พบผลลัพธ์ทั้งหมด 581 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2802/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธอันตราย ศาลยืนตามข้อวินิจฉัยศาลอุทธรณ์เรื่องบาดแผลสาหัสและเหตุบันดาลโทสะ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย และในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222
เหตุเกิดขึ้นเพราะฝ่ายโจทก์ร่วมกับจำเลยทะเลาะวิวาทด่าว่าแล้วท้าทายกัน กรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมการที่จำเลยทำร้ายโจทก์ร่วมจึงไม่ใช่ลักษณะที่ทำไปเพราะบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
โจทก์ร่วมถูกฟันด้วยมีด มีบาดแผลฉีกขาด ขอบเรียบที่ต้นแขน ปลายแขน ส่วนบนและบริเวณข้อมือขวารวม 3 แห่งขนาดบาดแผลยาว 5 เซนติเมตร กว้าง 1 เซนติเมตร ลึกผ่านชั้นกล้ามเนื้อแขนและตัดผ่านประสาทที่ไปเลี้ยงแขนต้องรักษาตัว 2 เดือนเศษ จึงหายเป็นปกติแต่ทำงานหนักไม่ได้ ลักษณะบาดเจ็บของโจทก์ร่วมดังกล่าวถึงอันตรายสาหัสต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8) แล้ว
โจทก์ร่วมวิ่งตามนาง พ.ไปเห็นจำเลยตบหน้านางพ. แล้วเงื้อมีดดาบจะฟัน โจทก์ร่วมจึงผลักนาง พ. ให้พ้นทางไป ขณะนั้นเองจำเลยก็ฟันถูกโจทก์ร่วมถึง 3 ครั้งลักษณะการทำร้ายของจำเลยดังกล่าวมิใช่เนื่องในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 299
เหตุเกิดขึ้นเพราะฝ่ายโจทก์ร่วมกับจำเลยทะเลาะวิวาทด่าว่าแล้วท้าทายกัน กรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมการที่จำเลยทำร้ายโจทก์ร่วมจึงไม่ใช่ลักษณะที่ทำไปเพราะบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
โจทก์ร่วมถูกฟันด้วยมีด มีบาดแผลฉีกขาด ขอบเรียบที่ต้นแขน ปลายแขน ส่วนบนและบริเวณข้อมือขวารวม 3 แห่งขนาดบาดแผลยาว 5 เซนติเมตร กว้าง 1 เซนติเมตร ลึกผ่านชั้นกล้ามเนื้อแขนและตัดผ่านประสาทที่ไปเลี้ยงแขนต้องรักษาตัว 2 เดือนเศษ จึงหายเป็นปกติแต่ทำงานหนักไม่ได้ ลักษณะบาดเจ็บของโจทก์ร่วมดังกล่าวถึงอันตรายสาหัสต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8) แล้ว
โจทก์ร่วมวิ่งตามนาง พ.ไปเห็นจำเลยตบหน้านางพ. แล้วเงื้อมีดดาบจะฟัน โจทก์ร่วมจึงผลักนาง พ. ให้พ้นทางไป ขณะนั้นเองจำเลยก็ฟันถูกโจทก์ร่วมถึง 3 ครั้งลักษณะการทำร้ายของจำเลยดังกล่าวมิใช่เนื่องในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 299
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2184/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าหรือไม่: ทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีด ความรุนแรงของบาดแผลและพฤติการณ์เป็นปัจจัยสำคัญ
ผู้เสียหายกับจำเลยเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกัน สาเหตุเกิดเพราะผู้เสียหายห้ามไม่ให้จำเลยยุ่งเกี่ยวกับหลานสาวที่ริมคลอง เมื่อเดินกลับมาบ้าน จำเลยเข้ารัดคอผู้เสียหายและใช้เหล็กขูดชาฟท์เฉพาะตัวเหล็กยาว 3 นิ้วเศษแทงที่ช่องกระดูกหน้าอกและช่องซี่โครงบาดแผลยาวแห่งละ 0.5 เซนติเมตร ลึกครึ่งเซนติเมตร ไม่มีเลือดหรือลมในช่องปอดรักษาที่ โรงพยาบาล 2 วันก็กลับบ้านไปโรงเรียนได้ตามปกติ และรวมเวลารักษาตัวเพียง 7 วัน ดังนี้ ตามพฤติการณ์และบาดแผลยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า คงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 220 และการพิจารณาความหนักของข้อหาในคดีอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,288 ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า พิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายถึงสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่า ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าเช่นกัน และบาดแผลไม่ถึงสาหัส พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำเลย ฐานทำร้ายร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ดังนี้ ข้อหาฐานพยายามฆ่าต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220การที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,288 จึงต้องห้ามคดีของโจทก์จึงไม่อาจขึ้นมาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาและถือไม่ได้ว่าโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นในข้อหาฐานทำร้ายร่างกายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297ด้วย ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2526)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริง และการพิจารณาความประสงค์ของผู้ฎีกาในข้อหาอื่น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288 ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า พิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายถึงสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่า ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าเช่นกันและบาดแผลไม่ถึงสาหัส พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำเลย ฐานทำร้ายร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ดังนี้ ข้อหาฐานพยายามฆ่าต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 การที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288 จึงต้องห้าม คดีของโจทก์จึงไม่อาจขึ้นมาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกา และถือไม่ได้ว่าโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นในข้อหาฐานทำร้ายร่างกายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ด้วย ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2526)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3833/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการแก้ฟ้องของโจทก์ร่วมที่ดำเนินคดีโดยอาศัยฟ้องของพนักงานอัยการ และขอบเขตการลงโทษ
