พบผลลัพธ์ทั้งหมด 286 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057-1058/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินโดยผู้ขายรู้ว่ามีผู้อื่นครอบครองก่อนแล้ว ทำให้ผู้ซื้อไม่สุจริต และไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่
ผู้ที่ซื้อที่ดินมีโฉนดมาโดยเสียค่าตอบแทน และจดทะเบียนสิทธิแล้วมีการรังวัด จึงปรากฎว่าที่ดินส่วนหนึ่งมีคนครอบครองมาเกิน 10 ปีได้กรรมสิทธิ์ทั้งก่อนที่จะซื้อที่ดินแปลงนั้นตนก็รู้ว่าเขาครอบครองที่ดินส่วนนั้นอยู่ ดังนี้ ถือว่า ผู้ซื้อซื้อไว้โดยไม่สุจริต จึงหามีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้ที่ครอบครองที่ดินส่วนนั้นจนได้กรรมสิทธิแล้วไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1543/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองและการซื้อที่ดินโดยไม่สุจริต ผู้รับโอนต้องตรวจสอบสิทธิของผู้ครอบครองก่อน
โจทก์ซื้อที่พิพาทจากนายทองสุขและได้จัดการโอนโฉนดจดทะเบียนการโอนกันถูกต้อง แต่ที่พิพาทนี้จำเลยปกครองมาเกิน 10 ปีโดยเจตนาเป็นเจ้าของ เวลาซื้อนายทองสุขบอกโจทก์ว่าจำเลยเช่าแต่โจทก์ไม่ถามจำเลย เมื่อฟังว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทมาเกิน 10 ปี โดยเจตนาเป็นเจ้าของ จำเลยก็ย่อมได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครอง แต่จะยกขึ้นต่อสู้บุคคลภายนอกผู้รับโอนโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนได้ก็ต่อเมื่อได้ไปจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ไว้ต่อเจ้าพนักงาน
แต่ในคดีนี้ศาลฟังว่าโจทก์ได้รับโอนที่พิพาทจากนายทองสุขไปโดยเสียค่าตอบแทน แต่ไม่สุจริตจึงใช้ยันจำเลยไม่ได้
ศาลอาจฟังพยานทั้งสองฝ่ายรวมกันไป แล้วชี้ว่า ได้กระทำโดยสุจริตหรือทำโดยไม่สุจริตได้.
แต่ในคดีนี้ศาลฟังว่าโจทก์ได้รับโอนที่พิพาทจากนายทองสุขไปโดยเสียค่าตอบแทน แต่ไม่สุจริตจึงใช้ยันจำเลยไม่ได้
ศาลอาจฟังพยานทั้งสองฝ่ายรวมกันไป แล้วชี้ว่า ได้กระทำโดยสุจริตหรือทำโดยไม่สุจริตได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1543/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิในที่ดินโดยไม่สุจริต ผู้รับโอนเสียสิทธิเรียกร้องแม้มีการจดทะเบียน หากผู้ครอบครองได้กรรมสิทธิ์จากการครอบครองเกิน 10 ปี
โจทก์ซื้อที่พิพาทจากนายทองสุขและได้จัดการโอนโฉนดจดทะเบียนการโอนกันถูกต้อง แต่ที่พิพาทนี้จำเลยปกครองมาเกิน 10 ปีโดยเจตนาเป็นเจ้าของ เวลาซื้อนายทองสุขบอกโจทก์ว่าจำเลยเช่าแต่โจทก์ไม่ถามจำเลย เมื่อฟังว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทมาเกิน 10 ปีโดยเจตนาเป็นเจ้าของ จำเลยก็ย่อมได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครอง แต่จะยกขึ้นต่อสู้บุคคลภายนอกผู้รับโอนโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนได้ก็ต่อเมื่อได้ไปจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ไว้ต่อเจ้าพนักงาน
