พบผลลัพธ์ทั้งหมด 114 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 347/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่: ถ้อยคำวิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ถือเป็นความผิดฐานดูหมิ่นได้
จำเลยไปแจ้งความต่อร้อยตำรวจโท อ. ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรและเวรสอบสวนว่าสุนัขของ ม. กัดหลานของจำเลย อ. มิได้สั่งให้ตำรวจลงบันทึกแจ้งความตามที่จำเลยมาแจ้ง โดยอ้างว่าอาจเป็นสุนัขกลางตลาดก็ได้ จะไปสืบหาเจ้าของสุนัขเสียก่อน จำเลยยืนยันว่าเป็นสุนัขของ ม. แต่ อ. ไม่ยอมรับแจ้งความในทันที อ. และจำเลยจึงโต้เถียงกันในเรื่องไม่ลงบันทึกประจำวัน จำเลยได้กล่าวต่อ อ. ว่า ทำอย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรม ดังนี้ มีความหมายว่า อ. ปฏิบัติหน้าที่ไม่ยุติธรรม ซึ่งเป็นการดูถูกเหยียดหยามต่อ อ. เป็นถ้อยคำดูหมิ่น อ. จำเลยมีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 ไม่ใช่ว่าเป็นการต่อว่าที่แสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียของจำเลยตามคลองธรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 347/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่: ถ้อยคำ 'ไม่ยุติธรรม' ถือเป็นการดูหมิ่น
จำเลยไปแจ้งความต่อร้อยตำรวจโท อ. ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรและเวรสอบสวนว่าสุนัขของม.กัดหลานของจำเลยอ. มิได้สั่งให้ตำรวจลงบันทึกแจ้งความตามที่จำเลยมาแจ้ง โดยอ้างว่าอาจเป็นสุนัขกลางตลาดก็ได้ จะไปสืบหาเจ้าของสุนัขเสียก่อน จำเลยยืนยันว่าเป็นสุนัขของ ม. แต่ อ. ไม่ยอมรับแจ้งความในทันที อ. และจำเลยจึงโต้เถียงกันในเรื่องไม่ลงบันทึกประจำวัน จำเลยได้กล่าวต่อ อ.ว่าทำอย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรมดังนี้มีความหมายว่าอ. ปฏิบัติหน้าที่ไม่ยุติธรรมซึ่งเป็นการดูถูกเหยียดหยามต่ออ.เป็นถ้อยคำดูหมิ่นอ. จำเลยจึงมีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136 ไม่ใช่เป็นการต่อว่าที่แสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียของจำเลยตามคลองธรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน: จำเลยมีสิทธิสืบพยานหักล้างข้อกล่าวหา แม้จำเลยรับข้อเท็จจริงบางส่วน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งเทศมนตรี จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ตอบกระทู้ของสมาชิกสภาจังหวัดโดยทำเป็นบันทึกอัดโรเนียวแจกสมาชิกสภาจังหวัดใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง โดยเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136,326,328. จำเลยให้การปฏิเสธและว่าการกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบพิสูจน์ความผิดของจำเลย และจำเลยก็มีสิทธินำสืบเพื่อแสดงว่าจำเลยมิได้กระทำผิด แม้จำเลยจะได้แถลงรับรองความถูกต้องของสำเนาบันทึกท้ายฟ้องว่าเป็นเอกสารที่จำเลยได้พิมพ์แจก และแถลงว่าข้อความในบันทึกนั้น จำเลยได้กล่าวถึงโจทก์ในขณะปฏิบัติการในฐานะเทศมนตรี ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยรับสารภาพ แม้ศาลเห็นว่าไม่จำเป็นต้องสืบพยานโจทก์ก็ยังต้องให้โอกาสจำเลยนำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ก่อนจึงจะชอบ ที่ศาลสั่งงดสืบพยานโจทก์และนัดฟังคำพิพากษา ไม่ได้ให้จำเลยนำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ แล้วพิพากษาลงโทษจำเลยนั้น ไม่ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีหมิ่นประมาท: สิทธิจำเลยในการสืบพยานโต้แย้ง แม้จำเลยรับข้อเท็จจริงบางส่วน ศาลต้องให้โอกาสจำเลยสืบพยาน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งเทศมนตรี จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ตอบกระทู้ของสมาชิกสภาจังหวัดโดยทำเป็นบันทึกอัดโรเนียวแจกสมาชิกสภาจังหวัดใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง โดยเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 326, 328. จำเลยให้การปฏิเสธและว่าการกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดตามกฎหมายโจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบพิสูจน์ความผิดของจำเลย และจำเลยก็มีสิทธินำสืบเพื่อแสดงว่าจำเลยมิได้กระทำผิด แม้จำเลยจะได้แถลงรับรองความถูกต้องของสำเนาบันทึกท้ายฟ้องว่าเป็นเอกสารที่จำเลยได้พิมพ์แจก