหนึ่งต่างหากจากมาตรา295เท่านั้นและต้องลงโทษจำเลยตามบทนี้ที่มีโทษหนักที่สุดแต่เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นจำเลยจึงควรรับโทษเพียงไม่เกินกว่าอัตราโทษที่กำหนดไว้ในป.อ.มาตรา295ดังที่ศาลชั้นต้นกำหนด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวิวาททำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: ศาลอุทธรณ์ปรับบทลงโทษหนักได้หากไม่เกินกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนด
ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันให้ส่งจำเลยไปควบคุมไว้ยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางมีกำหนด1ปีแม้ศาลอุทธรณ์จะปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288เพิ่มอีกบทหนึ่งก็เป็นการลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน1ปีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา219จำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาต่างกับฟ้องก็ดีจำเลยมิได้เข้าร่วมชุลมุนต่อสู้กับฝ่ายผู้ตายและผู้เสียหายก็ดีเป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้. กรณีวิวาทต่อสู้กันซึ่งกระทำต่อเนื่องกันไปและจำเลยร่วมกันกับพวกใช้อาวุธฝ่ายเดียวทำร้ายอีกฝ่ายจนได้รับบาดเจ็บและตายการกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดเพียงร่วมกับพวกทำร้ายอีกฝ่ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา295บทเดียวย่อมไม่ถูกต้องเมื่อคดีมีการอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะหยิบยกบทมาตราที่ถูกต้องขึ้นปรับคดีได้หากมิใช่เป็นการเพิ่มโทษจำเลยให้หนักขึ้น. เมื่อมีการตายและบาดเจ็บเกิดขึ้นในขณะวิวาทต่อสู้กันย่อมถือได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาเพียงทำร้ายฝ่ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา290ประกอบด้วยมาตรา83อีกบทหนึ่งต่างหากจากมาตรา295เท่านั้นและต้องลงโทษจำเลยตามบทนี้ที่มีโทษหนักที่สุดแต่เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นจำเลยจึงควรรับโทษเพียงไม่เกินกว่าอัตราโทษที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา295ดังที่ศาลชั้นต้นกำหนด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษในคดีวิวาททำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลอุทธรณ์มีอำนาจปรับบทได้แต่ต้องไม่หนักกว่าเดิม
ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันให้ส่งจำเลยไปควบคุมไว้ยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง มีกำหนด 1 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 เพิ่มอีกบทหนึ่ง ก็เป็นการลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จำเลยฎีกาว่า ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาต่างกับฟ้องก็ดี จำเลยมิได้เข้าร่วมชุลมุนต่อสู้กับฝ่ายผู้ตายและผู้เสียหายก็ดี เป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
กรณีวิวาทต่อสู้กันซึ่งกระทำต่อเนื่องกันไป และจำเลยร่วมกันกับพวกใช้อาวุธฝ่ายเดียวทำร้ายอีกฝ่ายจนได้รับบาดเจ็บและตาย การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดเพียงร่วมกับพวกทำร้ายอีกฝ่ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 บทเดียว ย่อมไม่ถูกต้อง เมื่อคดีมีการอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะหยิบยกบทมาตราที่ถูกต้องขึ้นปรับคดีได้ หากมิใช่เป็นการเพิ่มโทษจำเลยให้หนักขึ้น
