คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 243

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 48 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ลายเซ็นใน ส.ค.๑ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ หากไม่กระทบต่อเขตที่ดินพิพาท
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเบิกความเท็จในคดีแพ่งว่า ลายเซ็นใน ส.ค.1 ไม่ใช่ลายเซ็นของจำเลย ครั้นเมื่อสืบพยานบุคคลของโจทก์แล้ว โจทก์ขอส่ง ส.ค.1 ไปให้ผู้ชำนาญ พิสูจน์ว่าลายเซ็นใน ส.ค.1 นั้นใช่ลายเซ็นของจำเลยหรือไม่ ศาลชั้นต้นสั่งงดไม่ให้สืบและตรวจพิสูจน์ แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียทีเดียว เช่นนี้ เป็นการไม่ชอบ แต่เมื่อปรากฏว่าในคดีแพ่งนั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินโดยมิได้ทำการยึดและรังวัดเขตให้แน่นอน ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่าเขตที่ดินที่โจทก์อ้างว่าได้จากการขายทอดตลาดนั้นแค่ไหนแน่ ตาม ส.ค.1 ไม่ปรากฏเขตแน่นอน เนื้อที่ก็เพียงประมาณ ผู้แจ้งการครอบครองจะได้ครอบครองแค่ไหนเพียงใด ก็ฟังเอาเป็นหลักฐานแน่นอนมิได้ พยานที่เซ็นใน ส.ค.1 ก็ไม่ปรากฏว่าเซ็นกันอย่างไร ไม่มีระเบียบแน่นอน ดังนี้ จึงต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานอื่นในท้องสำนวน ฉะนั้น ถึงแม้จำเลยจะเซ็นชื่อในฐานพยานใน ส.ค.1 จริง ก็มิได้เป็นหลักฐานเพิ่มพูนที่จะทำให้ฟังได้ว่าที่ดินที่โจทก์ซื้อจากการขายทอดตลาดมีเขตแค่ไหนแต่อย่างใด และถึงแม้ที่จำเลยเบิกความว่าลายเซ็นนั้นมิใช่ลายเซ็นของจำเลยอันเป็นความเท็จก็ตาม ก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีดังกล่าว จำเลยยังไม่ผิด จึงไม่ต้องส่ง ส.ค.1 ไปให้ผู้ชำนาญตรวจพิสูจน์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ลายเซ็นใน ส.ค.1 ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีข้อพิพาทเกี่ยวกับเขตที่ดิน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเบิกความเท็จในคดีแพ่งว่า ลายเซ็นใน ส.ค.1 ไม่ใช่ลายเซ็นของจำเลย ครั้นเมื่อสืบพยานบุคคลของโจทก์แล้ว โจทก์ขอส่ง ส.ค.1 ไปให้ผู้ชำนาญพิสูจน์ว่าลายเซ็นใน ส.ค.1 นั้นใช่ลายเซ็นของจำเลยหรือไม่ศาลชั้นต้นสั่งงดไม่ให้สืบและตรวจพิสูจน์แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียทีเดียว เช่นนี้ เป็นการไม่ชอบแต่เมื่อปรากฏว่าในคดีแพ่งนั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินโดยมิได้ทำการยึดและรังวัดเขตให้แน่นอนประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่าเขตที่ดินที่โจทก์อ้างว่าได้จากการขายทอดตลาดนั้นแค่ไหนแน่ตาม ส.ค.1ไม่ปรากฏเขตแน่นอนเนื้อที่ก็เพียงประมาณผู้แจ้งการครอบครองจะได้ครอบครองแค่ไหนเพียงใด ก็ฟังเอาเป็นหลักฐานแน่นอนมิได้พยานที่เซ็นใน ส.ค.1 ก็ไม่ปรากฏว่าเซ็นกันอย่างไรไม่มีระเบียบแน่นอน ดังนี้ จึงต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานอื่นในท้องสำนวน ฉะนั้นถึงแม้จำเลยจะเซ็นชื่อในฐานพยานใน ส.ค.1 จริงก็มิได้เป็นหลักฐานเพิ่มพูนที่จะทำให้ฟังได้ว่าที่ดินที่โจทก์ซื้อจากการขายทอดตลาด มีเขตแค่ไหน แต่อย่างใด และถึงแม้ที่จำเลยเบิกความว่าลายเซ็นนั้นมิใช่ลายเซ็นของจำเลยอันเป็นความเท็จก็ตาม ก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีดังกล่าวจำเลยยังไม่ผิด จึงไม่ต้องส่ง ส.ค.1 ไปให้ผู้ชำนาญตรวจพิสูจน์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานจากการตรวจพิสูจน์สัญญากู้ แม้จำเลยไม่ยินยอมชำระค่าอ้างรายงาน
