พบผลลัพธ์ทั้งหมด 527 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายเรือนที่มีผู้เช่าเดิมอยู่แล้ว โดยมีเจตนาให้ผู้เช่าได้รับความเดือดร้อน ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขัดต่อ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เจ้าของที่ดินและเรือนขายเฉพาะเรือนในที่ดินนั้นแก่ผู้อื่นไปแล้วให้ผู้ซื้อทำสัญญาเช่าที่ดินที่ปลูกเรือนนั้นแต่ปรากฏว่า ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายทราบดีว่า มีผู้เช่าเรือนนั้นอยู่อาศัยมาแต่เดิม ซึ่งได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ และเมื่อซื้อมาแล้ว ผู้ซื้อก็จัดการร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าให้ผู้เช่าออกจากเรือนพิพาทเพื่อเข้าอยู่เอง เมื่อคณะกรรมการไม่อนุญาต เจ้าของที่ดินก็ฟ้องขับไล่ให้ผู้ซื้อรื้อถอนเรือนนั้นไปดังนี้ เป็นพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการซื้อขายเพื่อให้ผู้เช่าไม่ได้ใช้หรือรับประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่าอยู่จึงถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและขัดกับ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ เจ้าของที่ดินจึงไม่มีสิทธิจะมาขอให้ศาลบังคับขับไล่ผู้เช่าออกไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายเรือนที่มีผู้เช่าอยู่ และการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เจ้าของที่ดินและเรือนขายเฉพาะเรือนในที่ดินนั้นแก่ผู้อื่นไปแล้วให้ผู้ซื้อทำสัญญาเช่าที่ดินที่ปลูกเรือนนั้น แต่ปรากฎว่า ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายทราบดีว่า มีผู้เช่าเรือนนั้นอยู่อาศัยมาแต่เดิม ซึ่งได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ และเมื่อซื้อมาแล้ว ผู้ซื้อก็จัดการร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าให้ผู้เช่าออกจากเรือนพิพาทเพื่อเข้าอยู่เอง เมื่อคณะกรรมการไม่อนุญาต เจ้าของที่ดินก็ฟ้องขับไล่ให้ผู้ซื้อรื้อถอนเรือนนั้นไปดังนี้ เป็นพฤติการแสดงให้เห็นว่าเป็นการซื้อขายเพื่อให้ผู้เช่าไม่ได้ใช้หรือรับประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่าอยู่จึงถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและขัดกับ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ เจ้าของที่ดินจึงไม่มีสิทธิจะมาขอให้ศาลบังคับขับไล่ผู้เช่าออกไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความคุ้มครองผู้เช่าเคหะฯ แม้มีคำสั่งรื้อ – ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ไม่ได้
ผู้เช่าเคหะอยู่อาศัยนั้นย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ แม้ทางการเทศบาลจะได้มีคำสั่งให้รื้อห้องเช่านั้นก็ดีก็หาทำให้ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้ไม่ผู้เช่ายังคงได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ เป็นปกติ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แม้เทศบาลสั่งรื้อห้องเช่า ผู้ให้เช่าก็ไม่อาจฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้ ผู้เช่ายังคงได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ผู้เช่าเคหะอยู่อาศัยนั้น ย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่า ฯ แม้ทางการเทศบาลจะได้มีคำสั่งให้รื้อห้องเช่านั้น ก็ดี ก็หาทำให้ผู้ให้เช่า ฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้ไม่ ผุ้เช่ายังคงได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่าฯ เป็นปกติ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อกับเช่าทรัพย์เป็นคนละประเภทกัน ไม่อาจนำบทบัญญัติกฎหมายว่าด้วยการเช่าทรัพย์มาใช้บังคับกับสัญญาเช่าซื้อได้
การเช่าซื้อกับเช่าทรัพย์เป็นเอกเทศสัญญาคนละประเภทจะนำพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันไปใช้ในการเช่าซื้อไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1243/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญายอมความรื้ออาคารไม่ผูกพันผู้เช่าที่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
