คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1467

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 20 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2270/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในสินสมรส: ที่ดิน vs. รถยนต์ และผลของการจดทะเบียน
ที่ดินสินสมรสระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งมีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินโจทก์ ซึ่งเป็นภริยาร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของร่วมกันในโฉนดนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1467 ส่วนรถยนต์นั้นแม้จะมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของในใบทะเบียนรถยนต์ก็ตาม แต่ใบทะเบียนรถยนต์ก็มิใช่เอกสารอันเป็นที่ตั้งแห่งกรรมสิทธิ์ จึงไม่ใช่เอกสารเป็นสำคัญสำหรับทรัพย์ (รถยนต์) ตามความหมายแห่งมาตรา 1467 ดังกล่าว จึงบังคับจำเลยให้ลงชื่อโจทก์เป็นเจ้าของร่วมกันไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ น.ส.3 ไม่แสดงกรรมสิทธิ์ สามีมีอำนาจขายที่ดินบริคณห์ได้โดยลำพัง
หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ไม่เป็นเอกสารสำคัญที่จะแสดงว่าผู้มีชื่อในหนังสือนั้นมีกรรมสิทธิ์ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ มาตรา 1467 และ 1474 ฉะนั้น แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นสามีภรรยากันมีชื่อร่วมกันในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จำเลยที่ 1 สามีก็มีอำนาจจำหน่ายได้โดยลำพัง ไม่จำต้องให้จำเลยที่ 2 ภริยาเข้าชื่อเป็นผู้ขายด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจำหน่ายที่ดิน น.ส.3: สามีมีอำนาจจำหน่ายได้โดยลำพัง แม้ที่ดินมีชื่อทั้งสองสามีภรรยา
หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ไม่เป็นเอกสารสำคัญที่จะแสดงว่าผู้มีชื่อในหนังสือนั้นมีกรรมสิทธิ์ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1467 และ 1474 ฉะนั้นแม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นสามีภรรยากันมีชื่อร่วมกันในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จำเลยที่ 1 สามีก็มีอำนาจจำหน่ายได้โดยลำพัง ไม่จำต้องให้จำเลยที่ 2 ภริยาเข้าชื่อเป็นผู้ขายด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2094/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิภริยาในสินสมรสก่อนประมวลกฎหมายแพ่งฯ: การลงชื่อในโฉนดที่ดิน
สามีภริยาก่อนใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ภริยามีสิทธิร้องขอให้ลงชื่อในโฉนดที่ดินสินสมรสร่วมกับสามีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69-70/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรสที่ยังไม่สิ้นสุดแม้แยกกันอยู่ และผลของการจดทะเบียนสมรสใหม่
สามีภริยาก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แยกกันอยู่โดย ไม่มีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยา ภายหลังใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 โดยมิได้ทำหนังสือหย่าขาดกัน ยังถือว่าเป็นสามีภริยากันตามกฎหมาย
สามีและภริยาน้อยอันชอบด้วยกฎหมายก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 มีสิทธิร้องขอให้นายทะเบียนบันทึกฐานะของภริยาได้ตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ.2478 แต่ไม่มีสิทธิจดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้น ภริยาหลวงย่อมขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนการจดทะเบียนสมรสดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69-70/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรสที่ยังไม่สิ้นสุดตามกฎหมาย แม้แยกกันอยู่ และสิทธิในสินสมรสของภริยาหลวง
สามีภริยาก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5แยกกันอยู่โดยไม่มีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยา ภายหลังใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 โดยมิได้ทำหนังสือหย่าขาดกัน ยังถือว่าเป็นสามีภริยากันตามกฎหมาย
สามีและภริยาน้อยอันชอบด้วยกฎหมายก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 มีสิทธิร้องขอให้นายทะเบียนบันทึกฐานะของภริยาได้ตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ.2478 แต่ไม่มีสิทธิจดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้นภริยาหลวงย่อมขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนการจดทะเบียนสมรสดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2004/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้โดยเสน่หาและสิทธิในสินสมรส: การให้ทรัพย์สินแก่บุตรด้วยความเสน่หาชอบด้วยกฎหมาย และสิทธิของคู่สมรสในสินสมรส
โจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นสามีภริยากัน. จำเลยที่ 2 เป็นบุตรโจทก์และจำเลยที่ 1 ได้ช่วยเหลือดูแลทรัพย์สินของโจทก์และจำเลยที่ 1. จำเลยที่ 2 ไปเฝ้าสวนของโจทก์และจำเลยที่ 1 ถูกคนร้ายยิงจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและ ตัดลำใส้. ในตอนหลังโจทก์กับจำเลยที่ 1 มีเรื่องจนต้องแยกกันอยู่. จำเลยที่ 1 ได้จำเลยที่ 2 ผู้เดียวเป็นผู้ปรนนิบัติ. นับได้ว่าจำเลยที่ 2มีปฏิการะต่อบิดามารดายิ่งกว่าบุตรคนอื่น. การที่จำเลยที่ 1 ยกที่ดินให้จำเลยที่ 2 อันเกิดจากโจทก์โดยเสน่หา ทั้งยกให้เพียงครึ่งหนึ่ง โดยจำเลยที่ 1จดทะเบียนสิทธิเก็บกินไว้ตลอดชีวิต. อีกครึ่งหนึ่งยังเป็นสินบริคณห์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 อยู่. ดังนี้เป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473 วรรค 2(3).