โจทก์อ้างสัญญากู้และเสียค่าอ้างสำหรับสัญญากู้ไว้แล้วโดยชอบ จำเลยขอให้ศาลส่งสัญญากู้ไปให้ผู้ชำนาญตรวจพิสูจน์และขออ้างรายงานผลการตรวจพิสูจน์นั้นด้วย ทั้งจำเลยได้ยอมชำระค่าธรรมเนียมการตรวจพิสูจน์โดยครบถ้วน ถึง 2,000 บาท รายงานผลการตรวจพิสูจน์จึงเป็นเอกสารอันแท้จริง ในสำนวนเมื่อรายงานผลการตรวจพิสูจน์นั้นเป็นพิรุธแก่จำเลย และขัดแย้งกับคำพยานบุคคลของจำเลยจำเลยจึงไม่ยอมเสียค่ารายงานผลการตรวจพิสูจน์นั้น โดยจำเลยเห็นว่า ศาลจะได้ไม่รับฟังรายงานผลการตรวจพิสูจน์ดังกล่าว ถึงกระนั้นก็ตาม เมื่อรายงานผลการพิสูจน์นี้ปรากฏต่อศาล ศาลก็ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ ตามนัย ป.วิ.พ. มาตรา 86 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานลักทรัพย์: การปรับบทลงโทษเมื่อกฎหมายใหม่ไม่ถือว่าการลักของใช้ราชการเป็นเหตุฉกรรจ์
เหตุเกิดในขณะใช้กฎหมายลักษณะอาญา จำเลยทั้ง 4 คนสมคบกันลักของใช้สำหรับราชการ และลักในเวลาค่ำคืน แต่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 มิได้บัญญัติว่าการลักของใช้ในราชการเป็นเหตุฉกรรจ์ของการลักทรัพย์ จึงลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 294(4) ไม่ได้(เทียบฎีกาที่ 535/2500) แต่ว่าโดยที่การกระทำของจำเลยยังเป็นเหตุฉกรรจ์ของการลักทรัพย์อยู่อีก 2 ประการ คือ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนและร่วมกระทำผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปซึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ยังบัญญัติไว้ให้เป็นเหตุฉกรรจ์อยู่ในอนุมาตรา (1) และ (7) ซึ่งตรงกับกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293(1) และ (11) และโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293 เบากว่าโทษในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 เช่นนี้ ต้องวางบทลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 293(1) และ(11)
ขณะนี้ผลแห่งการตรวจสอบด้วยเครื่องจับเท็จ ยังมิใช่เป็นพยานหลักฐานทีศาลยุติธรรมจะรับฟังเป็นยุติ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานลักทรัพย์: เลือกใช้บทลงโทษเบากว่าเมื่อกฎหมายใหม่ไม่ถือเป็นเหตุฉกรรจ์
เหตุเกิดในขณะใช้กฎหมายลักษณะอาญา จำเลยทั้ง 4 คน สมคบกันลักของใช้สำหรับราชการ และลักในเวลาค่ำคืน แต่ประมวลกฎหมายอาญา ม.335 มิได้บัญญัติว่าการลักของใช้ในราชการเป็นเหตุฉกรรจ์ของการลักทรัพย์ จึงลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. 294 (4) ไม่ได้ (เทียบฎีกาที่ 535/2500)