เมื่อมีการตายและบาดเจ็บเกิดขึ้นในขณะวิวาทต่อสู้กันย่อมถือได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาเพียงทำร้ายฝ่ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ประกอบด้วยมาตรา 83 อีกบทหนึ่ง ต่างหากจากมาตรา 295 เท่านั้น และต้องลงโทษจำเลยตามบทนี้ที่มีโทษหนักที่สุด แต่เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้น จำเลยจึงควรรับโทษเพียงไม่เกินกว่าอัตราโทษที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ดังที่ศาลชั้นต้นกำหนด
กรณีวิวาทต่อสู้กันซึ่งกระทำต่อเนื่องกันไป และจำเลยร่วมกันกับพวกใช้อาวุธฝ่ายเดียวทำร้ายอีกฝ่ายจนได้รับบาดเจ็บและตาย การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดเพียงร่วมกับพวกทำร้ายอีกฝ่ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 บทเดียว ย่อมไม่ถูกต้อง เมื่อคดีมีการอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะหยิบยกบทมาตราที่ถูกต้องขึ้นปรับคดีได้ หากมิใช่เป็นการเพิ่มโทษจำเลยให้หนักขึ้น
เมื่อมีการตายและบาดเจ็บเกิดขึ้นในขณะวิวาทต่อสู้กันย่อมถือได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาเพียงทำร้ายฝ่ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ประกอบด้วยมาตรา 83 อีกบทหนึ่ง ต่างหากจากมาตรา 295 เท่านั้น และต้องลงโทษจำเลยตามบทนี้ที่มีโทษหนักที่สุด แต่เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้น จำเลยจึงควรรับโทษเพียงไม่เกินกว่าอัตราโทษที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ดังที่ศาลชั้นต้นกำหนด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการทำร้ายร่างกาย: การประเมินจากบาดแผลและพฤติการณ์เพื่อวินิจฉัยความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้ขวดสุราตีและใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายมีบาดแผลทั้งสิ้น5แผลคือที่หน้าผากด้านขวายาวประมาณ2.5ซ.ม.หน้าผากด้านซ้ายยาวประมาณ3ซ.ม.เหนือหูขวายาวประมาณ3ซ.ม.แขนซ้ายยาวประมาณ2ซ.ม.อกด้านซ้ายยาวประมาณ1ซ.ม.เฉพาะแผลที่อกด้านซ้ายซึ่งลึกประมาณ1ซ.ม.เพียงแต่ถูกกล้ามเนื้อไม่ทะลุเข้าไปถึงอวัยวะภายในและอาวุธมิได้ถูกกระดูกแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาหายภายใน7วันบาดแผลที่จำเลยทำร้ายผู้เสียหายแต่ละแผลไม่อาจทำให้ผู้เสียหายเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เมื่อเกิดเหตุแล้วมีคนมาจับจำเลยไว้และขอร้องไม่ให้แทงผู้เสียหายอีกจำเลยก็ยอมเชื่อฟังกรณีจึงไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าคงผิดแต่เพียงฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนายิงทำร้ายร่างกาย แม้ยิงลงพื้น ศาลฎีกาพิพากษาว่าเป็นการทำร้ายร่างกาย ผู้ยิงเล็งเห็นผลได้
จำเลยใช้ปืนยิงไปที่พื้นดินหนึ่งนัดในขณะที่ผู้เสียหายกำลังเดินไปหาจำเลยและอยู่ห่างจำเลยประมาณสองวาจำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายได้เมื่อกระสุนปืนถูกขาผู้เสียหายบาดเจ็บต้องถือว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายหาใช่เป็นการยิงขู่ไม่การกระทำของจำเลยดังกล่าวไม่เป็นการป้องกันโดยชอบเพราะขณะนั้นผู้เสียหายยังไม่สามารถจะทำร้ายจำเลยได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าหรือไม่: พิจารณาจากการกระทำและเหตุการณ์ประกอบ การทำร้ายด้วยมีดโดยไม่เล็งเป้าสำคัญ ไม่ถือเป็นเจตนาฆ่า
ใช้มีดขนาดค่อนข้างยาวฟันโดยมิได้เลือกฟันในส่วนที่สำคัญของร่างกายคงฟันในโอกาสที่อำนวยทั้งเหตุที่ต้องทำร้ายก็เกิดในระยะเวลาที่กระชั้นชิดและไม่ปรากฏว่าเคยมีสาเหตุอย่างใดที่เป็นการร้ายแรงถึงขนาดจะต้องเอาชีวิตมาก่อนและบาดแผลที่ได้รับก็ไม่ถึงขนาดฉกรรจ์อีกด้วยจึงถือไม่ได้ว่ามีเจตนาฆ่าหากแต่เป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าหรือไม่: พิจารณาจากการกระทำ, เหตุการณ์, และบาดแผลของผู้เสียหาย