โจทก์ฟ้องขอให้ลงชื่อโจทก์เป็นเจ้าของร่วมกับจำเลยในโฉนดที่ดินทั้งแปลง. เมื่อได้ความว่าที่ดินยังเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์และจำเลยเพียงครึ่งหนึ่งก็ชอบที่จะลงชื่อโจทก์เป็นเจ้าของร่วมกับจำเลยในส่วนที่ยังเป็นสินสมรสอยู่นั้นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2004/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้โดยเสน่หาแก่บุตรที่ดูแลบิดามารดา และสิทธิในสินสมรส
โจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นสามีภริยากัน จำเลยที่ 2 เป็นบุตรโจทก์และจำเลยที่ 1 ได้ช่วยเหลือดูแลทรัพย์สินของโจทก์และจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ไปเฝ้าสวนของโจทก์และจำเลยที่ 1 ถูกคนร้ายยิงจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและ ตัดลำใส้ ในตอนหลังโจทก์กับจำเลยที่ 1 มีเรื่องจนต้องแยกกันอยู่ จำเลยที่ 1 ได้จำเลยที่ 2 ผู้เดียวเป็นผู้ปรนนิบัติ นับได้ว่าจำเลยที่ 2มีปฏิการะต่อบิดามารดายิ่งกว่าบุตรคนอื่น การที่จำเลยที่ 1 ยกที่ดินให้จำเลยที่ 2 อันเกิดจากโจทก์โดยเสน่หา ทั้งยกให้เพียงครึ่งหนึ่ง โดยจำเลยที่ 1 จดทะเบียนสิทธิเก็บกินไว้ตลอดชีวิต อีกครึ่งหนึ่งยังเป็นสินบริคณห์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 อยู่ ดังนี้เป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473 วรรค 2(3)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงชื่อโจทก์เป็นเจ้าของร่วมกับจำเลยในโฉนดที่ดินทั้งแปลง เมื่อได้ความว่าที่ดินยังเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์และจำเลยเพียงครึ่งหนึ่งก็ชอบที่จะลงชื่อโจทก์เป็นเจ้าของร่วมกับจำเลยในส่วนที่ยังเป็นสินสมรสอยู่นั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2004/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้โดยเสน่หาแก่บุตรและการแบ่งสินสมรส ศาลพิจารณาความเหมาะสมทางศีลธรรมและการลงชื่อเจ้าของร่วม
โจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นสามีภริยากัน. จำเลยที่ 2 เป็นบุตรโจทก์และจำเลยที่ 1 ได้ช่วยเหลือดูแลทรัพย์สินของโจทก์และจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ไปเฝ้าสวนของโจทก์และจำเลยที่ 1 ถูกคนร้ายยิงจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและตัดลำไส้ ในตอนหลังโจทก์กับจำเลยที่ 1 มีเรื่องจนต้องแยกกันอยู่ จำเลยที่ 1 ได้จำเลยที่ 2 ผู้เดียวเป็นผู้ปรนนิบัติ นับได้ว่าจำเลยที่ 2มีปฏิการะต่อบิดามารดายิ่งกว่าบุตรคนอื่น การที่จำเลยที่ 1 ยกที่ดินให้จำเลยที่ 2 อันเกิดจากโจทก์โดยเสน่หา ทั้งยกให้เพียงครึ่งหนึ่ง โดยจำเลยที่ 1 จดทะเบียนสิทธิเก็บกินไว้ตลอดชีวิต อีกครึ่งหนึ่งยังเป็นสินบริคณห์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 อยู่ ดังนี้เป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473 วรรค 2(3)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงชื่อโจทก์เป็นเจ้าของร่วมกับจำเลยในโฉนดที่ดินทั้งแปลง เมื่อได้ความว่าที่ดินยังเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์และจำเลยเพียงครึ่งหนึ่งก็ชอบที่จะลงชื่อโจทก์เป็นเจ้าของร่วมกับจำเลยในส่วนที่ยังเป็นสินสมรสอยู่นั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1690/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจำหน่ายสินบริคณห์: ใบไต่สวนไม่ใช่เอกสารสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์
ใบไต่สวน ตามประมวลกฎหมายที่ดินนั้น หาใช่เอกสารสำคัญที่จะแสดงว่าผู้มีชื่อในใบไต่สวนเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามความหมายของคำว่าเอกสารสำคัญในประมวลกฎหมายแพ่งแลพาณิชยืไม่
ที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญอันเป็นสินบริคณห์ระหว่างสามีภริยานั้น สามีในฐานะเป็นผู้จัดการสินบริคณห์ย่อมมีอำนาจที่จะจำหน่ายทรัย์สินนั้นได้โดยลำพังตนเอง
of 2