พบผลลัพธ์ทั้งหมด 102 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9091/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินมีข้อห้ามโอนเป็นโมฆะ แม้มีการแก้ไขกฎหมายภายหลัง สัญญาจำนองที่ผูกพันกับสัญญาจะซื้อจะขายก็ไม่อาจบังคับได้
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)ซึ่งมีข้อกำหนดห้ามโอนไว้ภายใน 10 ปี ตาม ป.ที่ดิน มาตรา 31 ดังนั้นการที่โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายเพื่อโอนที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยภายในกำหนดเวลาห้ามโอนเป็นการกระทำนิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายนิติกรรมสัญญาจะซื้อจะขายจึงตกเป็นโมฆะ แม้ต่อมาหลังจากทำสัญญาแล้วจะได้มีพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ป.ที่ดิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2521 มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 31 แห่ง ป.ที่ดิน ที่ใช้บังคับอยู่เดิมมิให้ใช้บังคับกับที่ดินในกรณีเช่นคดีนี้ก็ตาม ก็ไม่ทำให้นิติกรรมที่เป็นโมฆะแล้วนั้นกลับสมบูรณ์ขึ้นได้อีก ดังนั้นเมื่อสัญญาจะซื้อจะขายตกเป็นโมฆะ สัญญาจำนองเพื่อประกันสัญญาจะซื้อจะขายจึงไม่อาจบังคับได้เพราะสัญญาจำนองจะมีได้เฉพาะเพื่อหนี้อันสมบูรณ์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 707 ประกอบด้วย มาตรา 681 ดังนั้น จึงไม่อาจบังคับตามสัญญาจะซื้อจะขายและสัญญาจำนองได้ เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายตกเป็นโมฆะ จึงต้องบังคับตามป.พ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง กล่าวคือ ในการคืนทรัพย์สินอันเกิดจากโมฆะกรรมให้นำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้มาใช้บังคับ จำเลยต้องคืนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์และรับเงินค่าที่ดินพิพาทที่โจทก์นำไปวางไว้ที่สำนักงานวางทรัพย์
แม้คำฟ้องขอไถ่ถอนจำนองจะเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ แต่เมื่อจำเลยให้การต่อสู้ว่าได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทจากโจทก์ และโจทก์สละสิทธิครอบครองให้แก่จำเลยแล้ว เป็นการโต้เถียงสิทธิครอบครอง การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่าโจทก์มีสิทธิไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทหรือไม่ เป็นการรวมประเด็นที่ว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายกันหรือไม่ ตามคำให้การของจำเลยด้วยคดีไม่มีทุนทรัพย์จึงกลายเป็นคดีมีทุนทรัพย์
แม้คำฟ้องขอไถ่ถอนจำนองจะเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ แต่เมื่อจำเลยให้การต่อสู้ว่าได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทจากโจทก์ และโจทก์สละสิทธิครอบครองให้แก่จำเลยแล้ว เป็นการโต้เถียงสิทธิครอบครอง การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่าโจทก์มีสิทธิไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทหรือไม่ เป็นการรวมประเด็นที่ว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายกันหรือไม่ ตามคำให้การของจำเลยด้วยคดีไม่มีทุนทรัพย์จึงกลายเป็นคดีมีทุนทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9091/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินขัดต่อข้อห้ามตามกฎหมายที่ดิน สัญญาเป็นโมฆะ สัญญาจำนองเพื่อประกันจึงบังคับไม่ได้
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) ซึ่งมีข้อกำหนดห้ามโอนไว้ภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 31 ดังนั้นการที่โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายเพื่อโอนที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยภายในกำหนดเวลาห้ามโอนเป็นการกระทำนิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายนิติกรรมสัญญาจะซื้อจะขายจึงตกเป็นโมฆะ แม้ต่อมาหลังจากทำสัญญาแล้วจะได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2521 มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 31 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ที่ใช้บังคับอยู่เดิมมิให้ใช้บังคับกับที่ดินในกรณีเช่นคดีนี้ก็ตาม