พบผลลัพธ์ทั้งหมด 581 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายและการทำร้ายร่างกายโดยบันดาลโทสะ กรณีขวดแตกบาดเจ็บและเสียชีวิต
เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยเพียงยกขวดแตกขึ้นรับเมื่อผู้ตายโถมเข้าแทงจำเลยทำให้พับแขนของผู้ตายถูกขวดเข้าเองเป็นบาดแผล และผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ฉะนั้นเมื่อจำเลยมิได้ทำร้ายผู้ตาย จำเลยจึงไม่มีความผิด
แต่สำหรับเหตุการณ์ตอนที่ผู้ตายแทงผู้อื่นพลาดมาถูกจำเลยเมื่อจำเลยเข้าห้ามการทะเลาะวิวาท แล้วจำเลยใช้ขวดสุราตีศีรษะผู้ตายบาดเจ็บนั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบ เพราะภยันตรายได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่การกระทำของจำเลยเนื่องมาจากการที่ผู้ตายข่มเหงโดยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงต้องถือว่าจำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายโดยเหตุบันดาลโทสะ
แต่สำหรับเหตุการณ์ตอนที่ผู้ตายแทงผู้อื่นพลาดมาถูกจำเลยเมื่อจำเลยเข้าห้ามการทะเลาะวิวาท แล้วจำเลยใช้ขวดสุราตีศีรษะผู้ตายบาดเจ็บนั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบ เพราะภยันตรายได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่การกระทำของจำเลยเนื่องมาจากการที่ผู้ตายข่มเหงโดยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงต้องถือว่าจำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายโดยเหตุบันดาลโทสะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิโดยชอบธรรมและการทำร้ายร่างกายโดยบันดาลโทสะ: พฤติการณ์และเหตุผลในการใช้ความรุนแรง
เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยเพียงยกขวดแตกขึ้นรับเมื่อผู้ตายโถมเข้าแทงจำเลยทำให้พับแขนของผู้ตายถูกขวดเข้าเองเป็นบาดแผล. และผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา. ฉะนั้นเมื่อจำเลยมิได้ทำร้ายผู้ตาย จำเลยจึงไม่มีความผิด.
แต่สำหรับเหตุการณ์ตอนที่ผู้ตายแทงผู้อื่นพลาดมาถูกจำเลย. เมื่อจำเลยเข้าห้ามการทะเลาะวิวาท แล้วจำเลยใช้ขวดสุราตีศีรษะผู้ตายบาดเจ็บนั้น. ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบ เพราะภยันตรายได้ผ่านพ้นไปแล้ว. แต่การกระทำของจำเลยเนื่องมาจากการที่ผู้ตายข่มเหงโดยเหตุอันไม่เป็นธรรม. จึงต้องถือว่าจำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายโดยเหตุบันดาลโทสะ.
แต่สำหรับเหตุการณ์ตอนที่ผู้ตายแทงผู้อื่นพลาดมาถูกจำเลย. เมื่อจำเลยเข้าห้ามการทะเลาะวิวาท แล้วจำเลยใช้ขวดสุราตีศีรษะผู้ตายบาดเจ็บนั้น. ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบ เพราะภยันตรายได้ผ่านพ้นไปแล้ว. แต่การกระทำของจำเลยเนื่องมาจากการที่ผู้ตายข่มเหงโดยเหตุอันไม่เป็นธรรม. จึงต้องถือว่าจำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายโดยเหตุบันดาลโทสะ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายภรรยาด้วยกำลังจนเกิดรอยช้ำ ไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายร้ายแรง
กรณีที่จำเลยใช้กำลังทำร้ายภรรยาของตน แม้จะมีแผล 6 แห่ง ก็เป็นเพียงรอยช้ำ อันไม่ปรากฏขนาดว่าใหญ่โตแค่ไหน และอาจรักษาหายได้ภายใน 5 วันเท่านั้น จึงไม่ส่งผลให้เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของภรรยาของจำเลยได้ ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 295 แต่ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายภรรยา: รอยช้ำเล็กน้อยไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายร้ายแรง
กรณีที่จำเลยใช้กำลังทำร้ายภรรยาของตน แม้จะ 6 แห่ง ก็เป็นเพียงรอยช้ำ อันไม่ปรากฏขนาดว่าใหญ่โตแค่ไหน และอาจรักษาหายได้ภายใน 5 วันเท่านั้น จึงไม่ส่งผลให้เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของภรรยาของจำเลยได้ ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 295 แต่ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายภรรยาด้วยกำลังจนเกิดรอยช้ำ ไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายร้ายแรง จึงผิดฐานทำร้ายร่างกายธรรมดา
