คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 295

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 581 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าต้องประจักษ์ การฟันเพียงครั้งเดียวไม่ถือเป็นเจตนาฆ่า ศาลลงโทษฐานพยายามทำร้ายได้
จำเลยใช้ขวานฟันศีรษะผู้เสียหายเพียงครั้งเดียวผู้เสียหายหลบทันจำเลยจึงฟันไม่ถูก จำเลยไม่ได้ฟันผู้เสียหายอีกทั้งๆที่มีโอกาสติดตามฟันซ้ำได้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดเพียงฐานพยายามทำร้าย ศาลลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าต้องดูจากการกระทำต่อเนื่อง การฟันครั้งเดียวไม่ถือเป็นเจตนาฆ่า ศาลลงโทษฐานพยายามทำร้ายได้
จำเลยใช้ขวานฟันศีรษะผู้เสียหายเพียงครั้งเดียว ผู้เสียหายหลบทันจำเลยจึงฟันไม่ถูก จำเลยไม่ได้ฟันผู้เสียหายอีกทั้ง ๆ ที่มีโอกาสติดตามฟันซ้ำได้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดเพียงฐานพยายามทำร้าย ศาลลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3874/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: แก้ไขคำพิพากษาเล็กน้อย ไม่รับฎีกาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 กระทงหนึ่ง และมีความผิดตาม มาตรา 295 อีก 2 กระทง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 290, 295 การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามมาตรา 290 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่เพียงว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท อันเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3874/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: แก้ไขคำพิพากษาโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 กระทงหนึ่ง และมีความผิดตาม มาตรา 295 อีก2 กระทง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 290, 295 การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามมาตรา 290 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่เพียงว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท อันเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3786/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำความผิดทางอาญา: ความรับผิดของผู้ยุยงส่งเสริม
จำเลยทั้งสองและผู้เสียหายมีบ้านอยู่ใกล้กัน ที่จำเลยที่ 1 เข้าไปฟันผู้เสียหายจำเลยที่ 2 ก็มิได้มีส่วนร่วมทำร้ายผู้เสียหายด้วย การที่จำเลยที่ 2 พูดยุยงส่งเสริมจำเลยที่ 1 ว่า เอาไอ้น้อย เอาให้ตาย โดยไม่ได้ช่วยทำอะไร การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3786/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการทำร้ายร่างกาย: ความผิดของผู้ยุยงส่งเสริมและผู้ลงมือ
จำเลยทั้งสองและผู้เสียหายมีบ้านอยู่ใกล้กัน ที่จำเลยที่ 1 เข้าไปฟันผู้เสียหายจำเลยที่ 2 ก็มิได้มีส่วนร่วมทำร้ายผู้เสียหายด้วย การที่จำเลยที่ 2 พูดยุยงส่งเสริมจำเลยที่ 1 ว่า เอาไอ้น้อย เอาให้ตาย โดยไม่ได้ช่วยทำอะไร การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3442/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายทำให้เกิดบาดแผลช้ำบวม ถือเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391
จำเลยเพียงแต่ใช้มือทำร้ายผู้เสียหาย ผู้เสียหายมีบาดแผลช้ำบวม 2 แห่ง ไม่มีโลหิตออก แม้แพทย์ลงความเห็นว่าจะหายเป็นปกติภายใน 10 วัน ก็เป็นเพียงการคาดคะเน เพราะอาจจะหายก่อน 10 วันก็ได้ จำเลยจึงคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2545/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธมีดอันตราย การพยายามฆ่าผู้อื่น แม้ไม่สำเร็จ
แม้จำเลยจะแทงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเพียง 1 ครั้ง แต่อาวุธที่ใช้ทำร้ายเป็นมีดปลายแหลมซึ่งมีความยาวมาก เฉพาะตัวมีดยาว 1 คืบเศษ ด้ามมีดยาวประมาณ 1 คืบ แทงผู้เสียหายถูกที่บ่าด้านหลังข้างซ้ายลึกประมาณ 1 คืบถึงกระดูกสะบัก บาดแผลยาวประมาณ 4 นิ้ว แสดงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายอย่างแรงจนตัวมีดเกือบมิดถึงด้ามมีด ถูกที่สำคัญซึ่งเป็นบริเวณใกล้หัวใจ เมื่อแทงแล้วจำเลยก็ยังไม่ยอมปล่อยมีดที่ปักคาอยู่ ธ. กับ บ. ต้องเข้ามาช่วยดึงมือจำเลยมีดที่ปักอยู่จึงหลุดตามมือ ของจำเลยออกมา ผู้เสียหายเสียเลือดมาก หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีอาจถึงแก่ความตายได้ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยย่อมมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2545/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยมีดอันตรายถึงชีวิต แม้ไม่สำเร็จผล
แม้จำเลยจะแทงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเพียง 1 ครั้งแต่อาวุธที่ใช้ทำร้ายเป็นมีดปลายแหลมซึ่งมีความยาวมากเฉพาะตัวมีดยาว 1 คืบเศษ ด้ามมีดยาวประมาณ 1 คืบแทงผู้เสียหายถูกที่บ่าด้านหลังข้างซ้ายลึกประมาณ 1คืบถึงกระดูกสะบัก บาดแผลยาวประมาณ 4 นิ้วแสดงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายอย่างแรงจนตัวมีดเกือบมิดถึงด้ามมีดถูกที่สำคัญซึ่งเป็นบริเวณใกล้หัวใจ เมื่อแทงแล้วจำเลยก็ยังไม่ยอมปล่อยมีดที่ปักคา อยู่ ธ. กับ บ. ต้องเข้ามาช่วยดึงมือจำเลยมีดที่ปักอยู่จึงหลุดตามมือ ของจำเลยออกมา ผู้เสียหายเสียเลือดมาก หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีอาจถึงแก่ความตายได้ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยย่อมมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2531/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุกรุกเคหสถาน-พยายามทำร้ายร่างกาย: การกระทำต่อเนื่องเป็นกรรมเดียว
จำเลยทั้งสองกับพวกมาที่บ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 1ถือปืนสั้นขึ้นไปบนชานบ้านจำเลยที่ 2 กับพวกอีก 3 คน ถือมีดสั้นคนละเล่มยืนอยู่ที่เชิงบันไดบ้านจำเลยที่ 1 ร้องเรียกชื่อผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่ขานรับเพราะกลัว แล้วผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนี จำเลยทั้งสองกับพวกวิ่งไล่ติดตามไปในระยะห่างประมาณวาเศษ ผู้เสียหายวิ่งหนีขึ้นไปบนบ้านของ ส. ซึ่งอยู่ห่างบ้านผู้เสียหาย ประมาณ 30 วา จำเลยกับพวกจึงหยุดและพากันกลับไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานบุกรุกและพยายาม ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายแล้ว
การที่จำเลยทั้งสองบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย ด้วยเจตนาที่จะทำร้ายผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนี จำเลยทั้งสองกับพวกก็วิ่งตามไปในบันทึกทันใดเพื่อที่จะทำร้ายให้ได้ เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องจากเจตนาเดิมยังมิได้ขาดตอนการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
of 59