คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 38

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 184 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินที่เกิดจากเงินสินสมรสโดยไม่ได้รับความยินยอมจากคู่สมรสและมีเจตนาทุจริต
ภริยาเอาเงินสินสมรสไปซื้อสวนแล้วโอนใส่ชื่อบุตรของตนซึ่งเกิดกับสามีก่อนโดยเสน่หา โดยสามีมิได้ยินยอม ระหว่างที่สามีบอกล้างและฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมนั้น ภริยากับบุตรเลี้ยงโอนขายที่ดินนั้นให้ผู้อื่น ดังนี้ สามีฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมได้ทั้ง 2 ราย
และเมื่อสามีถอนฟ้องคดีก่อน ซึ่งฟ้องภริยาและบุตรเลี้ยง มาฟ้องใหม่โดยฟ้องภริยา บุตรเลี้ยง และบุคคลภายนอกผู้รับโอนในคดีเดียวกันดังนี้ ไม่ถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ
คดีโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมได้เสียค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์ที่พิพาท 4500 บาท และจำเลยฎีกาโดยเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์ที่พิพาทเช่นเดียวกัน ศาลฎีการับวินิจฉัยข้อเท็จจริงให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1553/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินสมรสและการบอกล้างหนี้: สิทธิเรียกร้องคืนเงินมัดจำเมื่อสามีไม่ยินยอม
ภรรยาไปยืมเงินของโจทก์มาวางมัดจำซื้อที่ดินของจำเลยโดยสามีไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วย กับทั้งยังปฏิเสธหรือบอกล้างการยืมนั้นเสียด้วย ดังนี้ สามีจะกลับมาถือว่าเงินที่ภรรยายืมโจทก์มานั้นยังเป็นสินบริคณห์อยู่ เพื่อเรียกคืนจากจำเลยไม่ได้ และเมื่อสามีไม่มีสิทธิเรียกร้องคืนจากจำเลย โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องจากสามี ก็ย่อมไม่มีสิทธิดีไปกว่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1553/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินสมรสและการบอกล้างหนี้: สามีมิอาจเรียกเงินคืนจากจำเลยได้ หากไม่ยินยอมการยืม
ภรรยาไปยืนเงินของโจทก์มาวางมัดจำซื้อที่ดินของจำเลย โดยสามีไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วย กับทั้งยังปฏิเสธหรือบอกล้างการยืมนั้นเสียด้วย ดังนี้ สามีจะกลับมาถือว่าเงินที่ภรรยายืมโจทก์มานั้นยังเป็นสินบริคณห์อยู่ เพื่อเรียกคืนจากจำเลยไม่ได้ และเมื่อสามีไม่มีสิทธิเรียกร้องคืนจากจำเลย โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องจากสามี ก็ย่อมไม่มีสิทธิดีไปกว่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความบอกล้างโมฆียะกรรมซื้อขายที่ดิน: หากทราบการซื้อขายตั้งแต่แรก ต้องบอกล้างภายใน 1 ปี
โจทก์ทราบว่า ภรรยาโจทก์ได้ขายที่ดินให้แก่จำเลยมาแต่แรก ฉะนั้นโจทก์จึงอาจจะให้สัตยาบันได้มาแต่แรกที่ภรรยาโจทก์ขายที่ดินให้แก่จำเลย แต่โจทก์มิได้บอกล้างนิติกรรมนั้นภายในกำหนด 1 ปีนับแต่เวลาที่อาจให้สัตยาบันได้ คดีจึงขาดอายุความตามมาตรา 143 ป.ม.แพ่ง ฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความบอกล้างโมฆียะกรรม: ทราบการซื้อขายตั้งแต่แรก ไม่บอกล้างภายใน 1 ปี คดีขาดอายุความ
โจทก์ทราบว่า ภรรยาโจทก์ได้ขายที่ดินให้แก่จำเลยมาแต่แรกฉะนั้นโจทก์จึงอาจจะให้สัตยาบันได้มาแต่แรกที่ภรรยาโจทก์ขายที่ดินให้แก่จำเลยแต่โจทก์มิได้บอกล้างนิติกรรมนั้นภายในกำหนด 1 ปีนับแต่เวลาที่อาจให้สัตยาบันได้ คดีจึงขาดอายุความตามมาตรา 143ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทางจำเป็น vs. ภาระจำยอม: ศาลพิจารณาจากข้อเท็จจริงและหนังสืออนุญาตของสามี แม้มีคำขอภาระจำยอมแต่ไม่ได้บรรยายเหตุ
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นหญิงมีสามี ไม่อาจดำเนินคดีฟ้องร้องโดยลำพังตนเองได้เท่านั้น จำเลยไม่ได้คัดค้านว่า ไม่ได้รับอนุญาตจากสามี หรือหนังสืออนุญาตใช้ไม่ได้ เพราะเหตุใด เมื่อศาลพอใจในความสามารถของโจทก์ตามหนังสืออนุญาตของสามีโจทก์ที่ติดมาท้ายฟ้องแล้วเป็นอันฟังได้ว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องคดี ไม่จำต้องนำสืบอีก
โจทก์บรรยายฟ้องเรื่องทางจำเป็นและมีคำขอเรื่องภารจำยอมอยู่ท้ายฟ้อง แต่โจทก์มิได้บรรยายในฟ้องว่าเป็นทางภารจำยอมเพราะเหตุใด ย่อมต้องถือว่าโจทก์ฟ้องคดีในเรื่องทางจำเป็นอย่างเดียว
แม้เจ้าของที่ดิน ซึ่งตกอยู่ในที่ล้อมจะมีทั้งสิทธิที่จะผ่านที่ดินของผู้อื่นและหน้าที่ชดใช้ค่าทดแทนให้แก่เขาก็ดี มาตรา 1349 ไม่ได้บังคับให้ปฏิบัติหน้าที่เสียก่อนแล้วจึงใช้สิทธิได้ ฉะนั้นเมื่อจำเลย ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิเรียกค่าทดแทนยังไม่เรียกร้องเอาค่าทดแทนขึ้นมาในคดีนี้ คดีก็ไม่มีประเด็นจะให้ศาลวินิจฉัยถึง (อ้างฎีกา 311/2489)
พิพาทกันเรื่องทางเดินวิวาทซึ่งรับกันว่าที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อม ที่ดินของจำเลยได้ล้อมอยู่ แม้โจทก์จะระบุเลขโฉนดผิด ก็ไม่เป็นการเสียหายแก่รูปคดีอย่างไร
โจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็น ศาลชั้นต้นฟังว่าเป็นทางภารจำยอมศาลอุทธรณ์ฟังว่าเป็นทางภารจำยอมและทางจำเป็นพิพากษาให้เปิดทางจำเป็นคู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้ในการยึดสินบริคณีของคู่สมรสที่ล้มละลาย แม้หนี้เกิดก่อนบังคับใช้ ป.ม.แพ่ง
เมื่อภริยาต้องคำพิพากษาให้ล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีสิทธิจะยึดสินบริคนห์มาแบ่งแยกส่วนของผู้ล้มละลายได้
หญิงมีสามีเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะแล้ว นิติกรรมที่ได้ทำขึ้นจึงผูกพันธ์หญิงตาม ป.ม.แพ่งฯ ม. 37
เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาให้ล้มละลายแล้ว หนี้ที่ฟ้องล้มละลายจะเกิน 10 ปี แล้วก็ไม่มีเหตุทีจะถือว่าคำพิพากษาไม่สมบูรณ์แต่อย่างใด
แม้จะเป็นหนี้เกิดก่อนวันใช้ ป.ม.แพ่งฯบรรพ 5 ก็ดี ก็แบ่งแยกสินบริคนห์ตาม ป.ม.แพ่งฯ ม.1484 ได้ ไม่ขัดกับบท ก.ม.เก่าหรือใหม่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดสินบริคณห์เมื่อภริยาล้มละลาย แม้หนี้เกิดก่อนบังคับใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
เมื่อภริยาต้องคำพิพากษาให้ล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีสิทธิจะยึดสินบริคณห์มาแบ่งแยกส่วนของผู้ล้มละลายได้
หญิงมีสามีเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะแล้ว นิติกรรมที่ได้ทำขึ้นจึงผูกพันหญิงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 37
เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาให้ล้มละลายแล้ว หนี้ที่ฟ้องล้มละลายจะเกิน 10 ปีแล้วก็ไม่มีเหตุที่จะถือว่าคำพิพากษาไม่สมบูรณ์แต่อย่างใด
แม้จะเป็นหนี้เกิดก่อนวันใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 ก็ดี ก็แบ่งแยกสินบริคณห์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1484 ได้ ไม่ขัดกับบทกฎหมายเก่าหรือใหม่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2488