ใช้มีดขนาดค่อนข้างยาวฟันโดยมิได้เลือกฟันในส่วนที่สำคัญของร่างกายคงฟันในโอกาสที่อำนวยทั้งเหตุที่ต้องทำร้ายก็เกิดในระยะเวลาที่กระชั้นชิดและไม่ปรากฏว่าเคยมีสาเหตุอย่างใดที่เป็นการร้ายแรงถึงขนาดจะต้องเอาชีวิตมาก่อนและบาดแผลที่ได้รับก็ไม่ถึงขนาดฉกรรจ์อีกด้วย จึงถือไม่ได้ว่ามีเจตนาฆ่าหากแต่เป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4955/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุและการทำร้ายร่างกาย: ศาลฎีกาพิจารณาบาดแผลและเจตนาของผู้กระทำ
การที่จำเลยใช้มีดโต้ฟันผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านของจำเลยในเวลากลางคืน 1 ที ทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์ยาว 6 เซนติเมตร กะโหลกศีรษะใต้บาดแผลแตกเป็นแนวยาวไปตามบาดแผลยาว 5 เซนติเมตร แสดงว่าจำเลยฟันโดยแรงขณะผู้เสียหายเพิ่งโผล่ออกมาจากใต้แคร่ ในสภาพที่ผู้เสียหายซ่อนตัวอยู่ใต้แคร่ซึ่งอยู่ในเขตจำกัด จำเลยอาจจะใช้วิธีการอื่นที่จะสกัดกั้นไม่ให้ผู้เสียหายออกมาและเรียกร้องให้ผู้อื่นมาช่วยจับผู้เสียหายไว้ได้ ทั้งมีทางที่จะสังเกตได้ทันทีว่าผู้โผล่ออกมาเป็นใคร จะเกิดภัยแก่จำเลยเพียงใดหรือไม่ ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายกะโหลกศีรษะแตกเป็นแนวยาว 5เซนติเมตรแพทย์ลงความเห็นว่ารักษานานกว่า 21 วันหายแต่ได้ความว่าผู้เสียหายรับการรักษาอยู่โรงพยาบาล 6-7 วันแล้วถูกส่งตัวไปสถานพินิจและคุ้มครองเด็ก 9 วันจึงกลับบ้านไม่ปรากฏว่าหลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วต้องไปรับการรักษาที่ใดอีกหรือไม่ แสดงว่าบาดแผลของผู้เสียหายรักษาไม่เกิน 20 วัน จึงถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายถึงสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4941/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดร่วมของตัวการสั่งการ เมื่อผลการกระทำเกินเลยไปจากที่สั่งการ และการเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นหญิงโสเภณี โกรธแค้น ว. และ บ. ผู้ตาย เรื่องจะสับเปลี่ยนคู่นอนร่วมประเวณี จึงมาเล่าเรื่องและขอให้จำเลยที่ 3 กับพวกไปช่วยสั่งสอนให้หน่อยซึ่งหมายถึงการทำร้ายให้เจ็บตัวเพียงเพื่อสั่งสอนเท่านั้นหาได้มีเจตนามุ่งหมายถึงกับจะฆ่าให้ตายไม่ ทั้งนี้โดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 ก็ร่วมไปยังที่เกิดเหตุกับจำเลยที่ 3 กับพวกด้วย เพื่อชี้ตัวให้ดูว่าใครคือ ว. และ บ. การที่จำเลยที่ 3 กระทำรุนแรง ถึงขั้นเจตนาฆ่าโดยใช้มีดแทง บ. ผู้ตายถึงแก่ความตาย ย่อมเป็นการเกินเลยไปจากขอบเขตที่ใช้ของจำเลยที่ 1 ที่ 2 จำเลยที่ 1 ที่ 2 ต้องรับผิดทางอาญาเพียงสำหรับความผิดเท่าที่อยู่ในขอบเขตที่ใช้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 87 แต่เมื่อการทำร้าย บ. ผู้ตาย เกิดผลรุนแรงถึงตายดังกล่าวจำเลยที่ 1 ที่ 2 ย่อมต้องรับผิดฐาน ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้คนตายตาม มาตรา 290 เพราะการตาย เป็นผลธรรมดาอันย่อมเกิดขึ้นได้จากการทำร้ายตามที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ใช้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงมีความผิดตามมาตรา 290, 84 ประกอบด้วย มาตรา 87 วรรคสอง
หมายเหตุ ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2528
หมายเหตุ ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2528