พบผลลัพธ์ทั้งหมด 184 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินที่ได้มาขณะสมรสเป็นสินสมรส แม้โอนให้ภริยาเดี่ยวๆ สามีมีสิทธิบอกล้างนิติกรรมได้
ภรรยาได้ที่ดินมาโดยการยกให้ ในระหว่างที่อยู่กินเป็นสามีภริยากัน ที่ดินที่ได้มานั้นย่อมเป็นสินสมรสฉะนั้นแม้ที่ดินนั้น จะมีชื่อภริยาเป็นเจ้าของในโฉนดแต่ผู้เดียว ภริยาก็ไม่มีอำนาจเอาที่ดินนั้นไปทำนิติกรรมยกให้ผู้อื่น ถ้าขืนทำไป สามีย่อมมีสิทธิบอกล้างได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1364/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองหนี้โดยปริยายของคู่สมรส: ผลผูกพันทางหนี้สินจากการลงลายมือชื่อเป็นพยาน
หญิงมีสามีก่อหนี้ขึ้นโดยลำพัง แต่ภายหลังได้ทำหนังสือรับสารภาพหนี้สินนั้นขึ้น โดยสามีรับรู้ ลงลายมือชื่อในฐานะเป็นพยานไว้ในเอกสารรับสารภาพหนี้นั้น ย่อมถือว่าสามีรับรองหรือให้สัตยาบันโดบปริยาย สามีจึงต้องรับผิดในหนี้สินนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1364/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองหนี้โดยปริยายของคู่สมรส
หญิงมีสามีก่อหนี้สินขึ้นโดยลำพัง แต่ภายหลังได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้สินนั้นขึ้น โดยสามีรับรู้ ลงลายมือชื่อในฐานะเป็นพยานไว้ในเอกสารรับสภาพหนี้นั้น ย่อมถือว่าสามีรับรองหรือให้สัตยาบันโดยปริยาย สามีจึงต้องรับผิดในหนี้สินนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1179/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์ก่อนล้มละลายและการทำลายการโอน รวมถึงความสามารถในการฟ้องคดีของสตรี
ทรัพย์ที่ผู้ล้มละลายโอนไปยังผู้อื่นแล้ว ก่อนล้มละลายนั้นว่าโดยปกติย่อมยึดไม่ได้ เว้นแต่จะมีการทำลายการโอนนั้นเสียก่อน อำนาจที่จะขอทำลายการโอนนั้นเป็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หาใช่ของโจทก์ในคดีล้มละลายไม่ ฉะนั้นเมื่อมีผู้ร้อง ร้องขอให้ถอนการยึดทรัพย์ในคดีล้มละลายบางสิ่ง โดยอ้างว่าได้รับโอนมาจากผู้ล้มละลายโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พิจารณาแล้วเห็นสมควร จึงสั่งให้ถอนการยึด ดังนี้โจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ย่อมไม่มีผล
หญิงมีสามีย่อมเป็นผู้ไร้ความสามารถแต่เฉพาะในกรณีที่จะผูกพันสินบริคณห์เท่านั้น ส่วนในแง่ผูกพันสินส่วนตัวหาได้เป็นบุคคลผู้ไร้ความสามารถไม่ จึงจะถือว่าหญิงมีสามีเป็นผู้ไร้ความสามารถ จะฟ้องคดีต้องได้รับอนุญาตจากสามีตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 ยังมิได้ เว้นแต่จะเป็นกรณีต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1469 หรือมาตราอื่นๆ ที่ห้ามไว้โดยเฉพาะถ้าหากมีเท่านั้น
หญิงมีสามีย่อมเป็นผู้ไร้ความสามารถแต่เฉพาะในกรณีที่จะผูกพันสินบริคณห์เท่านั้น ส่วนในแง่ผูกพันสินส่วนตัวหาได้เป็นบุคคลผู้ไร้ความสามารถไม่ จึงจะถือว่าหญิงมีสามีเป็นผู้ไร้ความสามารถ จะฟ้องคดีต้องได้รับอนุญาตจากสามีตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 ยังมิได้ เว้นแต่จะเป็นกรณีต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1469 หรือมาตราอื่นๆ ที่ห้ามไว้โดยเฉพาะถ้าหากมีเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1179/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์ก่อนล้มละลายและการทำลายการโอน อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และความสามารถในการฟ้องคดีของสตรี
ทรัพย์ที่ผู้ล้มละลายโอนไปยังผู้อื่นแล้ว ก่อนล้มละลายนั้นว่าโดยปรกติย่อมยึดไม่ได้ เว้นแต่จะมีการทำลายการโอนนั้นเสียก่อน อำนาจที่จะขอทำลายการโอนนั้นเป็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หาใช่ของโจทก์ในคดีล้มละลายไม่ ฉะนั้นเมื่อมีผู้ร้อง ร้องขอให้ถอนการยึดทรัพย์ในคดีล้มละลายบางสิ่ง โดยอ้างว่าได้รับโอนมาจากผู้ล้มละลายโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พิจารณาแล้วเห็นสมควร จึงสั่งให้ถอนการยึด ดังนี้ โจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ย่อมไม่มีผล