และแถลงว่าข้อความในบันทึกนั้น จำเลยได้กล่าวถึงโจทก์ในขณะปฏิบัติการในฐานะเทศมนตรี ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยรับสารภาพ แม้ศาลเห็นว่าไม่จำเป็นต้องสืบพยานโจทก์ก็ยังต้องให้โอกาสจำเลยนำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ก่อนจึงจะชอบที่ศาลสั่งงดสืบพยานโจทก์และนัดฟังคำพิพากษา ไม่ได้ให้จำเลยนำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ แล้วพิพากษาลงโทษจำเลยนั้น ไม่ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นเจ้าพนักงาน: ถ้อยคำข่มขู่และสบประมาทเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่เข้าจับกุม
ถ้อยคำว่า 'อ้ายจ่า ถ้ามึงจับกู กูจะเอามึงออก' ซึ่งจำเลยกล่าวต่อจ่าสิบตำรวจในขณะที่จะเข้าจับกุมจำเลยในข้อหาฐานบุกรุกอันเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมายเป็นถ้อยคำที่กล่าวสบประมาท เหยียดหยาม และข่มขู่เจ้าพนักงานตำรวจผู้นั้นมิให้จับกุมจำเลยอันเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่แล้ว และมิใช่เป็นเพียงการประท้วงการกระทำของเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นเจ้าพนักงาน: ถ้อยคำข่มขู่ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
ถ้อยคำว่า "อ้ายจ่า ถ้ามึงจับกู กูจะเอามึงออก" ซึ่งจำเลยกล่าวต่อจ่าสิบตำรวจในขณะที่จะเข้าจับกุมจำเลยในข้อหาฐานบุกรุกอันเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมายเป็นถ้อยคำที่กล่าวสบประมาท เหยียดหยาม และข่มขู่เจ้าพนักงานตำรวจผู้นั้น มิให้จับกุมจำเลย อันเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่แล้ว และมิใช่เป็นเพียงการประท้วงการกระทำของเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2251/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพูดดูหมิ่นขัดขวางการปฏิบัติงานตำรวจ และการต่อสู้ขัดขวางการจับกุม
ส. ผู้บังคับกองตำรวจสั่งให้รถยนต์ที่จำเลยกับพวกนั่งมาหยุดเพื่อตรวจค้น จำเลยพูดว่า 'ผู้กองอย่างมึงจะเอาอะไรกับกู นี่หรือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์' เป็นคำกล่าวดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามมาตรา 136 เมื่อ ส. ผู้บังคับกองจะจับกุมจำเลยผลักโดยแรงจน ส. ผู้บังคับกองล้มลงแล้วกอดปล้ำไม่ยอมให้จับอีกจึงเป็นการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ผิดตามมาตรา 138 วรรคสอง อีกกระทงหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2113/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำนันไกล่เกลี่ยทรัพย์สินไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย การดูหมิ่นจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
การที่กำนันใช้ให้บุคคลอื่นไปตามบุตรสาวจำเลยมาไกล่เกลี่ยแบ่งทรัพย์สินกันระหว่างสามีภริยา มิใช่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ของกำนันตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ จำเลยกล่าววาจาดูหมิ่นกำนัน ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2113/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นกำนัน: การกระทำตามหน้าที่กำนันต้องเกี่ยวกับการรักษาความปกติเรียบร้อยของตำบลเท่านั้น
การที่กำนันใช้ให้บุคคลอื่นไปตามบุตรสาวจำเลยมาไกล่เกลี่ยแบ่งทรัพย์สินกันระหว่างสามีภริยา มิใช่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ของกำนันตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ จำเลยกล่าววาจาดูหมิ่นกำนัน ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2246/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่: การรังวัดที่ดินตามคำสั่งนายอำเภอ
นาย จ. ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่า จำเลยบุกรุกที่ดินน.ส.3 พนักงานสอบสวนจึงมีหนังสือถึงนายอำเภอขอให้สั่งพนักงานที่ดินไปร่วมทำการรังวัดสอบเขต นายอำเภอได้สั่งให้ผู้เสียหายซึ่งเป็นเสมียนที่ดินอำเภอไปร่วมรังวัดสอบเขตกับพนักงานสอบสวน จำเลยไม่ยอมให้ทำการรังวัด และกล่าวดูหมิ่นผู้เสียหายว่า "พนักงานที่ดินหมาๆ ชอบกินแต่เบี้ย(ชอบกินสินบน)" ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 แล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2515)