พบผลลัพธ์ทั้งหมด 581 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2531/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บุกรุกเคหสถาน-พยายามทำร้ายร่างกาย: การกระทำต่อเนื่องเป็นกรรมเดียว
จำเลยทั้งสองกับพวกมาที่บ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 1ถือปืนสั้นขึ้นไปบนชานบ้านจำเลยที่ 2 กับพวกอีก 3 คนถือมีดสั้นคนละเล่มยืนอยู่ที่เชิงบันไดบ้านจำเลยที่ 1 ร้องเรียกชื่อผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่ขานรับเพราะกลัว แล้วผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนี จำเลยทั้งสองกับพวกวิ่งไล่ติดตามไปในระยะห่างประมาณวาเศษ ผู้เสียหายวิ่งหนีขึ้นไปบนบ้านของ ส. ซึ่งอยู่ห่างบ้านผู้เสียหาย ประมาณ 30 วาจำเลยกับพวกจึงหยุดและพากันกลับไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานบุกรุกและพยายาม ทำร้าย ร่างกายผู้เสียหายแล้ว การที่จำเลยทั้งสองบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย ด้วยเจตนาที่จะทำร้ายผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนี จำเลยทั้งสองกับพวกก็วิ่งตามไปในบันทึกทันใดเพื่อที่จะทำร้ายให้ได้เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องจากเจตนาเดิมยังมิได้ขาดตอนการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2075/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เกิดบาดแผลทางกาย ถือเป็นอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295
จำเลยทำร้ายผู้เสียหาย ปรากฏบาดแผลตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลคือ ริมฝีปากบนช้ำบวมแก้มข้างซ้ายบวมปวด ข้อเท้าซ้ายเคล็ดปวดคอด้านหลังปวดเวลาก้มเงยและปวดกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก รักษาประมาณ 5 วัน นับได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2075/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295
จำเลยทำร้ายผู้เสียหาย ปรากฏบาดแผลตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลคือ ริมฝีปากบนช้ำบวม แก้มข้างซ้ายบวมปวด ข้อเท้าซ้ายเคล็ดปวด คอด้านหลังปวดเวลาก้มเงย และปวดกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก รักษาประมาณ 5 วัน นับได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1867/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อันตรายแก่กายจากการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาความรุนแรงของการกระทำและบาดแผล
การทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายนั้น จะต้องพิจารณาถึงพฤติการณ์ความรุนแรงแห่งการกระทำของจำเลยประกอบกับบาดแผลที่ผู้ถูกทำร้ายได้รับ จำเลยซึ่งเป็นหญิงใช้เล็บข่วนดั้งจมูกผู้เสียหายเป็นรอยเล็บข่วนยาวประมาณ 1 เซนติเมตร มีโลหิตไหล ยังถือไม่ได้ว่าเป็นอันตรายแก่กาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1527/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยหลายกรรมจากการทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่า ศาลฎีกาอนุญาตให้เรียงกระทงได้หากโจทก์ประสงค์
ฟ้องว่าจำเลยใช้เหล็กแหลมเป็นอาวุธแทงทำร้ายร่างกาย ห.ถูกที่บริเวณอก และแทง ย. ถูกที่บริเวณท้อง จนลำไส้ทะลุโดยเจตนาฆ่าแต่ ห. และ ย. ไม่ถึงแก่ความตาย แต่เป็นเหตุให้ ห. และ ย. ได้รับอันตรายแก่กายขอให้ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 เห็นได้ว่า โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยเป็นสองกรรม ศาลฎีกาเรียงกระทงลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1527/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยหลายกรรมต่างกัน - โจทก์ประสงค์ลงโทษสองกรรม ศาลฎีกาเรียงกระทงได้
