พบผลลัพธ์ทั้งหมด 25 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1570/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินตามประกาศกระทรวงฯ เพื่อรับฟ้องคดี การนับระยะเวลา และผลของการไม่ปฏิบัติตาม
โจทก์ยื่นฟ้องในวันที่ 7 มีนาคม 2518 ขอให้เพิกถอนคำสั่งอุทธรณ์ของอธิบดีและคำสั่งพนักงานเงินทดแทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันนั้นว่า โจทก์ไม่ได้วางเงินตามประกาศกระทรวงมหาดไทยฯ ข้อ 60 ให้โจทก์วางเงินภายใน 3 วัน แล้วจะสั่งต่อไป ดังนี้เมื่อตามคำขอท้ายฟ้องระบุว่าโจทก์รอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ก็ต้องถือว่าโจทก์ทราบคำสั่งของศาลในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องนั่นเอง ซึ่งย่อมมีผลตั้งต้นคำนวณเป็นหนึ่งในวันรุ่งขึ้น และสิ้นสุดที่จะต้องวางเงินตามคำสั่งภายในวันที่ 10 มีนาคม 2518 เมื่อโจทก์ไม่วางเงินภายในเวลาดังกล่าวและศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องไปแล้ว โจทก์จะขอวางเงินโดยอ้างว่าเพิ่งทราบคำสั่งเมื่อวันที่ 12 มีนาคม2518 หาได้ไม่ แม้โจทก์จะอ้างว่าโจทก์ป่วยก่อนที่จะทราบคำสั่งให้วางเงิน ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังที่โจทก์ทราบคำสั่งศาลแล้วเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1570/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับระยะเวลาวางเงินตามคำสั่งศาล: ผลของการไม่รอฟังคำสั่งและการป่วยหลังทราบคำสั่ง
โจทก์ยื่นฟ้องในวันที่ 7 มีนาคม 2518 ขอให้เพิกถอนคำสั่งอุทธรณ์ของอธิบดีและคำสั่งพนักงานเงินทดแทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันนั้นว่า โจทก์ไม่ได้วางเงินตามประกาศกระทรวงมหาดไทยฯ ข้อ 60 ให้โจทก์วางเงินภายใน 3 วัน แล้วจะสั่งต่อไป ดังนี้เมื่อตามคำขอท้ายฟ้องระบุว่าโจทก์รอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ก็ต้องถือว่าโจทก์ทราบคำสั่งของศาลในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องนั่นเอง ซึ่งย่อมมีผลตั้งต้นคำนวณเป็นหนึ่งในวันรุ่งขึ้น และสิ้นสุดที่จะต้องวางเงินตามคำสั่งภายในวันที่ 10 มีนาคม 2518 เมื่อโจทก์ไม่วางเงินภายในเวลาดังกล่าวและศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องไปแล้ว โจทก์จะขอวางเงินโดยอ้างว่าเพิ่งทราบคำสั่งเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2518 หาได้ไม่ แม้โจทก์จะอ้างว่าโจทก์ป่วยก่อนที่จะทราบคำสั่งให้วางเงิน ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังที่โจกท์ทราบคำสั่งศาลแล้วเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1166/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาสามารถขอเฉลี่ยทรัพย์ได้ หากทรัพย์ที่ยึดไว้ไม่เพียงพอชำระหนี้ และลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินอื่น
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นแม้จะได้ยึดทรัพย์อื่นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แล้ว แต่ถ้าเจ้าหนี้นั้นแสดงได้ว่าทรัพย์ที่ยึดไว้นั้นไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ของตนได้สิ้นเชิง และลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินอื่นพอชำระหนี้ ก็ย่อมร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 897/2510)
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยวันใด กำหนดระยะเวลายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ต้องเริ่มนับหนึ่งในวันรุ่งขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 158 เมื่อครบกำหนดสิบสี่วันในวันหยุดราชการผู้ร้องย่อมยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในวันรุ่งขึ้นซึ่งศาลเริ่มทำงานใหม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 161กรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตาม มาตรา 158 ตอนท้าย เพราะเมื่อขายทอดตลาดแล้ว การขายก็เป็นอันเสร็จสิ้นไป ไม่มีลักษณะหรือสภาพเป็นงานที่ต้องทำต่อ ๆ ไปอีก อันจะเป็นเหตุให้ถือว่าได้เริ่มการตั้งแต่วันขายทอดตลาดเป็นต้นไป(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1809/2511)
