พบผลลัพธ์ทั้งหมด 114 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์สถานะเจ้าพนักงานทางการแพทย์ในการชันสูตรบาดแผลและการหมิ่นประมาท
รายงานชันสูตรบาดแผลนั้นไม่มีกฎหมายบังคับว่า ต้องให้เจ้าพนักงานเป็นผู้ทำ โจทก์จึงต้องนำสืบให้ศาลเห็นว่าผู้ทำเป็นเจ้าพนักงาน ต่างกับการชันสูตรพลิกศพ ป.วิ.อ. มาตรา 150 ได้บัญญัติไว้ ซึ่งเมื่อนายแพทย์ได้ทำการชันสูตรพลิกศพด้วย ศาลย่อมรับรู้ว่านายแพทย์เป็นเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์สถานะเจ้าพนักงานในการชันสูตรบาดแผล: โจทก์ต้องพิสูจน์เองหากไม่มีกฎหมายกำหนด
รายงานชันสูตรบาดแผลนั้นไม่มีกฎหมายบังคับว่า ต้องให้เจ้าพนักงานเป็นผู้ทำ โจทก์จึงต้องนำสืบให้ศาลเห็นว่าผู้ทำเป็นเจ้าพนักงานต่างกับการชันสูตรพลิกศพ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ได้บัญญัติไว้ ซึ่งเมื่อนายแพทย์ได้ทำการชันสูตรพลิกศพด้วยศาลย่อมรับรู้ว่านายแพทย์เป็นเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเป็นโจทก์ร่วมของผู้เสียหายจากการทำลายหลักฐานการทำไม้ และการเปลี่ยนเลขหมายไม้โดยมิชอบ
อัยการโจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 4 สมคบกันถากทำลายตราประจำต้นไม้ของนายจงกลซึ่งได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ แล้วสมคบกันตีราคาเลขหมายอื่น เป็นเลขของนายพิจิตรจำเลยขึ้นใหม่โดยทางการมิได้อนุญาตเพื่อประสงค์จะให้ไม้ของนายจงกลตกเป็นของนายพิจิตร จำเลย โดยจำเลยหวังผลประโยชน์จากนายพิจิตร
ดังนี้นายจงกลย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียหายมีสิทธิร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการโจทก์ได้ เพราะเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ทำไม้ที่ตีตราไว้ให้แล้วซึ่งนายจงกลมีสิทธิที่จะเข้ายึดถือครอบครองเป็นเจ้าของในภายหลัง (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2499)
ดังนี้นายจงกลย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียหายมีสิทธิร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการโจทก์ได้ เพราะเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ทำไม้ที่ตีตราไว้ให้แล้วซึ่งนายจงกลมีสิทธิที่จะเข้ายึดถือครอบครองเป็นเจ้าของในภายหลัง (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 201/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเรียกเก็บเงินเกินหน้าที่ และการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของผู้อื่น
เสมียนวิสามัญในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีหน้าที่เก็บเงินค่าเช่าแผงลอยหาบเร่ส่งต่อสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นเจ้าพนักงานท่านใช้ให้มีหน้าที่เก็บทรัพย์อันต้องส่งต่อรัฐบาล เมื่อเรียกเก็บแป๊ะเจี๊ยะ จึงได้ชื่อว่าเรียกเก็บเงินหรือทรัพย์ที่ไม่ควรจะเก็บตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 135 ส่วนความผิดตามมาตรา 136 นั้น พนักงานผู้กระทำผิดจะต้องใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของตนเอง และต้องบังคับให้เขาให้ หรือให้เขา +ทรัพย์หรือผลประโยชน์อย่างใด ๆ +ควรจะได้ตาม ก.