การที่เจ้าของที่ดินและอาคารได้รับคำสั่งจากเทศบาลให้รื้อและเลิกใช้อาคาร และอัยการได้ฟ้องเจ้าของที่ดินเป็นคดีให้รื้อและเลิกใช้อาคาร เจ้าของที่ดินทำยอมไว้ต่อศาลว่า ตนและบุคคลที่ได้รับสิทธิจากตนยอมรื้อและยอมเลิกใช้อาคาร ดังนี้สัญญายอมความนี้ไม่ผูกพันผู้เช่าอาคารอยู่อาศัย ผู้เช่าอาคารอยู่อาศัยยังคงได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ เป็นปกติ แต่ถ้าอาคารหมดอายุจะเป็นภัย เจ้าหน้าที่ก็ยังมีอำนาจตามพ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1243/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญายอมความรื้ออาคาร: ไม่ผูกพันผู้เช่า, คุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า, เจ้าหน้าที่ยังมีอำนาจตามกฎหมาย
การที่เจ้าของที่ดินและอาคารได้รับคำสั่งจากเทศบาลให้รื้อและเลิกใช้อาคาร และอัยการได้ฟ้องเจ้าของที่ดินเป็นคดีให้รื้อและเลิกใช้อาคาร เจ้าของที่ดินจึงทำยอมไว้ต่อศาลว่า ตนและบุคคลที่ได้รับสิทธิจากตนยอมรื้อและยอมเลิกใช้อาคาร ดังนี้ สัญญายอมความนี้ไม่ผูกพันผู้เช่าอาคารอยู่อาศัย ผู้เช่าอาคารอยู่อาศัยยังคงได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯเป็นปกติ แต่ถ้าอาคารหมดอายุจะเป็นภัย เจ้าหน้าที่ก็ยังมีอำนาจตาม พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5-6/96)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1140/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ไม่ได้ หากค่าเช่าค้างชำระเกิดจากความผิดของผู้ให้เช่าเอง
การที่ไม่ได้ชำระค่าเช่าติดกันสองเดือน นั้น ถ้าเป็นเรื่องผู้เช่าไม่ผิดนัด หากแต่การติดค้างเกิดจากความผิดของผู้ ให้เช่าแล้ว ผู้ให้เช่าก็จะอาศัยเหตุนี้ ฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากเคหะที่เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯลฯไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1140/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ไม่ได้ หากค่าเช่าค้างชำระเกิดจากความผิดของผู้ให้เช่าเอง
การที่ไม่ได้ชำระค่าเช่าติดกันสองเดือน นั้น ถ้าเป็นเรื่องผู้เช่าไม่ผิดนัด หากแต่การติดค้างเกิดจากความผิดของผู้ให้เช่าแล้ว ผู้ให้เช่าก็จะอาศัยเหตุนี้ฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากเคหะที่เช่าตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯ ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1132/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ จำเลยต้องพิสูจน์ว่าเข้าข่ายได้รับการคุ้มครอง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยเช่าอยู่อาศัย ย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า จำเลยได้เข้าอยู่ในห้องพิพาทโดยมีทะเบียนสำมะโนครัว จำเลยได้ทำการค้าขายอยู่ในห้องพิพาทตั้งแต่ พ.ศ.2489 ได้เสียภาษีร้านค้าและภาษีป้าย ก่อนนั้นจำเลยไม่ได้เสียภาษีร้านค้าและไม่มีป้าย จำเลยไม่มีที่อยู่อาศัยแห่งอื่นอีก นอกจากห้องพิพาท ของในร้านของจำเลยมีผ้า เครื่องสำอางค์และของเบ็ดเตล็ดต่างๆ ราคารวมทั้งสิ้นประมาณสองหมื่นบาท
คู่ความต่างไม่สืบพยาน ดังนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยอ้างความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯอันเป็นกฎหมายพิเศษ จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบว่า ตนมีเหตุอันควรได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัตินั้น เพราะข้อเท็จจริงที่รับกันดังกล่าว ยังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองจึงต้องพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาท
คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า จำเลยได้เข้าอยู่ในห้องพิพาทโดยมีทะเบียนสำมะโนครัว จำเลยได้ทำการค้าขายอยู่ในห้องพิพาทตั้งแต่ พ.ศ.2489 ได้เสียภาษีร้านค้าและภาษีป้าย ก่อนนั้นจำเลยไม่ได้เสียภาษีร้านค้าและไม่มีป้าย จำเลยไม่มีที่อยู่อาศัยแห่งอื่นอีก นอกจากห้องพิพาท ของในร้านของจำเลยมีผ้า เครื่องสำอางค์และของเบ็ดเตล็ดต่างๆ ราคารวมทั้งสิ้นประมาณสองหมื่นบาท
คู่ความต่างไม่สืบพยาน ดังนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยอ้างความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯอันเป็นกฎหมายพิเศษ จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบว่า ตนมีเหตุอันควรได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัตินั้น เพราะข้อเท็จจริงที่รับกันดังกล่าว ยังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองจึงต้องพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาท