คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 136

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 114 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดูหมิ่นเจ้าพนักงานระหว่างถูกจับกุม แม้ไม่ได้เกิด ณ ที่เกิดเหตุ ก็ถือว่ากระทำผิดได้
ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้จับกุมจำเลยตามหน้าที่ในข้อหาวางคานเหล็กกีดขวางทางเท้า และให้จำเลยไปสถานีตำรวจ โดยผู้เสียหายไปรออยู่ที่นั่น เพื่อนำจำเลยส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี พอจำเลยมาถึงสถานีตำรวจก็กล่าวถ้อยคำดูหมิ่นผู้เสียหายว่า "ลื้อจับแบบนี้แกล้งจับอั๊วนี่หว่า ไม่เป็นไรไว้เจอกันเมื่อไหร่ก็ได้" ดังนี้เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ เพราะการที่ผู้เสียหายให้จำเลยไปที่สถานีตำรวจ เพื่อนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีก็อยู่ในระหว่างจำเลยถูกจับกุมนั่นเอง เมื่อจำเลยกล่าวถ้อยคำดูหมิ่นผู้เสียหายในระหว่างนั้น จึงถือว่าจำเลยกล่าวขณะถูกจับกุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน: การดูหมิ่นหลังถูกจับกุมยังถือเป็นความผิด
ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้จับกุมจำเลยตามหน้าที่ในข้อหาวางคานเหล็กกีดขวางทางเท้า และให้จำเลยไปสถานีตำรวจโดยผู้เสียหายไปรออยู่ที่นั่นเพื่อนำจำเลยส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีพอจำเลยมาถึงสถานีตำรวจก็กล่าวถ้อยคำดูหมิ่นผู้เสียหายว่า "ลื้อจับแบบนี้แกล้งจับอั๊วนี่หว่าไม่เป็นไรไว้เจอกันเมื่อไรก็ได้" ดังนี้เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ เพราะการที่ผู้เสียหายให้จำเลยไปที่สถานีตำรวจเพื่อนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีก็อยู่ในระหว่างจำเลยถูกจับกุมนั่นเอง เมื่อจำเลยกล่าวถ้อยคำดูหมิ่นผู้เสียหายในระหว่างนั้นจึงถือว่าจำเลยกล่าวขณะถูกจับกุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2202/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำที่ไม่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อเจ้าพนักงานมิได้ปฏิบัติหน้าที่ในขณะเกิดเหตุ
นายตำรวจกลับจากงานแต่งงานเกิดโต้เถียงกับจำเลย ไม่ได้ทำการตามหน้าที่ และไม่แสดงบัตรให้จำเลยดู จำเลยไม่รู้ว่าเป็นตำรวจ ไม่เป็นการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานกล่าวคำไม่สุภาพ ขณะโต้เถียงกันไม่เป็นดูหมิ่นซึ่งหน้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดูหมิ่นเจ้าพนักงาน: การพิจารณาเจตนาและพฤติการณ์ประกอบคำพูด
จำเลยกล่าวว่า " ด่านตำรวจนี้เท่ากับรูหี " ประกอบพฤติการณ์ที่ยื่นหน้าตะโกนออกมานอกรถ มุ่งถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจยิ่งกว่าสถานีที่ อาจเป็นผิดกฎหมายอาญา มาตรา 136 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดูหมิ่นเจ้าพนักงาน: การพิจารณาเจตนาและความเชื่อมโยงระหว่างคำพูดและพฤติการณ์
จำเลยกล่าวว่า "ด่านตำรวจนี้เท่ากับรูหี" ประกอบพฤติการณ์ที่ยื่นหน้าตะโกนออกมานอกรถ มุ่งถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจยิ่งกว่าสถานที่ อาจเป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 860/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดูหมิ่นเจ้าพนักงาน: ถ้อยคำที่ไม่สุภาพกับการกระทำที่เป็นการดูหมิ่น
จำเลยซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดผู้หนึ่งได้ไปสอบถามผู้เสียหายซึ่งเป็นนายอำเภอ ถึงเรื่องที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่มีชื่อในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ทางการปิดประกาศไว้ ผู้เสียหายให้ไปสอบถาม ป. ปลัดอำเภอซึ่งผู้เสียหายมอบหมายให้เป็นเจ้าหน้าที่เรื่องนี้ แต่จำเลยจะขอสอบถามผู้เสียหายเท่านั้น ผู้เสียหายก็ยืนกรานให้ไปถาม ป. จำเลยจึงพูดว่า "คุณเป็นนายอำเภอได้อย่างไรไม่รับผิดชอบ" ดังนี้เป็นการกล่าวถ้อยคำที่ไม่สุภาพต่อเจ้าพนักงานเท่านั้น ไม่ถึงกับเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 (ประชุมใหญ่ครั้งที่9/2521)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2238/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกล่าวความจริงเพื่อป้องกันตนหรือส่วนได้เสีย ไม่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท
จำเลยฟ้องผู้เสียหายกับพวกในข้อหาร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำร้ายร่างกายและทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ แล้วนำสำเนาคำฟ้องไปให้นักข่าวหนังสือพิมพ์ดูพร้อมกับเล่าให้ฟังว่า ผู้เสียหายมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยเป็นส่วนตัวแล้วแกล้งจับกุมและทำร้ายร่างกายจำเลย นักข่าวได้นำลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ได้ความว่าในขณะจำเลยไปเล่าเรื่องให้นักข่าวฟังนั้น จำเลยให้ดูบาดแผลที่ถูกทำร้ายด้วย และศาลชั้นต้นได้พิพากษาลงโทษพวกของผู้เสียหายคนหนึ่งฐานทำร้ายร่างกาย จำเลย (จำเลยถอนฟ้องผู้เสียหาย) ตามข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวทำให้เป็นที่สงสัยว่า ผู้เสียหายอาจมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยแล้วแกล้งจับกุมจำเลยดังที่จำเลยให้ข่าวในหนังสือพิมพ์ การกระทำของจำเลยเช่นนี้จึงเป็นการกล่าวข้อเท็จจริงโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรมป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ไม่มีความผิดฐานดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2238/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกล่าวข้อเท็จจริงโดยสุจริตเพื่อป้องกันตนเอง ไม่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท
จำเลยฟ้องผู้เสียหายกับพวกในข้อหาร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำร้ายร่างกาย และทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ แล้วนำสำเนาคำฟ้องไปให้นักข่าวหนังสือพิมพ์ดูพร้อมกับเล่าให้ฟังว่า ผู้เสียหายมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยเป็นส่วนตัวแล้วแกล้งจับกุมและทำร้ายร่างกายจำเลย นักข่าวได้นำลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ ได้ความว่าในขณะจำเลยไปเล่าเรื่องให้นักข่าวฟังนั้น จำเลยให้ดูบาดแผลที่ถูกทำร้ายด้วย และศาลชั้นต้นได้พิพากษาลงโทษพวกของผู้เสียหายคนหนึ่งฐานทำร้ายร่างกายจำเลย (จำเลยถอนฟ้องผู้เสียหาย) ตามข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวทำให้เป็นที่สงสัยว่า ผู้เสียหายอาจมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยแล้วแกล้งจับกุมจำเลยดังที่จำเลยให้ข่าวในหนังสือพิมพ์ การกระทำของจำเลยเช่นนี้จึงเป็นการกล่าวข้อเท็จจริงโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ไม่มีความผิดฐานดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 713/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพูดที่ไม่สุภาพต่อเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ไม่ถึงขั้นดูหมิ่น
ถ้อยคำที่ว่า "พวกมึงตำรวจไม่มีความหมายสำหรับกู อยากจะจับก็มาจับเลย ในเมื่อกูไม่ได้กระทำผิด" ซึ่งจำเลยกล่าวต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะที่จะเข้าทำการจับกุมจำเลยในข้อหาเมาสุราอาละวาดในบริเวณงานวัดนั้น เป็นแต่เพียงคำพูดที่ไม่สุภาพ ไม่สมควรจะกล่าวต่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้ปฏิบัติการตามหน้าที่เท่านั้น ไม่เป็นผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติการตามหน้าที่แต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดในพื้นที่ป่าโครงการของรัฐ จำเลยมีความผิดฐานสนับสนุนการกระทำผิดตามกฎหมายป่าไม้
จำเลยไปแจ้งความต่อร้อยตำรวจโท อ. ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรและเวรสอบสวนว่าสุนัขของ ม. กัดหลานของจำเลย อ. มิได้สั่งให้ตำรวจลงบันทึกแจ้งความตามที่จำเลยมาแจ้ง โดยอ้างว่าอาจเป็นสุนัขกลางตลาดก็ได้ จะไปสืบหาเจ้าของสุนัขเสียก่อน จำเลยยืนยันว่าเป็นสุนัขของ ม. แต่อ. ไม่ยอมรับแจ้งความในทันที อ. และจำเลยจึงโต้เถียงกันในเรื่องไม่ลงบันทึกประจำวัน จำเลยได้กล่าวต่อ อ. ว่า ทำอย่างนี้ไม่ยุติธรรม ดังนี้ มีความหมายว่า อ. ปฏิบัติหน้าที่ไม่ยุติธรรม ซึ่งเป็นการดูถูกเหยียดหยามต่อ อ. เป็นถ้อยคำดูหมิ่น อ. จำเลยจึงมีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 ไม่ใช่เป็นการต่อว่าที่แสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียของจำเลยตามคลองธรรม
of 12