ก็ไม่ทำให้นิติกรรมที่เป็นโมฆะแล้วนั้นกลับสมบูรณ์ขึ้นได้อีก ดังนั้น เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายตกเป็นโมฆะ สัญญาจำนองเพื่อประกันสัญญาจะซื้อจะขายจึงไม่อาจบังคับได้เพราะสัญญาจำนองจะมีได้เฉพาะเพื่อหนี้อันสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 707ประกอบด้วย มาตรา 681 ดังนั้น จึงไม่อาจบังคับตามสัญญาจะซื้อจะขายและสัญญาจำนองได้ เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายตกเป็นโมฆะ จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 172 วรรคสอง กล่าวคือ ในการคืนทรัพย์สินอันเกิดจากโมฆะกรรมให้นำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้มาใช้บังคับจำเลยต้องคืนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์และรับเงินค่าที่ดินพิพาทที่โจทก์นำไปวางไว้ที่สำนักงานวางทรัพย์ แม้คำฟ้องขอไถ่ถอนจำนองจะเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์แต่เมื่อจำเลยให้การต่อสู้ว่าได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทของโจทก์ และโจทก์สละสิทธิครอบครองให้แก่จำเลยแล้วเป็นการโต้เถียงสิทธิครอบครอง การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่าโจทก์มีสิทธิไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทหรือไม่ เป็นการรวมประเด็นที่ว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายกันหรือไม่ตามคำให้การของจำเลยด้วย คดีไม่มีทุนทรัพย์จึงกลายเป็นคดีมีทุนทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้แทนในคดีอาญาไม่ปลดเปลื้องหนี้ตามสัญญาจำนอง
ศาลได้พิพากษาในคดีนี้ ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 รับผิดใช้เงินจำนวน 15,000,000 บาท แก่โจทก์ มิฉะนั้นให้บังคับจำนองที่ดินของจำเลยที่ 7 ตามสัญญาจำนองในวงเงิน 1,000,000 บาทที่จำเลยที่ 7 ได้ชำระเงินจำนวน 600,000 บาท ในคดีที่จำเลยที่ 3ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาในความผิดเกี่ยวกับเช็คก็เป็นเหตุให้คดีอาญาดังกล่าวเลิกกัน หาเป็นการปลดเปลื้องหนี้ตามสัญญาจำนองที่ดินจากเดิมคงเหลือ 400,000 บาทไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองที่ดินและการชำระหนี้บางส่วน ไม่ปลดเปลื้องหนี้ทั้งหมด แม้คดีอาญาที่เกี่ยวข้องจะเลิกกัน
ศาลได้พิพากษาในคดีนี้ ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 รับผิดใช้เงินจำนวน 15,000,000 บาท แก่โจทก์ มิฉะนั้นให้บังคับจำนองที่ดินของจำเลยที่ 7ตามสัญญาจำนองในวงเงิน 1,000,000 บาท ที่จำเลยที่ 7 ได้ชำระเงินจำนวน600,000 บาท ในคดีที่จำเลยที่ 3 ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาในความผิดเกี่ยวกับเช็คก็เป็นเหตุให้คดีอาญาดังกล่าวเลิกกัน หาเป็นการปลดเปลื้องหนี้ตามสัญญาจำนองที่ดินจากเดิมคงเหลือ 400,000 บาท ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 626/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองประกันหนี้รวม: สิทธิจำเลยในการปฏิเสธการชำระหนี้เฉพาะส่วน
โจทก์จำนองที่ดินเป็นประกันหนี้ใด ๆ ที่โจทก์หรือ จ. บิดาโจทก์ มีต่อจำเลยในขณะนั้นหรือในภายหน้า โจทก์จะขอไถ่ถอนจำนองโดยชำระหนี้ครบถ้วนเฉพาะหนี้ส่วนของตนซึ่งไม่ครบวงเงินตามสัญญาจำนอง ในขณะที่ จ.ยังคงเป็นหนี้จำเลยอยู่อีกจำนวนหนึ่งไม่ได้ จำเลยจึงชอบที่จะบอกปัดไม่รับชำระหนี้ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 320
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 626/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองประกันหนี้รวม เจ้าหนี้มีสิทธิบอกปัดการชำระหนี้เฉพาะส่วน หากหนี้รวมยังไม่ครบ
โจทก์จำนองที่ดินเป็นประกันหนี้ใด ๆ ที่โจทก์หรือ จ.บิดาโจทก์ มีต่อจำเลยในขณะนั้นหรือในภายหน้า โจทก์จะขอไถ่ถอนจำนองโดยชำระหนี้ครบถ้วนเฉพาะหนี้ส่วนของตนซึ่งไม่ครบวงเงินตามสัญญาจำนอง ในขณะที่ จ. ยังคงเป็นหนี้จำเลยอยู่อีกจำนวนหนึ่งไม่ได้ จำเลยจึงชอบที่จะบอกปัดไม่รับชำระหนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 320
