พบผลลัพธ์ทั้งหมด 527 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1865/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงเจตนาเช่าจากที่อยู่อาศัยเป็นค้าขาย ทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เช่าตึกแถวตั้งแต่ พ.ศ.2486 ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ ศาลยกฟ้อง เมื่อ พ.ศ.2492 เพราะเป็นเคหะ ศาลพิพากษาแล้ว 4 วัน ผู้เช่าทำสัญญาเช่าใหม่มีข้อความเพิ่มขึ้นว่า เช่าเพื่อค้าขายยามีกำหนด 2 เดือน พฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไปจากที่เช่าอยู่เดิม จนเห็นได้ว่าได้ทำสัญญาเช่าใหม่เพื่อการค้าไม่เป็นเคหะ ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่เมื่อครบสัญญา 2 เดือน แล้วได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1841/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าเช่าที่ไม่สมบูรณ์ และการละเมิดสัญญาเช่าหลังมีมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า
ผู้เช่าเพียงชำระค่าเช่าแก่ผู้ให้เช่า ๆ ไม่รับดังนี้ยังเรียกไม่ได้ว่าผู้เช่าผิดนัด จู่ ๆ ผู้ให้เช่าจะมาขอให้ศาลบังคับให้ไม่ได้
ในเรื่องค่าเช่าฟ้องบรรยายว่าได้เลิกสัญญาเช่าแล้ว ผู้เช่าไม่ยอมออกขอเรียกค่าเสียหาย 2,000 บาท และค่าเช่ารวม 180 บาทดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
กรณีย์ที่มีมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯ ให้ผู้เช่าออกจากห้องเช่า ผู้เช่าจะละเมิดก็ต่อเมื่อได้ทราบมตินั้น
ในเรื่องค่าเช่าฟ้องบรรยายว่าได้เลิกสัญญาเช่าแล้ว ผู้เช่าไม่ยอมออกขอเรียกค่าเสียหาย 2,000 บาท และค่าเช่ารวม 180 บาทดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
กรณีย์ที่มีมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯ ให้ผู้เช่าออกจากห้องเช่า ผู้เช่าจะละเมิดก็ต่อเมื่อได้ทราบมตินั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1841/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เช่าเพียรชำระค่าเช่าแต่ผู้ให้เช่าไม่รับ การฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างจึงไม่ชอบ และการละเมิดเริ่มเมื่อทราบมติควบคุมค่าเช่า
ผู้เช่าเพียรชำระค่าเช่าแก่ผู้ให้เช่าผู้ให้เช่าไม่รับและบอกว่ายังไม่ให้ชำระดังนี้ ยังเรียกไม่ได้ว่าผู้เช่าผิดนัด จู่ๆ ผู้ให้เช่าจะมาขอให้ศาลบังคับให้ไม่ได้
ในเรื่องค่าเช่าฟ้องบรรยายว่าได้เลิกสัญญาเช่าแล้วผู้เช่าไม่ยอมออกขอเรียกค่าเสียหาย 2,000 บาท และค่าเช่ารวม 180 บาท ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
กรณีที่มีมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ ให้ผู้เช่าออกจากห้องเช่า ผู้เช่าจะละเมิดก็ต่อเมื่อได้ทราบมตินั้น
ในเรื่องค่าเช่าฟ้องบรรยายว่าได้เลิกสัญญาเช่าแล้วผู้เช่าไม่ยอมออกขอเรียกค่าเสียหาย 2,000 บาท และค่าเช่ารวม 180 บาท ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
กรณีที่มีมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ ให้ผู้เช่าออกจากห้องเช่า ผู้เช่าจะละเมิดก็ต่อเมื่อได้ทราบมตินั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าห้องแถวเพื่อประกอบการค้าขนาดใหญ่ มิใช่เคหะ จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
ห้องแถวพิพาทอยู่ห่างตลาดประมาณ 50 เมตรผู้เช่าได้จดทะเบียนพาณิชย์ประกอบการค้าเครื่องดื่มต่างๆ อาหารและสุรายาสูบ มีลูกจ้างในการค้า 2 คน และยังมีอีกคนหนึ่งทำหน้าที่ขายอาหารแบ่งผลกำไรกับผู้เช่า ห้องพิพาทจึงเป็นร้านค้าโดยตรง ไม่ใช่เป็นการค้าขายเล็กๆ น้อยๆในครอบครัว จึงไม่เป็นเคหะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช่าที่ดินเลี้ยงโคนมเพื่อการค้า ไม่ได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ
เช่าที่ดินเพื่อเลี้ยงโครีดนมขายและมีบ้านให้แขกคนงานอยู่เพื่อปฏิบัติหน้าที่เลี้ยงและรีดนมโค ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช่าที่ดินเลี้ยงโคนมเพื่อการค้า ไม่ได้รับความคุ้มครอง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ
เช่าที่ดินเพื่อเลี้ยงโครีดนมขายและมีบ้านให้แขกคนงานอยู่เพื่อปฏิบัติหน้าที่เลี้ยงและรีดนมโค ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่โดยอาศัยกรรมสิทธิ์หลังสัญญาเช่าสิ้นอายุ และข้อยกเว้นความคุ้มครอง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าสำหรับนิติบุคคล
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากโกดัง โดยกล่าวว่า จำเลยได้เช่าโกดังจากเจ้าของเดิม ครบอายุสัญญาเช่าแล้วโจทก์ได้ซื้อโกดังจากเจ้าของเดิม ดังนี้จำเลยย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ และโจทก์ฟ้องจำเลยได้โดยอาศัยอำนาจทางกรรมสิทธิ์เป็นหลัก ไม่ได้อาศัยสัญญาเช่า
