คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 6

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 286 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4708/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของตัวการต่อบุคคลภายนอกจากการกระทำเกินอำนาจของตัวแทน และผลกระทบต่อสิทธิของผู้รับซื้อโดยสุจริต
ตามคำฟ้องและทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฎว่า โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 รับซื้อฝากที่พิพาทโดยทุจริตแต่อย่างใด โจทก์อ้างเพียงว่า สัญญาขายฝากระหว่างจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นโมฆะ เพราะจำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจขายฝากที่พิพาทเท่านั้น จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่า รับซื้อฝากที่พิพาทไว้โดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 6 การที่ตัวการลงลายมือชื่อไว้ในหนังสือมอบอำนาจโดยไม่กรอกข้อความไว้ ภายหลังจำเลยที่ 1 โดยทุจริตได้นำใบมอบอำนาจดังกล่าวไปกรอกข้อความแล้วขายฝากที่พิพาทให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นกรณีเข้าลักษณะความรับผิดของตัวการต่อบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 822 ซึ่งเป็นเรื่องที่ตัวแทนคือจำเลยที่ 1 ทำการเกินอำนาจตัวแทน แต่ทางปฏิบัติของตัวการทำให้บุคคลภายนอกมีมูลเหตุอันสมควรจะเชื่อว่า การอันนั้นอยู่ภายในขอบอำนาจของตัวแทน ตัวการจึงต้องรับผิดต่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริต โจทก์ซึ่งเป็นทายาทของตัวการย่อมไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการขายฝากดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3459/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินราคาศุลกากรต้องพิจารณาชนิด เวลาที่นำเข้า และปัจจัยตลาด หากโจทก์พิสูจน์ราคาอันแท้จริงไม่ได้ ให้สันนิษฐานตามราคาที่สำแดง
โจทก์ฟ้องว่า ราคาสินค้าที่จำเลยสำแดงไว้ในใบขนสินค้าต่ำกว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาด จำเลยให้การว่าราคาสินค้าในใบขนสินค้าสำแดงตามราคาท้องตลาดที่แท้จริง ดังนี้ เป็นการปฏิเสธข้อกล่าวอ้างในคำฟ้องของโจทก์ ภาระการพิสูจน์ตามข้ออ้างตกเป็นหน้าที่โจทก์ผู้กล่าวอ้าง
การที่จะถือว่าเป็น "ราคาอันแท้จริงในท้องตลาด" หรือ "ราคา" ตามความหมายของพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 2 นั้น จะต้องพิจารณาถึงประเภท ชนิด เวลาที่นำเข้าของสินค้าเป็นสำคัญ ส่วนการจะเรียกเก็บภาษีอากรในพิกัดเดียวกันหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้า ภาวะความต้องการของผู้บริโภค ตามเวลาและโอกาสที่แตกต่างกัน
เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมานำสืบสนับสนุนข้ออ้างของตนที่ว่า ราคาสินค้าที่จำเลยสำแดงไว้ในใบขนสินค้าต่ำกว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาด และจำเลยไม่สุจริตอย่างไร ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังตามข้อต่อสู้ของจำเลยว่าราคาสินค้าที่สำแดงไว้ในใบขนสินค้าสำแดงตามราคาท้องตลาดที่แท้จริงตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 6

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2869/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ vs. สิทธิของบุคคลภายนอกผู้ได้มาโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน
แม้ผู้ร้องได้ครอบครองปรปักษ์ในที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว แต่เมื่อผู้ร้องไม่ได้จดทะเบียนสิทธิของตนไว้ ทั้งไม่ได้กล่าวอ้างว่าโจทก์รับจำนองที่พิพาทไว้โดยไม่สุจริตเพื่อตั้งประเด็นไว้ในคำร้อง จึงฟังได้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเป็นผู้ได้มาซึ่งสิทธิจำนองที่พิพาทโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธินั้นแล้วโดยสุจริต โจทก์ย่อมได้รับความคุ้มครองในสิทธิแห่งตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรคสอง ผู้ร้องไม่มีสิทธิที่จะขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการได้รับเงินสินบนนำจับของเจ้าหน้าที่ แม้จะเกี่ยวข้องกับเจ้าของของกลาง และการมีข้อพิพาทเกี่ยวกับของกลาง