แต่ว่าโดยที่การกระทำของจำเลยยังเป็นเหตุฉกรรจ์ ของการลักทรัพย์อยู่อีก 2ประการคือ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และร่วมกระทำผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ซึ่งประมวลกฎหมาย ม. 335 ยังบัญญัติไว้ให้เป็นเหตุฉกรรจ์อยู่ในอนุมาตรา (1) และ (7) ซึ่งตรงกับกฎหมายลักษณะอาญา ม.293(1) และ (11) และโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. 293 เบากว่าโทษในประมวลกฎหมายอาญา ม.335 เช่นนี้ ต้องวางบทลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. 293 (1) และ (11)
ขณะนี้ผลแห่งการตรวจสอบด้วยเครื่องจับเท็จ ยังมิใช่เป็นพยานหลักฐานที่ศาลยุติธรรมจะรับฟังเป็นยุติ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม, การรับฟังพยานผู้เชี่ยวชาญ, และประเภทหนังสือสำคัญทางราชการ: ผลต่อความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
จำเลยตัดฟ้องว่าโจทก์เคลือบคลุม (อ้างว่าข้อ 1.ค.กล่าวว่าจำเลยทั้งสองได้บังอาจสมคบกันใช้อุบายหลอกลวงกล่าวเท็จแก่นายเจริญ ซึ่งแสดงว่าได้ใช้อุบายหลอกลวงกล่าวเท็จทั้งสองคน แต่ในข้อเดียวกันก็กล่าวว่าจำเลยที่ 2 แต่คนเดียวเป็นผู้กล่าวว่ากองทัพอากาศได้ใช้ให้จำเลยมาเก็บเงิน ฟ้องเช่นนี้เป็นสองแง่สองคม ทำให้จำเลยเสียเปรียบและหลงข้อต่อสู้) แต่เมื่ออ่านฟ้องแล้วได้ความว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยทั้ง 2 สมคบกันทำใบเสร็จปลอมขึ้นหรือมิฉะนั้นก็สมคบกันใช้หนังสือปลอม โดยจำเลยที่ 1 ใช้ให้ จำเลยที่ 2 นำใบเสร็จปลอมไปเก็บเงิน จำเลยเข้าใจได้ดีไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบหรือหลงข้อต่อสู้จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
เมื่อพยานมาเบิกความยังศาลโดยถูกโจทก์อ้างในฐานเป็นผู้ชำนาญการตรวจลายมือ (ตามป.วิ.อาญา ม.243 วรรคแรก) ศาลมิได้สั่งให้พยานทำความเห็นเป็นหนังสือ ดังนี้พยานจึงไม่อยู่ในบังคับต้องส่งสำเนาเอกสารการตรวจลายมือให้จำเลยก่อน 3 วันตาม ป.วิ.อาญา ม.243 วรรค 2
เมื่อโจทก์ไม่ได้สืบให้เห็นว่าหนังสือข่าวทหารอากาศเป็นส่วนราชการในกองทัพอากาศอย่างไรรายรับรายจ่ายของหนังสือนี้ก็ไม่ปรากฏว่าใช้จ่ายในเงินของราชการหรือไม่ประการใด ดังนี้แม้กองทัพอากาศจะเป็นเจ้าของและรองเสนาธิการทหารอากาศเป็นบรรณาธิการก็ดี ก็ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นหนังสือราชการของกองทัพอากาศ จำเลยปลอมใบเสร็จรับเงินหนังสือข่าวดังกล่าวจึงมีความผิดตาม ม.224 ไม่ใช่ 225.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม, พยานผู้เชี่ยวชาญ, และหนังสือสำคัญทางราชการ: การพิจารณาความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
จำเลยตัดฟ้องว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม (อ้างว่าข้อ 1.ค. กล่าวว่าจำเลยทั้งสองได้บังอาจสมคบกันใช้อุบายหลอกลวงกล่าวเท็จแก่นายเจริญ ซึ่งแสดงว่าได้ใช้อุบายหลอกลวงกล่าวเท็จทั้งสองคนแต่ในข้อเดียวกันก็กล่าวว่าจำเลยที่ 2 แต่คนเดียวเป็นผู้กล่าวว่ากองทัพอากาศได้ใช้ให้จำเลยมาเก็บเงินฟ้องเช่นนี้เป็นสองแง่สองคมทำให้จำเลยเสียเปรียบและหลงข้อต่อสู้) แต่เมื่ออ่านฟ้องแล้วได้ความว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยทั้ง 2 สมคบกันทำใบเสร็จปลอมขึ้นหรือมิฉะนั้นก็สมคบกันใช้หนังสือปลอมโดยจำเลยที่ 1 ใช้ให้จำเลยที่ 2 นำใบเสร็จปลอมไปเก็บเงินจำเลยเข้าใจได้ดีไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบหรือหลงข้อต่อสู้จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
