คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 295

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 581 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญาคดีทำร้ายร่างกาย: การกระทำโดยเจตนาที่สันนิษฐานได้จากพฤติการณ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ร่วมกันใช้ขวานเป็นอาวุธ ฟันทำร้าย อ. ถูกตามบริเวณร่างกายหลายที จนเป็นเหตุให้ อ.ได้รับอันตรายแก่กาย ดังนี้ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ดีแล้วว่าจำเลยทำร้ายผู้อื่น เป็นการกระทำโดยเจตนา ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1224/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าหรือไม่: การพิจารณาจากพฤติการณ์, อาวุธ, และบาดแผล
ผู้เสียหายขี่รถจักรยานสามล้อผ่านหน้าบ้านจำเลย จำเลยซึ่งกำลังถือมีดเหน็บเตรียมจะผ่ามะพร้าวอยู่ที่ชานบ้าน ได้กระโดดเข้าแทงผู้เสียหายถูกที่สีข้างด้านซ้าย ลึกประมาณครึ่งเซนติเมตร ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร ผู้เสียหายกับจำเลยไม่เคยโกรธเคืองกันมาก่อน เพียงแต่น้องของผู้เสียหายเคยทะเลาะกับบุตรของจำเลย เป็นเหตุให้ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายเฉยเมยต่อกันเท่านั้น และเป็นเรื่องตั้งแต่ก่อนที่ผู้เสียหายจะมาอยู่ มีดที่จำเลยใช้ทำร้ายก็เป็นมีดที่จำเลยจะใช้ผ่ามะพร้าว และบาดแผลของผู้เสียหายไม่ฉกรรจ์ แม้ว่าจำเลยจะฟันผู้เสียหายซ้ำอีก แต่ผู้เสียหายหลบทัน และวิ่งไล่ตามเมื่อผู้เสียหายวิ่งหนี ก็เป็นเหตุเกิดโดยกะทันหัน ไม่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1064/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายในเหตุชุลมุน ศาลพิจารณาเจตนาและแก้ไขบทลงโทษ
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ฝ่ายหนึ่ง กับจำเลยที่ 2 และผู้ตายอีกฝ่ายหนึ่งชุลมุนต่อสู้กัน จำเลยที่ 2 กับผู้ตายชกจำเลยที่ 1 ก่อน แล้วจำเลยที่ 2 ใช้เหล็กขูดชารฟท์ไล่แทงจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 ใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายถูกที่ฝ่ามือ จำเลยที่ 1 จึงคว้าไม้เหลี่ยมกว้าง 3 นิ้วฟุต ยาวประมาณ 1 แขนตีผู้ตาย ดังนี้ เห็นว่าการที่จำเลยที่ 1 ให้ไม้ตีผู้ตายไปในขณะที่ชุลมุนต่อสู้กัน โดยคว้าไม้ซึ่งวางอยู่ตรงนั้นเองตีผู้ตายไปโดยไม่ได้เลือกตี และตีเพียงทีเดียว พฤติการณ์แห่งคดีฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 กระทำไปโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย การกระทำของจำเลยที่ 1 คงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294,295 โทษเท่ากัน ให้ลงโทษจำเลยเพียงบทเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 มิได้ระบุให้ชัดลงไปว่าให้ลงโทษตามบทมาตราใด และที่พิพากษาเพิ่มโทษจำเลยที่ 2 หนึ่งในสามของ 6 เดือน เป็น 9 เดือน เป็นการผิดพลาด เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาพิพากษาแก้ (แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกา)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1064/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาพิจารณาเจตนาและแก้ไขโทษจำเลย