โจทก์เป็นผู้แจ้งความนำจับของกลาง และการจับกุมดังกล่าวเป็นผลสำเร็จก็เนื่องจากการแจ้งความของโจทก์ อันเข้าหลักเกณฑ์ตามระเบียบของจำเลยว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัล พ.ศ. 2517ที่จำเลยจะต้องจ่ายเงินสินบนแก่โจทก์ แม้โจทก์เป็นลูกจ้างของเจ้าของของกลางและรู้เห็นในการกระทำผิดนั้น ก็มิได้เป็นข้อห้ามหรือข้อยกเว้นตามระเบียบดังกล่าว ที่จำเลยจะยกขึ้นเป็นเหตุเพื่อปฏิเสธการจ่ายเงินสินบนนำจับในกรณีนี้ได้ โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินสินบนตามระเบียบดังกล่าวจึงมิใช่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ตามระเบียบของจำเลยว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัลพ.ศ. 2517 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 102 ตรีแห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินสินบนนำจับไว้ตามข้อ 4,5 และให้อำนาจอธิบดีกรมศุลกากรในการจ่ายเงินสินบนไว้ในข้อ 10 ว่า ในกรณีที่เห็นสมควรอธิบดีกรมศุลกากรจะรอการจ่ายเงินสินบนและรางวัลทั้งหมดหรือบางส่วนไว้พลางก่อนก็ได้ เมื่อการขายของกลางรายนี้มีกรณีพิพาทและมีการฟ้องกรมศุลกากรเป็นจำเลย คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เห็นได้ว่าเงินค่าขายของกลางมีปัญหาที่ยังไม่ยุติไม่แน่ว่าคดีดังกล่าวกรมศุลกากรจะแพ้หรือชนะ ทั้งการจ่ายเงินสินบนตามกฎหมายและระเบียบของจำเลยจะต้องจ่ายจากเงินของกลางนั้นเอง ที่จำเลยยังไม่จ่ายเงินสินบนแก่โจทก์ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงมีเหตุอันสมควรซึ่งอาจยกขึ้นอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบปฏิบัติของจำเลย โจทก์ยังไม่มีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยให้จ่ายเงินสินบน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการได้รับเงินสินบนนำจับของผูแจ้งเบาะแส แม้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด และเหตุผลที่กรมศุลกากรชะลอการจ่ายเงิน
โจทก์เป็นผู้แจ้งความนำจับของกลาง และการจับกุมดังกล่าวเป็นผลสำเร็จก็เนื่องจากการแจ้งความของโจทก์ อันเข้าหลักเกณฑ์ตามระเบียบของกรมศุลกากรจำเลยว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัล พ.ศ. 2517 ที่จำเลยจะต้องจ่ายเงินสินบนแก่โจทก์ แม้โจทก์เป็นลูกจ้างของเจ้าของของกลางและรู้เห็นในการกระทำผิดนั้นก็มิได้เป็นข้อห้ามหรือข้อยกเว้นตามระเบียบดังกล่าวที่จำเลยจะยกขึ้นเป็นเหตุเพื่อปฏิเสธการจ่ายเงินสินบนนำจับในกรณีนี้ได้ โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินสินบนตามระเบียบดังกล่าวจึงมิใช่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ตามระเบียบของจำเลยว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัลพ.ศ. 2517 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 102 ตรี แห่งพระราชบัญญัติ ศุลกากร พ.ศ. 2469 ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินสินบนนำจับไว้ตามข้อ 4,5 และให้อำนาจอธิบดีกรมศุลกากรในการจ่ายเงินสินบนไว้ในข้อ 10 ว่า ในกรณีที่เห็นสมควรอธิบดีกรมศุลกากรจะรอการจ่ายเงินสินบนและรางวัลทั้งหมดหรือบางส่วนไว้พลางก่อนก็ได้ เมื่อการขายของกลางรายนี้มีกรณีพิพาทและมีการฟ้องกรมศุลกากรเป็นจำเลย คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เห็นได้ว่าเงินค่าขายของกลางมีปัญหาที่ยังไม่ยุติไม่แน่ว่าคดีดังกล่าวกรมศุลกากรจะแพ้หรือชนะ ทั้งการจ่ายเงินสินบนตามกฎหมายและระเบียบของจำเลยจะต้องจ่ายจากเงินของกลางนั้นเอง ดังนี้ ที่จำเลยยังไม่จ่ายเงินสินบนแก่โจทก์ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงมีเหตุอันสมควรซึ่งอาจยกขึ้นอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบปฏิบัติของจำเลย โจทก์ยังไม่มีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยให้จ่ายเงินสินบน.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3484/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในนิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์ การใช้สิทธิอายัดรถยนต์โดยสุจริต
จำเลยซื้อรถยนต์พิพาทมาจากป. แต่ยังไม่ได้โอนทะเบียนเป็นชื่อจำเลยต่อมามีผู้อ้างว่าชื่อธ. นำรถยนต์มาขอแลกเปลี่ยนกับรถยนต์พิพาทจำเลยก็ตกลงแลกเปลี่ยนให้หลังจากนั้นโจทก์ได้รับซื้อรถยนต์พิพาทไว้จากชายคนหนึ่งอีก2วันต่อมาจำเลยทราบว่าทะเบียนรถที่ธ. นำมาแลกเปลี่ยนเป็นทะเบียนปลอมเจ้าของรถที่แท้จริงไม่ใช่ธ. จำเลยจึงไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนและขออายัดรถยนต์พิพาทไว้เมื่อได้ความว่าก่อนตกลงแลกเปลี่ยนรถกันจำเลยได้ตรวจดูเลขเครื่องในตัวถังรถยนต์ที่ธ. นำมาขอแลกเปลี่ยนแล้วปรากฏว่าตรงกับในทะเบียนรถและรูปถ่ายในบัตรประชาชนที่นำมาแสดงเหมือนกับผู้ที่อ้างว่าเป็นธ. ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังพอสมควรแล้วแม้จะถือว่านิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์พิพาทตกเป็นโมฆะเพราะทำด้วยสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมก็ไม่ใช่เรื่องที่จำเลยกระทำด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงจำเลยจึงไม่ต้องห้ามในอันที่จะยกความไม่สมบูรณ์หรือโมฆะกรรมนั้นมาใช้เป็นประโยชน์แก่ตน และย่อมมีสิทธิในการขออายัดรถยนต์พิพาทได้โดยไม่ต้องรับผิดในการขออายัดดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2746/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยครอบครองปรปักษ์ ยันผู้รับโอนกรรมสิทธิ์โดยสุจริตไม่ได้
จำเลยที่ 1 ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนดโดยการครอบครอง ปรปักษ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 เป็นการได้ทรัพย์สิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม เมื่อจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้จดทะเบียนการได้มา จำเลยที่ 1 จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วหาได้ไม่ ตามมาตรา 1299 วรรคสอง และตามมาตรา 6 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริต เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนที่ดินมาโดยไม่สุจริตจึงต้องฟังว่าโจทก์ได้รับโอนมาโดยเสียค่าตอบแทนและ โดยสุจริต และได้จดทะเบียนโดยสุจริตแล้ว จำเลยที่ 1 จึงอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ยันโจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2746/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยครอบครองปรปักษ์ และสิทธิของผู้รับโอนที่จดทะเบียนโดยสุจริต
จำเลยที่ 1 ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนดโดยการครอบครองปรปักษ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 เป็นการได้ทรัพย์สิทธิ อันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม เมื่อจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้จดทะเบียนการได้มา จำเลยที่ 1 จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้ จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วหาได้ไม่ ตามมาตรา 1299 วรรคสอง และตามมาตรา 6 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริต เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนที่ดินมาโดยไม่สุจริตจึงต้องฟังว่าโจทก์ได้รับโอนมาโดยเสียค่าตอบแทนและ โดยสุจริต และได้จดทะเบียนโดยสุจริตแล้ว จำเลยที่ 1 จึงอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ที่ได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ยันโจทก์ ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2746/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ ย่อมไม่ผูกพันผู้รับโอนที่ได้กรรมสิทธิ์โดยสุจริตและจดทะเบียน
จำเลยที่1ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนดโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382เป็นการได้ทรัพย์สิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรมเมื่อจำเลยที่1ยังไม่ได้จดทะเบียนการได้มาจำเลยที่1จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วหาได้ไม่ตามมาตรา1299วรรคสองและตามมาตรา6ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริตเมื่อจำเลยที่1มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนที่ดินมาโดยไม่สุจริตจึงต้องฟังว่าโจทก์ได้รับโอนมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโดยสุจริตแล้วจำเลยที่1จึงอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ยันโจทก์ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2383/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดกโดยทายาทร่วม การหักเงินที่ได้รับไปแล้วออกจากส่วนแบ่ง และผลของการตกลงด้วยวาจา
โจทก์และจำเลยทั้งเจ็ดเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับผู้ตายซึ่งไม่มีภริยาและบุตรส่วนบิดามารดาก็ถึงแก่ความตายไปก่อนแล้วโจทก์และจำเลยทั้งเจ็ดจึงต่างเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายชอบที่จะได้รับส่วนแบ่งทรัพย์มรดกเท่ากัน นอกจากทรัพย์มรดกพิพาทคดีนี้แล้วผู้ตายยังมีทองนากเงินเพชรและพลอยแต่โจทก์กับจำเลยทั้งเจ็ดได้ตกลงแบ่งทรัพย์ดังกล่าวกันไปแล้วโดยโจทก์ได้รับคิดเป็นเงิน222,000บาทและโจทก์ขอสละสิทธิในทรัพย์มรดกพิพาทที่ยังไม่ได้แบ่งปันกันส่วนจำเลยทั้งเจ็ดได้รับคิดเป็นเงินคนละ25,500บาทเท่ากันเมื่อปรากฏว่าข้อตกลงดังกล่าวไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อโจทก์เป็นสำคัญย่อมไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะเรียกร้องให้แบ่งทรัพย์มรดกพิพาทคดีนี้อีกและไม่ถือว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์ได้รับแบ่งปันทรัพย์มรดกที่เป็นทองนากเงินเพชรและพลอยไปแล้วคิดเป็นเงิน222,000บาทส่วนจำเลยทั้งเจ็ดได้รับเป็นเงินคนละ25,500บาททรัพย์มรดกที่แบ่งปันกันไปแล้วจึงมีราคารวมทั้งสิ้นเป็นเงิน400,500บาทถ้าแบ่งตามสิทธิคนละ1ใน8ส่วนเท่าๆกันจะได้รับเป็นเงินคนละ50,062บาท50สตางค์โจทก์จึงได้รับแบ่งปันมากกว่าส่วนที่โจทก์จะได้ไปเป็นจำนวนเงิน171,937บาท50สตางค์จึงต้องนำเงินจำนวนดังกล่าวหักออกจากส่วนแบ่งทรัพย์มรดกพิพาทของโจทก์.
of 29