นิติบุคคลเช่าสถานที่ให้พนักงานของนิติบุคคลอยู่ ย่อมถือว่าเป็นกิจการส่วนหนึ่งเพื่อประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ในทางการค้าของนิติบุคคล จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
อ้างฎีกาที่ 82/2494)
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้ทำสัญญาซื้อทรัพย์สินรายนี้จริงหรือไม่จำเลยไม่ทราบ ดังนี้ ถือว่าไม่ใช่คำให้การปฏิเสธ จึงไม่มีประเด็นที่โจทก์จะต้องสืบถึงความข้อนี้
นิติบุคคลเช่าสถานที่ให้พนักงานของนิติบุคคลอยู่ ย่อมถือว่าเป็นกิจการส่วนหนึ่งเพื่อประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ในทางการค้าของนิติบุคคล จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
อ้างฎีกาที่ 82/2494)
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้ทำสัญญาซื้อทรัพย์สินรายนี้จริงหรือไม่จำเลยไม่ทราบ ดังนี้ ถือว่าไม่ใช่คำให้การปฏิเสธ จึงไม่มีประเด็นที่โจทก์จะต้องสืบถึงความข้อนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสัญญาเช่าและข้อยกเว้นความคุ้มครอง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าสำหรับนิติบุคคล
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากโกดังโดยกล่าวว่า จำเลยได้เช่าโกดังจากเจ้าของเดิม ครบอายุสัญญาเช่าแล้วโจทก์ได้ซื้อโกดังจากเจ้าของเดิม ดังนี้จำเลยย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ และโจทก์ฟ้องจำเลยได้โดยอาศัยอำนาจทางกรรมสิทธิ์เป็นหลัก ไม่ได้อาศัยสัญญาเช่า
นิติบุคคลเช่าสถานที่ให้พนักงานของนิติบุคคลอยู่ ย่อมถือว่าเป็นกิจการส่วนหนึ่งเพื่อประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ในทางการค้าของนิติบุคคล จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ
อ้างฎีกาที่ 82/2494 จำเลยให้การว่า โจทก์ได้ทำสัญญาซื้อทรัพย์สินรายนี้จริงหรือไม่จำเลยไม่ทราบ ดังนี้ถือว่าไม่ใช่คำให้การปฏิเสธ จึงไม่มีประเด็นที่โจทก์จะต้องสืบถึงความข้อนี้
นิติบุคคลเช่าสถานที่ให้พนักงานของนิติบุคคลอยู่ ย่อมถือว่าเป็นกิจการส่วนหนึ่งเพื่อประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ในทางการค้าของนิติบุคคล จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ
อ้างฎีกาที่ 82/2494 จำเลยให้การว่า โจทก์ได้ทำสัญญาซื้อทรัพย์สินรายนี้จริงหรือไม่จำเลยไม่ทราบ ดังนี้ถือว่าไม่ใช่คำให้การปฏิเสธ จึงไม่มีประเด็นที่โจทก์จะต้องสืบถึงความข้อนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1452/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมเช่าในภาวะคับขันเมื่อมีการอยู่อาศัยร่วมกันของครอบครัว และไม่ได้ประกอบการค้า
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นมารดาของจำเลยที่ 1 ลงในทะเบียนสำมะโนครัวว่าเจ้าบ้านห้องพิพาทและมีบุตรหลานภริยาของจำเลยที่ 1 ร่วมอาศัยอยู่ด้วย แม้จำเลยที่ 1 จะได้ซื้อห้องใหม่ไว้อีกแห่งหนึ่งแล้วแต่ยังคงไป ๆ มา ๆ ในห้องพิพาทและในสัญญาเช่าจำเลยที่ 1 ก็เป็นผู้เช่า ผู้ที่อาศัยอยู่ในห้องพิพาทนี้ส่วนเกี่ยวดองอยู่ในครอบครัวของจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น ดังนี้ จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมเช่าในภาวะคับขัน
และการที่จำเลยที่ 1 เคยเอาหมูไปพักไว้ในที่พิพาทเป็นการชั่วคราวหรือเลี้ยงเป็ดไก่ ดังนี้ไม่เรียกว่าจำเลยประกอบกาค้า
และการที่จำเลยที่ 1 เคยเอาหมูไปพักไว้ในที่พิพาทเป็นการชั่วคราวหรือเลี้ยงเป็ดไก่ ดังนี้ไม่เรียกว่าจำเลยประกอบกาค้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1452/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ พิจารณาจากเจตนาการเช่าและลักษณะการอยู่อาศัยของครอบครัว
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นมารดาของจำเลยที่ 1 ลงในทะเบียนสำมะโนครัวว่าเจ้าบ้านห้องพิพาทและมีบุตรหลานภริยาของจำเลยที่ 1 ร่วมอาศัยอยู่ด้วย แม้จำเลยที่1 จะได้ซื้อห้องใหม่ไว้อีกแห่งหนึ่งแล้วแต่ยังคงไปๆมาๆในห้องพิพาทและในสัญญาเช่าจำเลยที่ 1ก็เป็นผู้เช่า ผู้ที่อาศัยอยู่ในห้องพิพาทนี้ล้วนเกี่ยวดองอยู่ในครอบครัวของจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น ดังนี้จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
และการที่จำเลยที่ 1 เคยเอาหมูไปพักไว้ในที่พิพาทเป็นการชั่วคราวหรือเลี้ยงเป็ดไก่ ดังนี้ไม่เรียกว่าจำเลยประกอบการค้า
และการที่จำเลยที่ 1 เคยเอาหมูไปพักไว้ในที่พิพาทเป็นการชั่วคราวหรือเลี้ยงเป็ดไก่ ดังนี้ไม่เรียกว่าจำเลยประกอบการค้า