พบผลลัพธ์ทั้งหมด 527 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1132/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ จำเลยต้องพิสูจน์ว่าเข้าข่ายได้รับการคุ้มครอง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยเช่าอยู่อาศัย ย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า จำเลยได้เข้าอยู่ในห้องพิพาทโดยมีทะเบียนสำมะโนครัว จำเลยได้ทำการค้าขายอยู่ในห้องพิพาทตั้งแต่ พ.ศ.2489 ได้เสียภาษีร้านค้าและภาษีป้าย ก่อนนั้นจำเลยไม่ได้เสียภาษีร้านค้าและไม่มีป้าย จำเลยไม่มีที่อยู่อาศัยแห่งอื่นอีก นอกจากห้องพิพาท ของในร้านของจำเลยมีผ้า เครื่องสำอางค์และของเบ็ดเตล็ดต่างๆ ราคารวมทั้งสิ้นประมาณสองหมื่นบาท
คู่ความต่างไม่สืบพยาน ดังนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยอ้างความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯอันเป็นกฎหมายพิเศษ จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบว่า ตนมีเหตุอันควรได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัตินั้น เพราะข้อเท็จจริงที่รับกันดังกล่าว ยังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองจึงต้องพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาท
คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า จำเลยได้เข้าอยู่ในห้องพิพาทโดยมีทะเบียนสำมะโนครัว จำเลยได้ทำการค้าขายอยู่ในห้องพิพาทตั้งแต่ พ.ศ.2489 ได้เสียภาษีร้านค้าและภาษีป้าย ก่อนนั้นจำเลยไม่ได้เสียภาษีร้านค้าและไม่มีป้าย จำเลยไม่มีที่อยู่อาศัยแห่งอื่นอีก นอกจากห้องพิพาท ของในร้านของจำเลยมีผ้า เครื่องสำอางค์และของเบ็ดเตล็ดต่างๆ ราคารวมทั้งสิ้นประมาณสองหมื่นบาท
คู่ความต่างไม่สืบพยาน ดังนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยอ้างความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯอันเป็นกฎหมายพิเศษ จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบว่า ตนมีเหตุอันควรได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัตินั้น เพราะข้อเท็จจริงที่รับกันดังกล่าว ยังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองจึงต้องพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ห้องเช่าใช้ทำการค้า แม้มีอาศัยอยู่ด้วย ไม่ถือเป็นเคหะ สัญญาเช่าสิ้นสุดโจทก์มีสิทธิขับไล่
ใช้ห้องเช่าทำการค้า แม้ผู้เช่าและครอบครัว ยังคงอาศัยอยู่ในห้องเช่าด้วย ห้องเช่านั้นก็มิใช่เป็น "เคหะ"
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ห้องเช่าใช้ค้าขาย แม้มีอาศัยอยู่ด้วย ไม่ถือเป็น 'เคหะ' สัญญาเช่าไม่มีหลักฐาน โจทก์มีสิทธิขับไล่
ใช้ห้องเช่าทำการค้า แม้ผู้เช่าและครอบครัว ยังคงอาศัยอยู่ในห้องเช่าด้วย ห้องเช่านั้นก็มิใช่เป็น "เคหะ"