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยร่วม: ผู้ร้องสอดมีสิทธิจำกัดเท่าจำเลย ไม่สามารถใช้สิทธิเหนือกว่าได้
การที่มีผู้ร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมนั้น ผู้ร้องสอดมีสิทธเท่าจำเลยเท่านั้น จะใช้สิทธินอกเหนือไปกว่าจำเลยหาได้ไม่
การที่สามีร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมกับภริยา จะปฏิเสธสัญญาที่จำเลยได้ทำไว้กับโจทก์ว่าไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วยตกเป็นโมฆะนั้น ซึ่งภริยาผู้ร้องสอดมิได้ต่อสู้ไว้ เช่นนี้ไม่ได้ ถือว่าเป็นการใช้สิทธิอย่างอื่นนอกไปจากสิทธิที่จำเลยมีอยู่ตามมาตรา 58 วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2488

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิภริยาฟ้องเรียกคืนสินเดิม สามีจำหน่ายโดยไม่สุจริต/ไม่ได้รับความยินยอม และผลกระทบต่อบุคคลภายนอก
การที่สามีละทิ้งภริยาไปได้กับหญิงอื่น หาทำให้ขาดจากการเป็นสามีภริยาไม่
สามีเอาสินเดิมของภริยาไปขายโดยไม่ได้รับความยินยอมของภริยานั้น ถ้าผู้ซื้อไม่รู้ว่าเป็นสินเดิมของภริยาก็ได้ทรัพย์เป็นสิทธิ ถ้ารู้ก็เป็นกรณีที่ซื้อโดยไม่สุจริต ภริยาฟ้องเรียกคืนได้
ภริยามีอำนาจฟ้องเรียกสินเดิมซึ่งสามีโอนขายโดยไมได้รับความยินยอมจากตนโดยไม่ต้องรับอนุญาตจากสามี
of 19