ฟ้องว่าจำเลยใช้เหล็กแหลมเป็นอาวุธแทงทำร้ายร่างกาย ห.ถูกที่บริเวณอก และแทง ย. ถูกที่บริเวณท้อง จนลำไส้ ทะลุโดยเจตนาฆ่าแต่ ห. และ ย. ไม่ถึงแก่ความตาย แต่ เป็นเหตุให้ ห. และ ย. ได้รับอันตรายแก่กายขอให้ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 เห็นได้ว่าโจทก์ ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยเป็นสองกรรมศาลฎีกาเรียงกระทงลงโทษ จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1478/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยุติการร่วมกระทำผิดในคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย เมื่อผู้กระทำเข้าห้ามปราม
จำเลยมีเรื่องทะเลาะวิวาทและชกต่อยกับผู้ตาย จำเลยสู้ไม่ได้จึงไปเรียกส. และ ข. พวกของจำเลยมาช่วยส. กับ ข. มารุมชกต่อยจนผู้ตายสู้ไม่ได้และร้องว่ายอมแพ้ แต่ ส.กับ ข. ได้ใช้ไม้ตีผู้ตายอีกจำเลยเห็นว่าทำรุนแรง เกินไปจึงเข้าห้ามปราม ส. กับ ข. ไม่ยอมหยุดบอกว่าจะ เอาให้ตาย ผู้ตายวิ่งหนี ส. กับ ข. วิ่งไล่ตามไปและใช้ไม้ตีผู้ตายจนถึงแก่ความตาย ดังนี้ การร่วมกระทำผิดของ จำเลยย่อมยุติลง เมื่อจำเลยเข้าห้ามปราม การทำร้ายจน เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงมิใช่เป็นการกระทำของ จำเลย การที่จำเลยพาพวกมาทำร้ายผู้ตาย หาเป็นผลให้ถือว่าการทำร้ายของพวกจำเลยเป็นการทำร้ายของจำเลยด้วยตลอดไป ไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1478/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยุติการร่วมกระทำผิด: จำเลยเข้าห้ามปรามก่อนการกระทำรุนแรงเพิ่มเติม จึงไม่มีความผิดฐานฆ่าคนตาย
จำเลยมีเรื่องทะเลาะวิวาทและชกต่อยกับผู้ตาย จำเลยสู้ไม่ได้จึงไปเรียกส. และ ข. พวกของจำเลยมาช่วย ส. กับ ข. มารุมชกต่อยจนผู้ตายสู้ไม่ได้และร้องว่ายอมแพ้ แต่ ส.กับ ข. ได้ใช้ไม้ตีผู้ตายอีก จำเลยเห็นว่าทำรุนแรงเกินไปจึงเข้าห้ามปราม ส. กับ ข. ไม่ยอมหยุด บอกว่าจะเอาให้ตาย ผู้ตายวิ่งหนี ส. กับ ข. วิ่งไล่ตามไปและใช้ไม้ตีผู้ตายจนถึงแก่ความตาย ดังนี้ การร่วมกระทำผิดของจำเลยย่อมยุติลง เมื่อจำเลยเข้าห้ามปราม การทำร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายจึงมิใช่เป็นการกระทำของจำเลย การที่จำเลยพาพวกมาทำร้ายผู้ตาย หาเป็นผลให้ถือว่าการทำร้ายของพวกจำเลยเป็นการทำร้ายของจำเลยด้วยตลอดไปไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1179/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดหลายกรรม: พยายามทำร้ายร่างกาย และทำร้ายร่างกาย
จำเลยใช้มีดเหน็บวิ่งไล่ฟัน พ. แต่ พ. วิ่งหนีทัน เมื่อ ด. เข้าขวางจำเลยฟัน ด. ดังนี้ การกระทำของจำเลยแยกได้เป็นสองกรรม คือพยายามทำร้ายร่างกาย พ. กรรมหนึ่งและทำร้าย ด. อีกกรรมหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยบันดาลโทสะและการทำร้ายร่างกาย: ศาลฎีกาพิพากษาแก้โทษจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าโดยบันดาลโทสะ และยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นสำหรับจำเลยที่ 2
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันฆ่าผู้ตาย ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 ใช้ไม้ตีผู้ตายได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตาย พิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295ดังนี้ เป็นเรื่องเฉพาะตัวจำเลยที่ 2 หาใช่เหตุลักษณะคดีไม่ เมื่อโจทก์และจำเลยที่ 2 ไม่อุทธรณ์ คดีเฉพาะจำเลยที่ 2 จึงต้องบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ผู้ตายทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภรรยามิได้จดทะเบียนสมรสของจำเลยที่ 1 แล้วใช้ขวานฟันจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 แย่งขวานได้ก็เหวี่ยงทิ้ง ผู้ตายยังติดตามจะทำร้ายจำเลยทั้งสองซ้ำอีก ดังนี้ การกระทำของผู้ตายจึงเป็นการข่มเหงจำเลยทั้งสองอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม จำเลยที่ 1 ยิงและตีผู้ตายผู้ข่มเหงในขณะนั้น เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ หาใช่เพื่อป้องกันไม่ศาลฎีการับฟังลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าผู้ตายโดยบันดาลโทสะตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192