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้เช่าเคหะ แม้เจ้าของที่ดินโอนขายห้องเช่าและที่ดินไปแล้ว ผู้เช่ายังคงได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เจ้าของที่ดินปลูกห้องแถวลงบนที่ดินให้คนเช่าอยู่อาศัย ต่อมาเจ้าของที่ดินโอนขายเฉพาะห้องแถวให้ผู้อื่น ผู้รับซื้อ คงเก็บค่าเช่าห้องจากผู้อยู่ต่อไป และเช่าที่ดินกับเจ้าของที่ดิน ดังนี้แม้เจ้าของที่ดินจะฟ้องผู้รับซื้อห้องแถวให้รื้อถอน ห้องแถวนั้นไปจากที่ดิน และศาลพิพากษาให้เจ้าของที่ดินชนะคดี ก็ตาม ผู้เช่าห้องแถวนั้นอยู่ดังกล่าว ก็ยังได้รับ ความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ไม่ต้องออกจากห้องเช่าไป./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แม้เจ้าของที่ดินชนะคดีรื้อถอน แต่ผู้เช่าห้องแถวได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายควบคุมค่าเช่า
เจ้าของที่ดินปลูกห้องแถวลงบนที่ดินให้คนเช่าอยู่อาศัย ต่อมาเจ้าของที่ดินโอนขายเฉพาะห้องแถวให้ผู้อื่นไป ผู้รับซื้อคงเก็บค่าเช่าห้องจากผู้อยู่ต่อไป และเช่าที่ดินกับเจ้าของที่ดิน ดังนี้แม้เจ้าของที่ดินจะฟ้องผู้รับซื้อห้องแถวให้รื้อถอนห้องแถวนั้นไปจากที่ดิน และศาลพิพากษาให้เจ้าของที่ดินชนะคดี ก็ตาม ผู้เช่าห้องแถวนั้นอยู่ดังกล่าว ก็ยังได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ไม่ต้องออกจากห้องเช่าไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1046-1052/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความยินยอมของผู้เช่าในการรื้อถอนอาคารและการผูกพันตามสัญญาเช่า
ซื้อที่ดินและห้องแถวมาจากเจ้าของเดิม โดยมีความประสงค์จะรื้อห้องแถวปลูกเป็นโกดัง จึงได้เจรจากับผู้เช่าห้องแถวนั้น ให้ออกไป ในที่สุดผู้เช่ายอมออกได้ทำสัญญากันมีความดังนี้ "ผู้เช่าขอเช่ามีกำหนดเวลาสามเดือนฯลฯเพื่ออาศัยชั่วคราว โดยผู้ให้เช่าแจ้งให้ทราบแล้วว่าจะรื้อห้องนี้ ผู้เช่าจึงขอให้ความยินยอมไว้ว่าจะย้ายไปทันทีเมื่อครบกำหนดเวลาเช่า ผู้ให้เช่าตกลงให้ค่าย้ายสามร้อยบาทถ้วน"ดังนี้เป็นการยินยอมจากผู้เช่าแล้ว ถ้าถึงกำหนดแล้วขัดขืนไม่ออก ผู้ให้เช่าย่อมฟ้องขับไล่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่เช่า และให้จำเลยมารับเงินค่าขนย้าย 300 บาทจากโจทก์เช่นนี้ ศาลก็ย่อมพิพากษาให้ขับไล่และให้โจทก์วางเงินห้องละ 300 บาทให้จำเลย
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่เช่า และให้จำเลยมารับเงินค่าขนย้าย 300 บาทจากโจทก์เช่นนี้ ศาลก็ย่อมพิพากษาให้ขับไล่และให้โจทก์วางเงินห้องละ 300 บาทให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1046-1052/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าระยะสั้นและการยินยอมให้รื้อถอนที่เช่า ผู้เช่ามีหน้าที่ออกจากที่เช่าเมื่อครบกำหนด
ซื้อที่ดินและห้องแถวมาจากเจ้าของเดิม โดยมีความประสงค์จะรื้อห้องแถวปลูกเป็นโกดัง จึงได้เจรจากับผู้เช่าห้อง แถวนั้น ให้ออกไป ในที่สุดผู้เช่ายอมออกได้ทำสัญญากันมีความดังนี้ "ผู้เช่าขอเช่ามีกำหนดเวลาสามเดือนฯลฯ เพื่อ อาศัยชั่วคราว โดยผู้ให้เช่าแจ้งให้ทราบแล้วว่าจะรื้อห้องนี้ ผู้เช่าจึงขอให้ความยินยอมไว้ว่าจะย้ายไปทันทีเมื่อครบ กำหนดเวลาเช่า ผู้ให้เช่าตกลงให้ค่าย้ายสามร้อยบาทถ้วน" ดังนี้เป็นการยินยอมจากผู้เช่าแล้ว ถ้าถึงกำหนดแล้ว ขัดขืนไม่ออก ผู้ให้เช่าย่อมฟ้องขับไล่ได้./
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่เช่า และให้จำเลยมารับเงินค่าขนย้าย 300 บาทจากโจทก์เช่นนี้ ศาลก็ย่อม พิพากษาให้ขับไล่และให้โจทก์+ เงินห้องละ 300 บาทให้จำเลย