ม. ให้แก่ตัวเองหรือแก่ผู้อื่น การบังคับให้เขา+ทรัพย์ โดยอ้างว่าผู้อื่นให้มาเอา โดยการอาศัยอำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของผู้อื่น ไม่ใช่ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง ทั้งเงินที่ +เอานั้นก็อ้างว่าจะไปส่งต่อองค์+ รัฐบาล ไม่ใช่ตัวเอาเองหรือให้+อื่นดังนี้ ยังไม่เป็นผิดตามมาตรา 136 +ฎีกาโจทก์กล่าววันในฟ้องและจำนวนเงินผิด +เพราะการพลั้งเผลอยังไม่พอจะเป็นเหตุ +ฎีกาโจทก์ ศาลต้องถือเอาฟ้องเดิม +โจทก์เป็นประมาณ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ข้อเท็จจริงเฉพาะเจาะจง: วันเวลาที่กระทำผิดสำคัญ
ฟ้องโจทก์กล่าวเจาะจงหาว่าจำเลยกระทำผิดฉะเพาะวันเดียว มิได้หาว่าจำเลยกระทำผิดในวันอื่น หรือกระทำผิดในระหว่างเดือนนั้นด้วย เมื่อทางพิจารณาตลอดจนคำให้การของพะยานโจทก์ชั้นสอบสวนก็ไม่ได้ความเลยว่าจำเลยได้กระทำผิดในวันที่โจทก์ฟ้อง ดังนี้ ย่อมถือว่าหลักฐานพะยานโจทก์ ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดในวันที่กล่าวหา ต้องยกฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 390/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกทรัพย์ต้องมีการมอบหมายทรัพย์ก่อน หากเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ไม่ถือว่าเป็นการยักยอก
พฤตติการณ์ที่ถือว่ามิได้มีการมอบหมายทรัพย์ให้จำเลยไว้เพื่อการอย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นองค์ความผิดฐานยักยอกทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ราษฎรสนับสนุนเจ้าพนักงานทุจริต มีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิด แม้ฟ้องผิดฐานตัวการ
จำเลยที่เปนราสดรทำการอุดหนุนแก่จำเลยทีเปนเจ้าพนักงานตำหรวดกะทำความผิดตาม ม.136 นั้นย่อมมีความผิดถานเปนผู้สมรู้ด้วยเจ้าพนักงาน
ฟ้องที่กล่าวว่าจำเลยเปนตัวการกะทำผิด แต่ทางพิจารนาได้ความว่าจำเลยเปนผิดแต่เพียงถานสมรู้นั้นสาลลงโทสได้ไม่นอกคำขอ.
ฟ้องที่กล่าวว่าจำเลยเปนตัวการกะทำผิด แต่ทางพิจารนาได้ความว่าจำเลยเปนผิดแต่เพียงถานสมรู้นั้นสาลลงโทสได้ไม่นอกคำขอ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 986/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าพนักงานและการเรียกรับสินบน
จำเลยเปนตำหรวดจับกุมผู้เสียหายไนเวลาค่ำคืนโดยไม่มีหมายและมิไช่ไนกรนีที่กดหมายอนุญาต เมื่อผู้เสียหายยอมไห้จำเลยกะทำไถานะเปนเจ้าพนักงาน เมื่อเรียกสินบนจากผู้เสียหาย การกะทำของจำเลยย่อมเปนผิดตาม ม. 138
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 129-134/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท ใช้บทหนักลงโทษได้
ในกรณีที่เป็นกรรมเดียวแต่ละเมิดกฏหมายหลายบทนั้น เมื่อลงโทษตามบทหนักแล้ว ก็ย่อมลงโทษตามบทเขาอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2484
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขรก.กระทำผิดนอกเขตอำนาจ – การแก้ไขคำพิพากษานับโทษต้องห้าม
ตำรวจสวมเครื่องแบบไปขู่บังคับเอาเงินเขาในเวลาออกยามนอกสถานที่ และนอกเขตต์ท้องที่ ๆ ประจำอยู่ไม่เป็นผิดกฎหมายอาญามาตรา 136 หลังจากอ่านคำพิพากษาแล้ว ศาลมีคำสั่งให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอื่น ดังนี้เป็นการแก้ไขคำพิพากษาที่ได้อ่านแล้ว ต้องห้ามตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 190 +คำพิพากษาไม่ได้กล่าวให้นับโทษแต่เมื่อใดให้นับแต่วันต้องคุมขัง