แต่ในคดีนี้ศาลฟังว่าโจทก์ได้รับโอนที่พิพาทจากนายทองสุขไปโดยเสียค่าตอบแทน แต่ไม่สุจริตจึงใช้ยันจำเลยไม่ได้
ศาลอาจฟังพยานทั้งสองฝ่ายรวมกันไป แล้วชี้ว่าได้กระทำโดยสุจริตหรือทำโดยไม่สุจริต ได้
แต่ในคดีนี้ศาลฟังว่าโจทก์ได้รับโอนที่พิพาทจากนายทองสุขไปโดยเสียค่าตอบแทน แต่ไม่สุจริตจึงใช้ยันจำเลยไม่ได้
ศาลอาจฟังพยานทั้งสองฝ่ายรวมกันไป แล้วชี้ว่าได้กระทำโดยสุจริตหรือทำโดยไม่สุจริต ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการสินสมรสและการพิสูจน์การสมยอมซื้อขาย หากอ้างเป็นโมฆะ ผู้กล่าวอ้างต้องมีหน้าที่พิสูจน์
สามีเป็นผู้จัดการและมีอำนาจจำหน่ายสินบริคนห์ตาม ป.พ.พ.ม.1468,1473 เมื่อภริยาอ้างว่าการซื้อขายสินบริคนห์ระหว่างสามีกับผู้ซื้อเป็นการสมยอมกันเป็นโมฆะ ภริยาผู้อ้างก็มีหน้าที่จะต้องนำสืบให้ได้ความตามนั้น จึงจะชนะคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการสินสมรส & การพิสูจน์การสมยอมซื้อขาย: สามีมีอำนาจขายได้ หากโจทก์อ้างสมยอมต้องพิสูจน์
สามีเป็นผู้จัดการและมีอำนาจจำหน่ายสินบริคนห์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1468,1473 เมื่อภริยาอ้างว่าการซื้อขายสินบริคนห์ระหว่างสามีกับผู้ซื้อเป็นการสมยอมกันเป็นโมฆะ ภริยาผู้อ้างก็มีหน้าที่จะต้องนำสืบให้ได้ความตามนั้น จึงจะชนะคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เช่าชำระค่าเช่าให้ผู้จัดการมรดกโดยสุจริต โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่และเรียกค่าเช่า
การที่ผู้เช่าห้องพิพาทจากภริยาโจทก์ที่ตาย ได้ทำสัญญาเช่าใหม่และชำระค่าเช่าต่อผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมของภริยาโจทก์โดยสุจริตนั้นโจกท์จะมาฟ้องขับไล่และให้ผู้เช่าชำระค่าเช่าต่อโจทก์ไม่ได้เพราะไม่มีเหตุผลจะถือว่าผู้เช่าผิดนัด
เมื่อมีผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามพินัยกรรมอยู่แล้ว หากสามีผู้ตายอ้างว่ามีสทิธิจัดการมรดกตามคำสั่งศาลและในฐานเป็นสามีผู้ตายก็ชอบที่สามีผู้ตายจะไปว่ากล่าวในคดีหนึ่งต่างหากจากคดีขอขับไล่ผู้เช่า
เมื่อมีผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามพินัยกรรมอยู่แล้ว หากสามีผู้ตายอ้างว่ามีสทิธิจัดการมรดกตามคำสั่งศาลและในฐานเป็นสามีผู้ตายก็ชอบที่สามีผู้ตายจะไปว่ากล่าวในคดีหนึ่งต่างหากจากคดีขอขับไล่ผู้เช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เช่าชำระค่าเช่าให้ผู้จัดการมรดกโดยสุจริต โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่
การที่ผู้เช่าห้องพิพาทจากภริยาโจทก์ที่ตาย ได้ทำสัญญาเช่าใหม่และชำระค่าเช่าต่อผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมของภริยาโจทก์โดยสุจริตนั้นโจทก์จะมาฟ้องขับไล่และให้ผู้เช่าชำระค่าเช่าต่อโจทก์ไม่ได้เพราะไม่มีเหตุจะถือว่าผู้เช่าผิดนัด