โจทก์ร่วมเข้ามาดำเนินคดีแก่จำเลยโดยอาศัยสิทธิตามฟ้องของพนักงานอัยการ จึงไม่มีอำนาจขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องให้นอกเหนือไปจากฟ้องของพนักงานอัยการ หากศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้องส่วนที่โจทก์ร่วมขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องไว้ก็มีอำนาจสั่งงดเสียได้
เมื่อศาลมิได้อนุญาตให้แก้และเพิ่มเติมฟ้องตามคำร้องของโจทก์ร่วม จึงลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องนั้นไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 1 เดือนปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
เมื่อศาลมิได้อนุญาตให้แก้และเพิ่มเติมฟ้องตามคำร้องของโจทก์ร่วม จึงลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องนั้นไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 1 เดือนปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3833/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการแก้ฟ้องของโจทก์ร่วมที่ดำเนินคดีโดยอาศัยฟ้องของอัยการ และผลต่อการพิจารณาคดี
โจทก์ร่วมเข้ามาดำเนินคดีแก่จำเลยโดยอาศัยสิทธิตามฟ้องของพนักงานอัยการ จึงไม่มีอำนาจขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องให้นอกเหนือไปจากฟ้องของพนักงานอัยการ หากศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้องส่วนที่โจทก์ร่วมขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องไว้ก็มีอำนาจสั่งงดเสียได้
เมื่อศาลมิได้อนุญาตให้แก้และเพิ่มเติมฟ้องตามคำร้องของโจทก์ร่วม จึงลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องนั้นไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 1 เดือนปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218
เมื่อศาลมิได้อนุญาตให้แก้และเพิ่มเติมฟ้องตามคำร้องของโจทก์ร่วม จึงลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องนั้นไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 1 เดือนปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3562/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามฆ่า บุกรุก และทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาความผิดฐานบุกรุกเพียงครั้งเดียว
จำเลยกับพวกเข้าไปในบ้านของ ย. แล้วร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงพยายามฆ่า ย. แต่กระสุนปืนไม่ลั่น จำเลยกับพวกจึงร่วมกันทำร้าย ย. และ ล. บุตรสาวของ ย. ได้รับอันตรายแก่กาย ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันบุกรุกและพยายามฆ่า ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365, 288, 80, 83 กระทงหนึ่ง และมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 83 อีกกระทงหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3562/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามฆ่า ทำร้ายร่างกาย และบุกรุก: การพิจารณาความผิดกรรมเดียว
จำเลยกับพวกเข้าไปในบ้านของ ย. แล้วร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงพยายามฆ่า ย. แต่กระสุนปืนไม่ลั่น จำเลยกับพวกจึงร่วมกันทำร้าย ย.และ ล.บุตรสาวของ ย. ได้รับอันตรายแก่กาย ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันบุกรุกและพยายามฆ่า ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365, 288, 80, 83 กระทงหนึ่ง และมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 83 อีกกระทงหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกายเพื่อระงับเหตุชุลมุนวิวาท ไม่ถึงเจตนาฆ่า
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายมาก่อน แต่โดยที่ผู้เสียหายเกิดเรื่องชกต่อยกับวัยรุ่นด้วยกันในร้านที่จำเลยทำงานอยู่ จำเลยจึงทำไปโดยเจตนาจะระงับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในร้าน ทั้งขณะนั้นก็เป็นเวลาที่คู่วิวาททั้งหลายกำลังชุลมุนชกต่อยกันอยู่ พัลวัน มีการตีกันถึงศีรษะแตก จำเลยแทงไป 1 ทีในขณะฉุกละหุกโดยไม่ได้แทงซ้ำอีก บาดแผลของผู้เสียหายสามารถรักษาหายได้ใน 10 วัน ทั้งจำเลยยังได้พาผู้ถูกทำร้ายบาดเจ็บคนหนึ่งไปโรงพยาบาล แสดงว่าจำเลยไม่ได้มีความรู้สึกว่าตนได้กระทำความผิดรุนแรงถึงกับฆ่าใคร ลักษณะและพฤติการณ์ที่จำเลยกระทำไปดังกล่าวไม่ถึงกับมีเจตนาฆ่า เป็นเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายคู่วิวาทคนใดคนหนึ่งเพื่อระงับเหตุชุลมุนวิวาทกันในร้าน จำเลยจึงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกายเพื่อระงับเหตุชุลมุนวิวาท ไม่ถึงเจตนาฆ่า
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายมาก่อน แต่โดยที่ผู้เสียหายเกิดเรื่องชกต่อยกับวัยรุ่นด้วยกันในร้านที่จำเลยทำงานอยู่ จำเลยจึงทำไปโดยเจตนาจะระงับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในร้าน ทั้งขณะนั้นก็เป็นเวลาที่คู่วิวาททั้งหลายกำลังชุลมุนชกต่อยกันอยู่พัลวัน มีการตีกันถึงศีรษะแตก จำเลยแทงไป 1 ทีในขณะฉุกละหุกโดยไม่ได้แทงซ้ำอีก บาดแผลของผู้เสียหายสามารถรักษาหายได้ใน 10 วัน ทั้งจำเลยยังได้พาผู้ถูกทำร้ายบาดเจ็บคนหนึ่งไปโรงพยาบาล แสดงว่าจำเลยไม่ได้มีความรู้สึกว่าตนได้กระทำความผิดรุนแรงถึงกับฆ่าใคร ลักษณะและพฤติการณ์ที่จำเลยกระทำไปดังกล่าวไม่ถึงกับมีเจตนาฆ่า เป็นเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายคู่วิวาทคนใดคนหนึ่งเพื่อระงับเหตุชุลมุนวิวาทกันในร้าน จำเลยจึงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เท่านั้น