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ฝ่ายหนึ่ง กับจำเลยที่ 2 และผู้ตายอีกฝ่ายหนึ่งชุลมุนต่อสู้กัน จำเลยที่ 2 กับผู้ตายชกจำเลยที่ 1 ก่อน แล้วจำเลยที่ 2 ใช้เหล็กขูดชาฟท์ไล่แทงจำเลยที่ 1จำเลยที่ 3 ใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายถูกที่ฝ่ามือ จำเลยที่ 1จึงคว้าไม้เหลี่ยมกว้าง 3 นิ้วฟุต ยาวประมาณ 1 แขนตีผู้ตาย ดังนี้ เห็นว่าการที่จำเลยที่ 1 ใช้ไม้ตีผู้ตายไปในขณะที่ชุลมุนต่อสู้กัน โดยคว้าไม้ซึ่งวางอยู่ตรงนั้นเองตีผู้ตายไปโดยไม่ได้ใช้ไม้ตีผู้ตายไปในขณะที่ชุลมุนต่อสู้กัน โดยคว้าไม้ซึ่งวางอยู่ตรงนั้นเองตีผู้ตายไปโดยไม่ได้เลือกตี และตีเพียงทีเดียว พฤติการณ์แห่งคดีฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 กระทำไปโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย การกระทำของจำเลยที่ 1คงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 294,295 โทษเท่ากัน ให้ลงโทษจำเลยเพียงบทเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 มิได้ระบุให้ชัดลงไปว่าให้ลงโทษตามบทมาตราใด และที่พิพากษาเพิ่มโทษจำเลยที่ 2 หนึ่งในสามของ 6 เดือน เป็น 9 เดือน เป็นการผิดพลาด เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาพิพากษาแก้(แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกา)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1024/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. พยายามฆ่า: การพิจารณาจากบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยใช้เหล็กขูดชาร์ฟแทงทำร้ายผู้เสียหาย มีบาดแผลที่เหนือสะดือและเหนือราวนมขวาไม่ปรากฏว่ามีส่วนลึกเข้าภายใน และขนาดบาดแผลยาวเพียง 0.7 เซนติเมตรเท่านั้นอาจเป็นได้ที่จำเลยแทงปัดป่ายไปมาในระยะห่างปลายเหล็กขูดชาร์ฟเฉี่ยวถูกผู้เสียหาย ผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 8 วัน กลับไปรักษาต่อที่บ้านอีก 20 วัน ระหว่างรักษาตัวที่บ้าน ผู้เสียหายสามารถไปโรงเรียนได้โดยการโดยสารรถเมล์ประจำทาง คำเบิกความของแพทย์ผู้ชันสูตรว่า บาดแผลอาจจะหายก่อน 20 วันได้ ดังนี้คดีไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยคงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา295

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1024/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. เจตนาฆ่า: การพิจารณาจากบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยใช้เหล็กขุดชาร์ฟแทงทำร้ายผู้เสียหาย มีบาดแผลที่เหนือสะดือและเหนือราวนมขวา ไม่ปรากฏว่ามีส่วนลึกเข้าภายใน และขนาดบาดแผลยาวเพียง 0.7 เซนติเมตรเท่านั้น อาจเป็นได้ที่จำเลยแทงปัดป่ายไปมาในระยะห่างปลายเหล็กขูดชาร์ฟเฉี่ยวถูกผู้เสียหาย ผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 8 วัน กลับไปรักษาต่อที่บ้านอีก 20 วัน ระหว่างรักษาตัวที่บ้าน ผู้เสียหายสามารถไปโรงเรียนได้โดยการโดยสารรถเมล์ประจำทาง คำเบิกความของแพทย์ผู้ชันสูตรว่า บาดแผลอาจจะหายก่อน 20 วันได้ ดังนี้คดีพอฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยคงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายหลังข่มขืน: ศาลฎีกายืนโทษจำเลย
จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอายุ 9 ปี แล้วจึงทำร้ายเพื่อปกปิดความผิดของตน โดยใช้ไม้ไผ่ที่ปลายมีตาแหลมคมขนาดกลมโตวัดโดยรอบที่โคนไม้ 6 เซนติเมตรครึ่ง ที่ปลายไม้ 5 เซนติเมตร ยาว 1 เมตร และอีกอันหนึ่งที่โคนไม้ 4 เซนติเมตรครึ่ง ที่ปลายไม้ 4 เซนติเมตร แทงที่คอมีโลหิตไหล กระทืบที่หน้าและท้องจนสลบ ปรากฏบาดแผลรวม 10 แห่ง คือ แก้มซ้าย หางตาซ้าย ในปาก ริมฝีปาก คอ ไหปลาร้า โดยเฉพาะที่ไหปลาร้าซ้ายฉีดขาดกว้าง 0.2 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร คอด้านซ้ายฉีดขาดกว้าง 0.5 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร คอด้านขวาแผลที่ 1 ฉีกขาดกว้าง 0.2 เซนติเมตร ยาว 1 เซนติเมตร แผลที่ 2 กว้าง 0.2 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร จำเลยเชื่อว่าผู้เสียหายตายจึงหลบหนีไป ดังนี้ ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า หาใช่เป็นเพียงเจตนาทำร้ายไม่
ในกระทงความผิดข้อหาข่มขืนกระทำชำเรานั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทำร้ายร่างกายเด็ก: บาดเจ็บ ฟันหัก เข้าข่ายอันตรายแก่กาย
ชกต่อยเตะเด็กมีบาดแผลบวม ฟันหัก 1 ซี่ ฟันโยก 3 ซี่รักษา ไม่เกิน 20 วัน เป็นอันตรายแก่กายตาม มาตรา 295

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 92/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. พยายามฆ่า และการร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น
จำเลยจับมือ ณ. ผู้เสียหายปิดไว้ ทำให้พวกของจำเลยมีโอกาสเลือกแทงได้แต่พวกของจำเลยกลับใช้มีดพกปลายแหลมยาวเกือบ 1 คืบ แทง ณ บริเวณด้านหลังมีบาดแผล 2 แห่ง ยาวแผลละ 2 เซนติเมตร แผลที่หนึ่งลึกเพียง 1 เซนติเมตรแสดงว่าไม่ได้ตั้งใจแทงโดยแรง แผลที่สองเยื้องไปทางขวาบังเอิญมีดทะลุไปถูกไตต้องตัดไตข้างขวาออก และรักษาตัวราว 27 วันก็ออกจากโรงพยาบาลไป ยังไม่พอที่จะแสดงให้เห็นเจตนาว่าจะฆ่า จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส
เมื่อพวกของจำเลยแทงย. ผู้เสียหายแล้ว ย. วิ่งหนีจำเลยกับพวกวิ่งไล่ตามไปแสดงว่าร่วมกันจะทำร้ายย.อีก ครั้นตามไปทันพวกของจำเลยใช้มีดแทง ย. จำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการทำร้าย ย. ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 92/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสและการร่วมกันทำร้ายผู้อื่น ศาลพิจารณาเจตนาและพฤติการณ์
จำเลยจับมือ ณ. ผู้เสียหายบิดไว้ ทำให้พวกของจำเลยมีโอกาสเลือกแทงได้ แต่พวกของจำเลยกลับใช้มีดพกปลายแหลมยาวเกือบ 1 คืบ แทง ณ. บริเวณด้านหลังมีบาดแผล 2 แห่ง ยาวแผลละ 2 เซนติเมตร แผลที่หนึ่งลึกเพียง 1 เซนติเมตร แสดงว่าไม่ได้ตั้งใจแทงโดยแรง แผลที่สองเยื้องไปทางขวาบังเอิญมีดทะลุไปถูกไตต้องตัดไตข้างขวาออก และรักษาตัวราว 27 วัน ออกจากโรงพยาบาลไป ยังไม่พอที่จะแสดงให้เห็นเจตนาว่าจะฆ่า จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส
เมื่อพวกของจำเลยแทง ย. ผู้เสียหายแล้ว ย. วิ่งหนี จำเลยกับพวกวิ่งไล่ตามไป แสดงว่าร่วมกันจะทำร้าย ย. อีก ครั้นตามไปทัน พวกของจำเลยใช้มีดแทง ย. จำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการทำร้าย ย. ด้วย
of 59