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3311/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับสิ้นหนี้ตามสัญญาจำนองเมื่อเจ้าหนี้ไม่ประสงค์ให้มีการจำนองค้ำประกันเพิ่มเติม และการไม่ผูกพันหนี้ใหม่ต่อผู้จำนอง
เมื่อจำเลยที่ 1 บอกกล่าวเป็นหนังสือให้โจทก์ชำระหนี้และไถ่ถอนจำนอง ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่ประสงค์ให้โจทก์จำนองที่ดินพิพาทเป็นประกันหนี้เงินกู้ของนางสาว บ. ต่อไป ต่อมาจำเลยที่ 1ได้ฟ้องโจทก์กับนางสาว บ. ให้ชำระหนี้ เมื่อโจทก์ได้ชำระหนี้ทั้งหมดแล้ว หนี้ตามสัญญากู้ที่โจทก์จำนองที่ดินพิพาทไว้เป็นประกันและสัญญาจำนองระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ย่อมระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 744(1) หนี้ที่นางสาว บ.กู้เงินจำเลยที่ 1 หลังจากจำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์กับนางสาว บ.จึงหาผูกพันโจทก์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6351/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำนองย่อมคงอยู่ แม้มีการเปลี่ยนแปลงการครอบครองทรัพย์สินหลังจำนอง ผู้รับจำนองมีสิทธิบังคับคดีได้
ผู้ร้องเข้าแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจนได้สิทธิครอบครองภายหลังจากจำเลยได้จำนองที่ดินพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว การได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทของผู้ร้อง จึงไม่เป็นเหตุให้สัญญาจำนองระงับสิ้นไป โจทก์ผู้รับจำนองโดยชอบด้วยกฎหมายย่อมมีสิทธิยึดทรัพย์จำนองเพื่อบังคับคดีได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6351/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองที่ดิน: สิทธิผู้รับจำนองชอบที่จะยึดทรัพย์ แม้ผู้ครอบครองรายใหม่มีสิทธิครอบครองดีกว่า
จำเลยเป็นผู้มีชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์และครอบครองทำกินในที่ดินพิพาท ได้นำที่ดินไปจำนองแก่โจทก์ แม้ต่อมาผู้ร้องได้เข้าแย่งการครอบครองในที่ดินพิพาทจนได้สิทธิดีกว่าจำเลยก็ตามแต่ก็เป็นเวลาหลังจากที่จำเลยได้จำนองโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วจึงไม่เป็นเหตุให้สัญญาจำนองระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 744 นอกจากนี้การจำนองก็เป็นทรัพย์สิทธิที่ติดไปกับตัวทรัพย์ที่จำนองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702 วรรคสอง โจทก์ผู้รับจำนองโดยชอบด้วยกฎหมายย่อมมีสิทธิยึดที่ดินพิพาทเพื่อบังคับคดีได้ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ดินพิพาท แม้ผู้ร้องได้ยกขึ้นกล่าวอ้างเป็นประเด็นไว้ว่า ที่ดินพิพาทเป็นคนละแปลงกับที่ดินที่โจทก์นำยึด แต่ต่อมาได้แถลงสละประเด็นเองโดยสมัครใจ จึงไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และทำให้ประเด็นดังกล่าวยุติไปแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3419/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับสิ้นสุดสัญญาจำนองต้องมีการชำระหนี้หรือวางทรัพย์เพื่อไถ่ถอน การไม่ฟ้องบังคับจำนองไม่ถือเป็นการระงับสัญญา
ความระงับสิ้นไปแห่งสัญญาจำนองมี 6 กรณี ตามที่บัญญัติไว้ในป.พ.พ. มาตรา 744 โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้ทำหนังสือขอไถ่ถอนจำนองไปจำเลย แต่จำเลยไม่ยอมรับข้อเสนอจนพ้นกำหนด 1 เดือน จำเลยไม่นำคดีฟ้องต่อศาลเพื่อขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนอง การที่จำเลยไม่ฟ้องคดี แม้จะถือเท่ากับว่าจำเลยสนองรับคำเสนอขอไถ่ถอนจำนองของโจทก์โดยปริยายตามมาตรา 739,741 แล้วก็ตาม แต่จำนองจะระงับไปโดยเหตุการไถ่ถอนนี้ก็ต่อเมื่อโจทก์ใช้เงินแก่จำเลยตามจำนวนที่โจทก์เสนอจะใช้เท่ากับจำนวนเงินที่จดทะเบียนจำนองพร้อมดอกเบี้ยหรือโจทก์ได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปวางทรัพย์ ณ สำนักงานวางทรัพย์แล้ว ซึ่งฟ้องโจทก์ก็หาได้ปรากฏถึงสภาพแห่งข้อหาที่ถือว่าเป็นสาระสำคัญเช่นว่านี้ไม่เหตุตามคำฟ้องของโจทก์มิใช่กรณีใดกรณีหนึ่งซึ่งจะถือว่าสัญญาจำนองระงับไปดังที่กฎหมายบัญญัติไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนระงับจำนอง.