พบผลลัพธ์ทั้งหมด 527 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าของผู้ที่อาศัยร่วมกับผู้เช่า แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส: การเป็น 'ผู้หนึ่งในครอบครัว' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
หญิงที่เป็นภรรยาผู้เช่าบ้านและอยู่กับผู้เช่าในบ้านเช่ามาช้านานในฐานะเป็นภรรยาผู้เช่า ทั้งในทะเบียนสำมะโน
ครัว ก็ลงชื่อภรรยาผู้นั้นเป็นเจ้าบ้าน แม้ภรรยาผู้นั้นจะมิได้จดทะเบียนสมรสกับผู้เช่าให้ถูกต้องตามกฎหมายก็เป็น
อันเพียงพอที่จะฟังได้ว่าภรรยานั้นเป็น "ผู้หนึ่งในครอบครัว" ของผู้เช่าตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ฯลฯ ฉะนั้น เมื่อผู้เช่าตายลง ภรรยาผู้นั้น ย่อมมีสิทธิแสดงความจำนงขออยู่ในบ้านเช่านนั้นต่อไปตามมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ได้./
ครัว ก็ลงชื่อภรรยาผู้นั้นเป็นเจ้าบ้าน แม้ภรรยาผู้นั้นจะมิได้จดทะเบียนสมรสกับผู้เช่าให้ถูกต้องตามกฎหมายก็เป็น
อันเพียงพอที่จะฟังได้ว่าภรรยานั้นเป็น "ผู้หนึ่งในครอบครัว" ของผู้เช่าตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ฯลฯ ฉะนั้น เมื่อผู้เช่าตายลง ภรรยาผู้นั้น ย่อมมีสิทธิแสดงความจำนงขออยู่ในบ้านเช่านนั้นต่อไปตามมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ได้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการอยู่อาศัยของผู้ที่อยู่ร่วมกันฉันท์ภรรยาในบ้านเช่าหลังผู้เช่าเสียชีวิต แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส
หญิงที่เป็นภรรยาผู้เช่าบ้านและอยู่กับผู้เช่าในบ้านเช่ามาช้านานในฐานะเป็นภรรยาผู้เช่า ทั้งในทะเบียนสำมะโนครัว ก็ลงชื่อภรรยาผู้นั้นเป็นเจ้าบ้านแม้ภรรยาผู้นั้นจะมิได้จดทะเบียนสมรสกับผู้เช่าให้ถูกต้องตามกฎหมายก็เป็นอันเพียงพอที่จะฟังได้ว่าภรรยานั้นเป็น 'ผู้หนึ่งในครอบครัว' ของผู้เช่าตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯฉะนั้น เมื่อผู้เช่าตายลงภรรยาผู้นั้น ย่อมมีสิทธิแสดงความจำนงขออยู่ในบ้านเช่านั้นต่อไปตามมาตรา 17 แห่ง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าและการผัดขยายเวลาเช่า ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นระหว่างผัดขยายเวลาถือเป็นค่าทดแทน
ผู้ให้เช่าได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ ให้เข้าอยู่ในห้องเช่าเองได้จึงบอกเลิกการเช่าแก่ผู้เช่า ผู้เช่าขอผัดกำหนดออกจากห้องเช่าต่อไป แม้ในระหว่างเวลาขอผัด ผู้เช่าจะตกลงให้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นจากอัตราธรรมดาและผู้ให้เช่าตกลงก็ตาม ก็ไม่ถือว่าเป็นการเช่ากันโดยคิดอัตราค่าเช่าใหม่ แต่คงถือได้ว่าเป็นการผ่อนผันชั่วคราวเท่านั้นและค่าเช่าที่ชำระเพิ่มก็ถือได้ว่าเป็นเงินค่าทดแทนให้แก่ผู้ให้เช่า ที่ผ่อนผันแก่ผู้เช่าฉะนั้นเมื่อครบกำหนดผัดแล้ว ผู้เช่าไม่ยอมออกจากที่เช่า ผู้ให้เช่าย่อมฟ้องขับไล่ผู้เช่า โดยอาศัยมติคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯลฯ ที่อนุญาตไว้นั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผ่อนผันการเช่าและการฟ้องขับไล่เมื่อครบกำหนดผัด การชำระค่าเช่าเพิ่มเป็นค่าทดแทน
ผู้ให้เช่าได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าๆให้เข้าอยู่ในห้องเช่าเองได้จึงบอกเลิกการเช่าแก่ผู้เช่า ผู้เช่าขอผัดกำหนดออกจากห้องเช่าต่อไป แม้ในระหว่างเวลาขอผัด ผู้เช่าจะตกลงให้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นจากอัตราธรรมดา และผู้ให้เช่าตกลงก็ตามก็ไม่ถือว่าเป็นการเช่ากันโดยคิดอัตราค่าเช่าใหม่ แต่คงถือได้ว่าเป็นการผ่อนผันชั่วคราวเท่านั้นและค่าเช่าที่ชำระเพิ่มก็ถือได้ว่าเป็นเงินค่าทดแทนให้แก่ผู้ให้เช่า ที่ผ่อนผันแก่ผู้เช่า ฉะนั้นเมื่อครบกำหนดผัดแล้ว ผู้เช่าไม่ยอมออกจากที่เช่า ผู้ให้เช่าย่อมฟ้องขับไล่ผู้เช่า โดยอาศัยมติคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ที่อนุญาตไว้นั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าเพื่อค้า: ค่ากินเปล่าไม่ถือเป็นความเสียหายเมื่อยังสามารถเรียกเก็บจากผู้เช่ารายใหม่ได้
ห้องเช่าอยู่ในทำเลการค้าผู้เช่าเปิดห้องเป็นร้านค้า ใช้ชื่อว่า"วีระ" ทำการตัดเสื้อผ้าขาย รับสอนการเย็บเสื้อผ้า เสียภาษีโรงค้า และประเภทร้านค้า ภาษีป้ายดังนี้เป็นเรื่องเช่าเพื่อประกอบกิจการค้าและธุรกิจ ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯ
ฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากห้องเช่า โดยเรียกค่าเสียหายคือเงินค่ากินเปล่า ซึ่งมีผู้มาบอกให้ ถ้าผู้เช่าออกจากห้องนั้นไปด้วยนั้น เงินค่ากินเปล่าเป็นค่าทดแทนในการเข้าครอบครอง ผู้ให้เช่ายังมีโอกาสที่จะเรียกเงินค่ากินเปล่าจากผู้ที่จะเข้าครอบครองในภายหน้าได้ จึงยังไม่ถือว่าผู้ให้เช่าได้รับความเสียหายในข้อนี้ จึงเรียกจากผู้เช่าไม่ได้
ฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากห้องเช่า โดยเรียกค่าเสียหายคือเงินค่ากินเปล่า ซึ่งมีผู้มาบอกให้ ถ้าผู้เช่าออกจากห้องนั้นไปด้วยนั้น เงินค่ากินเปล่าเป็นค่าทดแทนในการเข้าครอบครอง ผู้ให้เช่ายังมีโอกาสที่จะเรียกเงินค่ากินเปล่าจากผู้ที่จะเข้าครอบครองในภายหน้าได้ จึงยังไม่ถือว่าผู้ให้เช่าได้รับความเสียหายในข้อนี้ จึงเรียกจากผู้เช่าไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ห้องเช่าเพื่อการค้า ไม่ได้รับความคุ้มครอง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ค่ากินเปล่ายังเรียกได้หากมีผู้เช่ารายใหม่
ห้องเช่าอยู่ในทำเลการค้าผู้เช่าเปิดห้องเป็นร้านค้า ใช้ชื่อว่า "วีระ" ทำการตัดเสื้อผ้าขาย รับสอนการเย็บเสื้อผ้า เสียภาษีโรงค้า และประเภทร้านค้า ภาษีป้ายดังนี้ เป็นเรื่องเช่าเพื่อประกอบกิจการค้าและธุระกิจ ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
ฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากห้องเช่า โดยเรียกค่าเสียหาย คือเงินค่ากินเปล่า ซึ่งมีผู้มาบอกให้ ถ้าผู้เช่าออกจากห้องนั้นไปด้วยนั้น เงินค่ากินเปล่าเป็นค่าทดแทนในการเข้าครอบครอง ผู้ให้เช่ายังมีโอกาสที่จะเรียกเงินค่ากินเปล่าจากผู้ที่จะเข้าครอบครองในภายหน้าได้ จึงยังไม่ถือว่าผู้ให้เช่าได้รับความเสียหายในข้อนี้ จึงเรียกจากผู้เช่าไม่ได้
ฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากห้องเช่า โดยเรียกค่าเสียหาย คือเงินค่ากินเปล่า ซึ่งมีผู้มาบอกให้ ถ้าผู้เช่าออกจากห้องนั้นไปด้วยนั้น เงินค่ากินเปล่าเป็นค่าทดแทนในการเข้าครอบครอง ผู้ให้เช่ายังมีโอกาสที่จะเรียกเงินค่ากินเปล่าจากผู้ที่จะเข้าครอบครองในภายหน้าได้ จึงยังไม่ถือว่าผู้ให้เช่าได้รับความเสียหายในข้อนี้ จึงเรียกจากผู้เช่าไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำกรณีเช่าเคหะ: การเปลี่ยนแปลงเจตนาเช่าจากที่อยู่อาศัยเป็นค้าขายต้องชัดเจน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยในคดีก่อน อ้างว่าจำเลยใช้สถานที่เช่าเพื่อประกอบการค้าประเภทรับจ้างซักรีดเช่นเดียวกับคดีนี้ ศาลวินิจฉัยว่า จำเลยเช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯลฯ แม้ภายหลังได้มีคำพิพากษาฎีกาหลายเรื่องวินิจฉัยคำว่า "เคหะ" ตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ก็ไม่เป็นเหตุให้เปลี่ยนแปลงผลแห่งคำพิพากษาในคดีก่อนว่าไม่เป็น "เคหะ" ได้ การที่โจทก์ฟ้องคดีใหม่อ้างเหตุว่าจำเลยยอมเสียค่าเช่าเพิ่มจากเดิมโดยจำเลยได้ขยายกิจการการค้าในร้านนี้กว้างขวางออกไปอีก รับจ้างซักรีดผ้าทุกชนิด เพียงเท่านี้ยังไม่พอให้เห็นว่า คู่สัญญาได้เปลี่ยนเจตนาจากการเช่าอยู่อาศัย เป็นการเช่าเพื่อประกอบการค้า จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1270/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงเจตนาเช่าจากที่อยู่อาศัยเป็นค้า และฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยในคดีก่อน อ้างว่าจำเลยใช้สถานที่เช่าเพื่อประกอบการค้าประเภทรับจ้างซักรีดเช่นเดียวกับคดีนี้ ศาลวินิจฉัยว่า จำเลยเช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯ แม้ภายหลังได้มีคำพิพากษาฎีกาหลายเรื่องวินิจฉัยคำว่า "เคหะ" ตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯก็ไม่เป็นเหตุให้เปลี่ยนแปลงผลแห่งคำพิพากษาในคดีก่อนว่าไม่เป็น"เคหะ" ได้ การที่โจทก์ฟ้องคดีใหม่อ้างเหตุว่าจำเลยยอมเสียค่าเช่าเพิ่มจากเดิมโดยจำเลยได้ขยายกิจการค้าในร้านนี้กว้างขวางออกไปอีก รับจ้างซักรีดผ้าทุกชนิดเพียงเท่านี้ยังไม่พอให้เห็นว่า คู่สัญญาได้เปลี่ยนเจตนาจากการเช่าอยู่อาศัยเป็นการเช่าเพื่อประกอบการค้าจึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1031/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายห้องเช่าเพื่อเลี่ยงสัญญาเช่า เป็นโมฆะ
โจทก์ไม่พอใจผู้เช่าเคหะของโจทก์ ได้เพียรพยายามจะให้ออกไปจากห้องเช่าทุกวิถีทางก็ไม่สำเร็จ จึงใช้วิธีขายเฉพาะตัวห้องพิพาทให้จำเลย โดยตกลงกันให้จำเลยรื้อห้องพิพาทไป ทั้งๆที่รู้อยู่ว่า ผู้เช่าก็ยังเช่าอยู่ เช่นนี้ย่อมเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และเป็นการตกลงที่ทำให้โจทก์ผู้ให้เช่าหลุดพ้นจากหน้าที่หรือภาระซึ่งมีอยู่ตามสัญญาเช่า คือถ้าต้องรื้อห้องไป หน้าที่หรือภาระที่ห้องจะต้องปลูกอยู่ในที่ดินตรงนั้นก็หลุดพ้นไปคือ โจทก์เอาที่ดินตรงนั้นไปทำประโยชน์อื่นได้ การตกลงเช่นนี้ เป็นการตกลงขัดกับ พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯพ.ศ.2489 มาตรา 11(3) ข้อตกลงซื้อขายเฉพาะเพื่อให้รื้อถอนไป จึงตกเป็นโมฆะ โจทก์จะขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนห้องพิพาทไปมิได้(คดีนี้ผู้เช่าร้องสอดเข้าเป็นจำเลย)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1031/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายเคหะเช่าเพื่อเลี่ยงสัญญาเช่า เป็นโมฆะและใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
โจทก์ไม่พอใจผู้เช่าเคหะของโจทก์ ได้เพียรพยายามจะให้ออกไปจากห้องเช่าทุกวิถีทางก็ไม่สำเร็จ จึงใช้วิธีขายเฉพาะตัวห้องพิพาทให้จำเลย โดยตกลงกันให้จำเลยรื้อห้องพิพาทไป ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่า ผู้เช่าก็ยังเช่าอยู่ เช่นนี้ย่อมเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและเป็นการตกลงที่ทำให้โจทก์ผู้ให้เช่าหลุดพ้นจากหน้าที่หรือภาระซึ่งมีอยู่ตามสัญญาเช่า คือถ้าต้องรื้อห้องไป หน้าที่หรือภาระที่ห้องจะต้องปลูกอยู่ในที่ดินตรงนั้นก็หลุดพ้นไป คือ โจทก์เอาที่ดินตรงนั้นไปทำประโยชน์อื่นได้ การตกลงเช่นนี้ เป็นการตกลงขัดกับ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ พ.ศ. 2498 มาตรา 11 (3) ข้อตกลงซื้อขายเฉพาะเพื่อให้รื้อถอนไป จึงตกเป็นโมฆะ โจทก์จะขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนห้องพิพาทไปมิได้(คดีนี้ ผู้เช่าร้องสอดเข้าเป็นจำเลย)