กรณีที่จำเลยใช้กำลังทำร้ายภรรยาของตน. แม้จะมีแผล 6 แห่ง ก็เป็นเพียงรอยช้ำ. อันไม่ปรากฏขนาดว่าใหญ่โตแค่ไหน. และอาจรักษาหายได้ภายใน 5 วันเท่านั้น. จึงไม่ส่งผลให้เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของภรรยาของจำเลยได้. ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 295. แต่ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1288/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากปล้นทรัพย์เป็นทำร้ายร่างกาย เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการพิสูจน์ความผิดฐานปล้นทรัพย์
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ใช้ไม้ตีทำร้ายร่างกายพวกเจ้าทรัพย์ถึงบาดเจ็บด้วย เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยปล้นทรัพย์ แต่ฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมกันทำร้ายผู้เสียหาย ดังนี้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1288/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากปล้นทรัพย์เป็นทำร้ายร่างกาย แม้มีเจตนาปล้นทรัพย์แต่พยานหลักฐานไม่เพียงพอ
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ใช้ไม้ตีทำร้ายร่างกายพวกเจ้าทรัพย์ถึงบาดเจ็บด้วย เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยปล้นทรัพย์แต่ฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมกันทำร้ายผู้เสียหาย ดังนี้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินระยะเวลาการรักษาพยาบาลเพื่อพิจารณาความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกิน 20 วัน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัสทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาและประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ปรากฏตามหลักฐานในสำนวนว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายแล้ว 3 วัน จึงเข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาลอีก 20 วัน เมื่อนับรวมวันที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายจนออกจากโรงพยาบาลจึงเป็นเวลา 23 วัน ดังนี้ ย่อมฟังได้ว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายได้รับอันตรายแก่กายจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน จำเลยต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนผู้อื่นประกอบกิจตามปกติไม่ได้เกิน 20 วันเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัสทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาและประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ปรากฏตามหลักฐานในสำนวนว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายแล้ว 3 วัน จึงเข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาลอีก 20 วัน เมื่อนับรวมวันที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายจนออกจากโรงพยาบาลจึงเป็นเวลา 23 วัน ดังนี้ ย่อมฟังได้ว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายได้รับอันตรายแก่กายจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน จำเลยต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบธรรม: การกัดเพื่อป้องกันการจมน้ำ ถือเป็นการใช้สิทธิป้องกันตนเอง
จำเลยกับผู้เสียหายมีปากเสียงกัน ผู้เสียหายท้าทายจำเลย ๆ ไม่ยอมรับคำท้ามุ้งหน้าจะกลับบ้าน ผู้เสียหายตามไปกระชากแขนและต่อยจำเลยก่อน จำเลยจึงเข้ากอดปล้ำและตกลงไปในคลองด้วยกัน จำเลยถูกผู้เสียหายกดให้จมน้ำและถูกกัด จำเลยจึงกัดผู้เสียหายหูขาด ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าการโต้เถียงเป็นปากเสียงกันได้ขาดตอนไปแล้วโดยจำเลยไม่ยอมรับคำท้า แต่ผู้เสียหายได้ตามไปต่อยจำเลยก่อน มิใช่เป็นการสมัครใจวิวาทกัน และเมื่อตกลงในคลอง จำเลยก็ถูกผู้เสียหายกดให้จมน้ำและถูกกัดอีก จำเลยจึงกัดไปบ้างเพื่อมิให้ถูกผู้เสียหายกดจมน้ำตาย ถือว่าเป็นการป้องกันโดยชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 จำเลยไม่มีความผิด