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยวันใด กำหนดระยะเวลายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ต้องเริ่มนับหนึ่งในวันรุ่งขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 158 เมื่อครบกำหนดสิบสี่วันในวันหยุดราชการผู้ร้องย่อมยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในวันรุ่งขึ้นซึ่งศาลเริ่มทำงานใหม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 161กรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตาม มาตรา 158 ตอนท้าย เพราะเมื่อขายทอดตลาดแล้ว การขายก็เป็นอันเสร็จสิ้นไป ไม่มีลักษณะหรือสภาพเป็นงานที่ต้องทำต่อ ๆ ไปอีก อันจะเป็นเหตุให้ถือว่าได้เริ่มการตั้งแต่วันขายทอดตลาดเป็นต้นไป(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1809/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1166/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ยึดทรัพย์แล้วยังขอเฉลี่ยได้ หากทรัพย์ยึดไม่พอชำระหนี้และลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินอื่น
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นแม้จะได้ยึดทรัพย์อื่นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แล้ว แต่ถ้าเจ้าหนี้นั้นแสดงได้ว่าทรัพย์ที่ยึดไว้นั้นไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ของตนได้สิ้นเชิง และลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินอื่นพอชำระหนี้ ก็ย่อมร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 897/2510)
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยวันใด กำหนดระยะเวลายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ต้องเริ่มนับหนึ่งในวันรุ่งขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 158 เมื่อครบกำหนดสิบสี่วันในวันหยุดราชการ ผู้ร้องย่อมยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในวันรุ่งขึ้นซึ่งศาลเริ่มทำงานใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 161 กรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตาม มาตรา 158 ตอนท้าย เพราะเมื่อขายทอดตลาดแล้ว การขายก็เป็นอันเสร็จสิ้นไปไม่มีลักษณะหรือสภาพเป็นงานที่ต้องทำต่อ ๆ ไปอีก อันจะเป็นเหตุให้ถือว่าได้เริ่มการตั้งแต่วันขายทอดตลาดเป็นต้นไป (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1809/2511)
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยวันใด กำหนดระยะเวลายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ต้องเริ่มนับหนึ่งในวันรุ่งขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 158 เมื่อครบกำหนดสิบสี่วันในวันหยุดราชการ ผู้ร้องย่อมยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในวันรุ่งขึ้นซึ่งศาลเริ่มทำงานใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 161 กรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตาม มาตรา 158 ตอนท้าย เพราะเมื่อขายทอดตลาดแล้ว การขายก็เป็นอันเสร็จสิ้นไปไม่มีลักษณะหรือสภาพเป็นงานที่ต้องทำต่อ ๆ ไปอีก อันจะเป็นเหตุให้ถือว่าได้เริ่มการตั้งแต่วันขายทอดตลาดเป็นต้นไป (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1809/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การหลังขาดนัด และการอุทธรณ์คำสั่งในระหว่างพิจารณาคดี
จำเลยซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การ ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า การขาดนัดของจำเลยเป็นไปโดยจงใจ ไม่มีเหตุควรอนุญาตให้ยื่นคำให้การ ให้ยกคำร้อง คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้ไม่ใช่คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 แต่เป็นคำสั่งตามมาตรา 199 ซึ่งเป็นคำสั่งโดยปกติในระหว่างพิจารณาของศาลก่อนที่จะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งในระหว่างพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับคำร้องคัดค้านในคดีจัดการมรดก แม้ยื่นหลังประกาศ แต่ก่อนเริ่มไต่สวน ศาลย่อมชอบที่จะรับไว้พิจารณา
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดก ศาลประกาศกำหนดวันและเวลานัดไต่สวนคำร้องขอและว่าผู้ใดจะคัดค้านคำร้องขอนี้ให้ยื่นคำร้องต่อศาลก่อนกำหนดนี้ดังนี้ เมื่อผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านในวันนัดไต่สวน ก่อนศาลเริ่มต้นไต่สวนคำร้องขอ ศาลอาจรับคำร้องคัดค้านไว้พิจารณาได้