เมื่อพยานมาเบิกความยังศาลโดยถูกโจทก์อ้างในฐานเป็นผู้ชำนาญการตรวจลายมือ (ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 243 วรรคแรก) ศาลมิได้สั่งให้พยานทำความเห็นเป็นหนังสือดังนี้พยานจึงไม่อยู่ในบังคับต้องส่งสำเนาเอกสารการตรวจลายมือให้จำเลยก่อน 3 วันตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 243 วรรคสอง
เมื่อโจทก์ไม่ได้สืบให้เห็นว่าหนังสือข่าวทหารอากาศเป็นส่วนราชการในกองทัพอากาศอย่างไรรายรับรายจ่ายของหนังสือนี้ก็ไม่ปรากฏว่าใช้จ่ายในเงินของราชการหรือไม่ ประการใดดังนี้แม้กองทัพอากาศจะเป็นเจ้าของและรองเสนาธิการทหารอากาศเป็นบรรณาธิการก็ดีก็ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นหนังสือราชการของกองทัพอากาศจำเลยปลอมใบเสร็จรับเงินหนังสือข่าวดังกล่าวจึงมีความผิดตาม มาตรา 224 ไม่ใช่ 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1687/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้สัญชาติจีนตามกฎหมายจีน และผลกระทบต่อสัญชาติไทย
โจทก์นำสืบ กฎหมายจีนโดยนำเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งสำเร็จวิชา กฎหมายไทยและเป็นดอกเตอร์ กฎหมายเยอรมันมาเป็นพยานเบิกความว่าพยานได้ทราบ กฎหมายจีนที่อ้างนั้นโดยพยานติดต่อไปทางกระทรวงการต่างประเทศแล้วสถานทูตจีนส่งกฎหมายนั้นมาให้ เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นให้การของพยานผู้ชำนาญการพิเศษในเรื่อง กฎหมายจีน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1687/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะสัญชาติ: การได้/เสียสัญชาติไทยจากการแต่งงานกับชาวจีน และการถือครองใบสำคัญคนต่างด้าว
โจทก์นำสืบ ก.ม.จีนโดยนำเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งสำเร็จวิชา ก.ม.ไทยและเป็นดอกเตอร์ ก.ม.เยอรมันมาเป็นพยานเบิกความว่าพยานได้ทราบ ก.ม.จีนที่อ้างนั้นโดยพยานติดต่อไปทางกระทรวงการต่างประเทศแล้วสถานทูตจีนส่ง ก.ม.นั้นมาให้ เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการของพยานผู้ชำนาญการพิเศษในเรื่อง ก.ม.จีน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1687/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญชาติ: การได้สัญชาติจีนตามกฎหมายจีน และผลกระทบต่อสัญชาติไทย
โจทก์นำสืบ กฎหมายจีนโดยนำเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งสำเร็จวิชา กฎหมายไทยและเป็นดอกเตอร์ กฎหมายเยอรมันมาเป็นพยานเบิกความว่าพยานได้ทราบ กฎหมายจีนที่อ้างนั้นโดยพยานติดต่อไปทางกระทรวงการต่างประเทศแล้วสถานทูตจีนส่งกฎหมายนั้นมาให้ เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นให้การของพยานผู้ชำนาญการพิเศษในเรื่อง กฎหมายจีน
of 5