หญิงมีสามีย่อมเป็นผู้ไร้ความสามารถแต่เฉพาะในกรณีที่จะผูกพันสินบริคณห์เท่านั้น ส่วนในแง่ผูกพันสินส่วนตัว หาได้เป็นบุคคลผู้ไร้ความสามารถไม่ จึงจะถือว่าหญิงมีสามีเป็ผู้ไร้ความสามารถ จะฟ้องคดีต้องได้รับอนุญาตจากสามีตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 56 ยังมิได้ เว้นแต่จะเป็นกรณีต้องตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1469 หรือมาตราอื่น ๆ ที่ห้ามไว้ โดยเฉพาะถ้าหากมีเท่านั้น
หญิงมีสามีย่อมเป็นผู้ไร้ความสามารถแต่เฉพาะในกรณีที่จะผูกพันสินบริคณห์เท่านั้น ส่วนในแง่ผูกพันสินส่วนตัว หาได้เป็นบุคคลผู้ไร้ความสามารถไม่ จึงจะถือว่าหญิงมีสามีเป็ผู้ไร้ความสามารถ จะฟ้องคดีต้องได้รับอนุญาตจากสามีตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 56 ยังมิได้ เว้นแต่จะเป็นกรณีต้องตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1469 หรือมาตราอื่น ๆ ที่ห้ามไว้ โดยเฉพาะถ้าหากมีเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำบอกล้างนิติกรรมและการสัตยาบันสัญญา
ภรรยาไปทำสัญญาประกันผู้ต้องหาไว้กับศาล แล้วผิดสัญญาถูกศาลสั่งปรับ สามีจึงยื่นคำร้องบอกล้างนิติกรรมสัญญาประกันโดยว่าเป็นโมฆียะกรรม แต่ก่อนศาลจะมีคำสั่งประการใดสามีกลับถอนคำร้องเสีย ดังนี้ ต้องถือว่าเท่ากับไม่ได้ยื่นคำบอกล้างไว้ และถือได้ว่าเป็นการให้สัตยาบันการกระทำของภรรยาไปในตัว ฉะนั้นในภายหลังสามีจะมาบอกล้างอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำร้องบอกล้างนิติกรรมสัญญาประกันถือเป็นการสัตยาบัน ย่อมมีผลผูกพัน
ภรรยาไปทำสัญญาประกันผู้ต้องหาไว้กับศาล แล้วผิดสัญญาถูกศาลสั่งปรับ สามีจึงยื่นคำร้องบอกล้างนิติกรรมสัญญาประกันโดยว่าเป็นโมฆียกรรม แต่ก่อนศาลจะมีคำสั่งประการใดสามีกลับถอนคำร้องเสีย ดังนี้ ต้องถือว่าเท่ากับไม่ได้ยื่นคำบอกล้างไว้ และถือได้ว่าเป็นการให้สัตยาบันการกระทำของภรรยาไปในตัว ฉะนั้นในภายหลังสามีจะมาบอกล้างอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกล้างนิติกรรมซื้อขายสินสมรสที่ภรรยาทำไปโดยโจทก์ทราบภายหลังและปล่อยเวลาผ่านไปนาน จึงขาดสิทธิ
ที่ดินมีชื่อภรรยาผู้เดียวภรรยาได้เอาที่ดินนั้นไปจำนองต่อบุคคลอื่นหลายครั้งหลายหนตลอดจนโอนหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับจำนอง แล้วขอซื้อกลับคืนมาและขายให้แก่ผู้มีชื่อไปผู้ซื้อรับซื้อไว้โดยสุจริต ซื้อขายกันแล้ว ภรรยาได้เช่าที่ดินบ้านเรือนรายพิพาทอยู่ร่วมกับสามีนานถึง 5 ปี สามีจึงเพิ่งบอกล้างนิติกรรมซื้อขายที่พิพาทนี้ดังนี้ เป็นการบอกล้างเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่ง นับแต่เวลาที่จะอาจให้สัตยาบันได้จึงต้องห้ามมิให้บอกล้างตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 143
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บอกล้างนิติกรรมซื้อขายที่ดินเกินกำหนดระยะเวลาตามกฎหมาย
ที่ดินมีชื่อภรรยาผู้เดียวภรรยาได้เอาที่ดินนั้นไปจำนองต่อบุคคลอื่นหลายครั้งหลายหนตลอดจนโอนหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับจำนอง แล้วขอซื้อกลับคืนมาและขายให้แก่ผู้มีชื่อไป ผู้ซื้อรับซื้อไว้โดยสุจริต ซื้อขายกันแล้ว ภรรยาได้เช่าที่ดินบ้านเรือนรายพิพาทอยู่ร่วมกับสามีนานถึง 5 ปี สามีจึงเพิ่งบอกล้างนิติกรรมซื้อขายที่พิพาทนี้ ดังนี้ เป็นการบอกล้างเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่ง นับแต่เวลาที่จะอาจให้สัตยาบันได้จึงต้องห้ามมิให้บอกล้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 143
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภรรยา: การยินยอมถือเป็นสัตยาบันตามกฎหมาย
สามีได้ลงชื่อให้ความยินยอมไว้ในสัญญาซึ่งภรรยาเป็นผู้กู้นั้นเป็นหลักฐานพอให้ถือได้ว่า เป็นหนี้ร่วมตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482(4) ซึ่งบัญญัติว่า 'หนี้ที่สามีหรือภริยาก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายหนึ่งได้ให้สัตยาบัน' เพราะการที่สามีหรือภริยากระทำเช่นนี้ ก็เช่นเดียวกับการรับรองหรือให้สัตยาบันตามความหมายของกฎหมายมาตรานี้แล้ว และในกรณีเช่นนี้ถ้าเจ้าหนี้ฟ้องขอให้ล้มละลายแล้ว ทั้งสามีและภรรยาอาจถูกศาลมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดได้ทั้ง 2 คน