เมื่อมีผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามพินัยกรรมอยู่แล้วหากสามีผู้ตายอ้างว่ามีสิทธิจัดการมรดกตามคำสั่งศาลและในฐานเป็นสามีผู้ตายก็ชอบที่สามีผู้ตายจะไปว่ากล่าวเป็นคดีหนึ่งต่างหากจากคดีขอขับไล่ผู้เช่า
เมื่อมีผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามพินัยกรรมอยู่แล้วหากสามีผู้ตายอ้างว่ามีสิทธิจัดการมรดกตามคำสั่งศาลและในฐานเป็นสามีผู้ตายก็ชอบที่สามีผู้ตายจะไปว่ากล่าวเป็นคดีหนึ่งต่างหากจากคดีขอขับไล่ผู้เช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์เรือที่ถูกยึดโดยสหประชาชาติและจำเลยซื้อต่อโดยสุจริต โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
เรือของโจทก์ซึ่งให้บริษัทญี่ปุ่นเช่าไป และภายหลังถูกสหประชาชาติยึดมาให้จำเลยเช่าากเรือลำเลียงให้สหประชาชาติ และเรือนั้นได้เปลี่ยนชื่อใหม่ต่อมาสหประชาชาตได้ขายเรือนั้นให้จำเลย การที่เรือมาตกอยู่ในความครอบครองครองของสหประชาชาตและจำเลยนั้น เป็นไปตามข้อตกลงที่ทำกันระหว่างรัฐบาลไทยกับสหประชาชาต ดังนี้จำเลยผู้รับซื้อย่อมได้กรรมสิทธิ์และเมื่อไม่ปรากฏว่า จำเลยได้รับซื้อไว้โดยไม่สุจริตอย่างใดแล้ว จะถือว่าละเมิดมิได้ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์เรือที่ถูกยึดโดยสหประชาชาติ: การซื้อโดยสุจริตของผู้รับซื้อ
เรือของโจทก์ซึ่งให้บริษัทญี่ปุ่นเช่าไปและภายหลังถูกสหประชาชาติยึดมาให้จำเลยเช่าลากเรือลำเลียงให้สหประชาชาติ และเรือนั้นได้เปลี่ยนชื่อใหม่ต่อมาสหประชาชาติได้ขายเรือนั้นให้จำเลย การที่เรือมาตกอยู่ในความครอบครองของสหประชาชาติและจำเลยนั้น เป็นไปตามข้อตกลงที่ทำกันระหว่างรัฐบาลไทยกับสหประชาชาติ ดังนี้จำเลยผู้รับซื้อย่อมได้กรรมสิทธิ์และเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับซื้อไว้โดยไม่สุจริตอย่างใดแล้ว จะถือว่าละเมิดมิได้ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 560/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายสินบริคณห์โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือ โมฆียะ และหน้าที่นำสืบของผู้โต้แย้ง
ภริยาเอาที่ดินอันเป็นสินบริคณห์ไปทำนิติกรรมโอนขายโดยสามีมิได้ยินยอมเป็นหนังสือ ดังนี้ขัดต่อ ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1476
การที่จำเลยยกอายุความบอกล้างโมฆียะกรรมขึ้นต่อสู้ตามมาตรา 143 ก็ดีและต่อสู้ว่า โจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริต ซึ่งเป็นเรื่องยกข้อเท็จจริงขึ้นต่อสู้เพื่อหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมาย ตามมาตรา 6 ทั้ง 2 ประการนี้เป็นหน้าที่จำเลยต้องนำสืบแพ้คดี
การที่จำเลยยกอายุความบอกล้างโมฆียะกรรมขึ้นต่อสู้ตามมาตรา 143 ก็ดีและต่อสู้ว่า โจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริต ซึ่งเป็นเรื่องยกข้อเท็จจริงขึ้นต่อสู้เพื่อหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมาย ตามมาตรา 6 ทั้ง 2 ประการนี้เป็นหน้าที่จำเลยต้องนำสืบแพ้คดี