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำร้องคัดค้านและได้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปบ้างแล้ว จะกลับมาสั่งไม่รับคำร้องคัดค้านในภายหลัง ย่อมเป็นการไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำร้องคัดค้านและได้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปบ้างแล้ว จะกลับมาสั่งไม่รับคำร้องคัดค้านในภายหลัง ย่อมเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับคำร้องคัดค้านในคดีจัดการมรดก แม้ยื่นหลังประกาศ แต่ก่อนไต่สวน ศาลชอบที่จะรับได้ และการย้อนกลับคำสั่งไม่ชอบ
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดก ศาลประกาศกำหนดวันและเวลานัดไต่สวนคำร้องขอและว่าผู้ใดจะคัดค้านคำร้องขอนี้ให้ยื่นคำร้องต่อศาลก่อนกำหนดนี้ดังนี้ เมื่อผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านในวันนัดไต่สวน ก่อนศาลเริ่มต้นไต่สวนคำร้องขอ ศาลอาจรับคำร้องคัดค้านไว้พิจารณาได้
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำร้องคัดค้านและได้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปบ้างแล้ว จะกลับมาสั่งไม่รับคำร้องคัดค้านในภายหลังย่อมเป็นการไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำร้องคัดค้านและได้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปบ้างแล้ว จะกลับมาสั่งไม่รับคำร้องคัดค้านในภายหลังย่อมเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดระยะเวลาสัญญา: วันหยุดราชการขยายเวลาได้ตามกฎหมาย
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาล ตกลงแบ่งที่พิพาทกันคนละครึ่ง จำเลยอมชดใช้ให้เงินโจทก์ 8,000 บาท โดยจะนำมาวางศาลภายในเดือนเมษายน 2509 หากจำเลยไม่นำเงินมาวางภายในเดือนเมษายน 2509 จำเลยยอมให้ที่พิพาททั้งหมดตกเป็นสิทธิของโจทก์ ดังนี้ เมื่อได้ความว่า วันสุดท้ายที่จำเลยมีโอกาสจะนำเงินมาวางศาลในคดีนี้คือวันที่ 30 เมษายน 2509 ตรงกับวันหยุดราชการ และเริ่มเปิดทำงานใหม่ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2509 จำเลยจึงมีสิทธิที่จะนำเงินมาวางศาลได้ในวันที่เปิดทำงานใหม่ตามมาตรา 161 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยมิได้ผิดสัญญา สัญญาที่มีกำหนดเวลาดังเช่นนี้ย่อมมีวิธีการกำหนดระยะเวลาเริ่มต้นและวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาดังที่บัญญัติไว้ในลักษณะ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดระยะเวลาสัญญา: วันหยุดราชการขยายเวลาได้ตามกฎหมาย
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาล ตกลงแบ่งที่พิพาทกันคนละครึ่ง จำเลยยอมชดใช้เงินให้โจทก์ 8,000 บาท โดยจะนำมาวางศาลภายในเดือนเมษายน 2509 หากจำเลยไม่นำเงินมาวางภายในเดือนเมษายน 2509 จำเลยยอมให้ที่พิพาททั้งหมดตกเป็นสิทธิของโจทก์ ดังนี้ เมื่อได้ความว่าวันสุดท้ายที่จำเลยมีโอกาสจะนำเงินมาวางศาลในคดีนี้คือวันที่ 30 เมษายน 2509 ตรงกับวันหยุดราชการและเริ่มเปิดทำงานใหม่ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2509 จำเลยจึงมีสิทธิที่จะนำเงินมาวางศาลได้ในวันที่เปิดทำงานใหม่ตามมาตรา 161 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยมิได้ผิดสัญญาสัญญาที่มีกำหนดเวลาดังเช่นคดีนี้ย่อมมีวิธีการกำหนดระยะเวลาเริ่มต้นและวันสุดท้ายแห่ง ระยะเวลาดังที่บัญญัติไว้ในลักษณะ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดระยะเวลาการยื่นคำให้การหลังปิดหมาย: การนับเวลาผัดยื่นและการถือว่าพ้นกำหนด
การส่งหมายเรียกให้แก้คดีโดยวิธีปิดหมายนั้นตาม ป.วิ.แพ่ง ม.179 กำหนดให้เวลาล่วงแล้ว 15 วันจึงจะมีผล พนักงานส่งจดหมายในวันที่ 4 ก.ย.98 เรื่องการนับระยะเวลาล่วงพ้น 15 วัน จะต้องเริ่มนับแต่วันที่ 5 แล้วเริ่มนับกำหนดยื่นคำให้การภายใน 8 วันตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.98 ครบในวันที่ 28 ก.ย.98 แต่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยผัดยื่นคำให้การได้ 3 วันโดยได้ระบุว่านับแต่วันใด จึงต้องนับต่อจากวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาเดิม คือ เริ่มนับหนึ่งแต่วันที่ 28 ก.ย.98 จำเลยยื่นคำให้การวันที่ 1 ต.ค.98 จึงพ้นกำหนดไป 1 วัน แล้วจึงไม่รับเป็นคำให้การได้.