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่เช่า และให้จำเลยมารับเงินค่าขนย้าย 300 บาทจากโจทก์เช่นนี้ ศาลก็ย่อม พิพากษาให้ขับไล่และให้โจทก์+ เงินห้องละ 300 บาทให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าการค้าหมดอายุ แม้มีที่อยู่อาศัยรวมด้วย ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เช่าตึกทำการค้าในทำเลการค้า แม้จะอยู่อาศัยด้วยก็ไม่เป็นเคหะอันจะได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ
ผู้ให้เช่าเรียกค่าเช่าสูงขึ้น ผู้เช่าไม่ยอมให้ผู้ให้เช่าจึงมาฟ้องเลิกสัญญาเช่า ไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ผู้ให้เช่าเรียกค่าเช่าสูงขึ้น ผู้เช่าไม่ยอมให้ผู้ให้เช่าจึงมาฟ้องเลิกสัญญาเช่า ไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 812/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าที่ดินเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า แม้เดิมทีจะเช่าเพื่อทำสวน
เดิมที่เช่าเป็นที่สวนผู้เช่า เช่ามาเพื่อทำสวน ต่อมาที่ดินได้กลายสภาพไป ไม่ใช่สวนแล้ว บุตรผู้เช่าเดิมได้ทำสัญญา เช่ากับเจ้าของที่ดินใหม่ ในสัญญาก็มิได้ระบุว่า เพื่อทำสวนดังที่มารดาทำให้ไว้แต่เดิม ทั้งความจริงผู้เช่าคนหลังนี้ ก็มิได้ใช้ที่พิพาทในการทำสวนเลย แต่ปลุกบ้านอยู่ และให้ญาติพี่น้องเข้ามาปลูกบ้านอยู่กันหลายหลัง เช่นนี้ ถือได้ ว่าเป็นการเช่าที่ดินเพื่อปลูกที่อยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ และการที่ผู้เช่าให้ญาติ พี่นอ้งเข้ามาปลูกเรือนอยู่อาศัยในที่เช่าด้วย นั้น เมื่อมิได้ให้เช่าช่วงแล้ว เจ้าของที่ดินก็จะฟ้องขับไล่ไม่ได้ เพราะ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ บัญญัติเฉพาะกรณีที่ผู้เช่าให้เช่าช่วงเท่านั้น ไม่ได้ห้ามถึงกรณีที่ผู้เช่าให้ญาติพี่น้องเข้า มาใช้ประโยชน์บนที่ดินที่เช่าด้วย./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 812/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าที่ดินเปลี่ยนสภาพจากสวนเป็นที่อยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า การใช้ประโยชน์โดยญาติไม่ถือเช่าช่วง
เดิมที่เช่าเป็นที่สวนผู้เช่าเช่ามาเพื่อทำสวนต่อมาที่ดินได้กลายสภาพไป ไม่ใช่สวนแล้วบุตรผู้เช่าเดิมได้ทำสัญญาเช่ากับเจ้าของที่ดินใหม่ในสัญญาก็มิได้ระบุว่า เพื่อทำสวนดังที่มารดาทำให้ไว้แต่เดิมทั้งความจริงผู้เช่าคนหลังนี้ก็มิได้ใช้ที่พิพาทในการทำสวนเลยแต่ปลูกบ้านอยู่ และให้ญาติพี่น้องเข้ามาปลูกบ้านอยู่กันหลายหลัง เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการเช่าที่ดินเพื่อปลูกที่อยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯและการที่ผู้เช่าให้ญาติพี่น้องเข้ามาปลูกเรือนอยู่อาศัยในที่เช่าด้วย นั้นเมื่อมิได้ให้เช่าช่วงแล้ว เจ้าของที่ดินก็จะฟ้องขับไล่ไม่ได้เพราะพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯบัญญัติเฉพาะกรณีที่ผู้เช่าให้เช่าช่วงเท่านั้นไม่ได้ห้ามถึงกรณีที่ผู้เช่าให้ญาติพี่น้องเข้ามาใช้ประโยชน์บนที่ดินที่เช่าด้วย