คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1478

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3980/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งสินสมรสกรณีคู่สมรสสมรสก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งฯ และการโอนสินสมรสโดยเสน่หา
ในคดีฟ้องขอให้แยกสินสมรสตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย เมื่อคำฟ้องโจทก์บรรยายไว้พอเข้าใจได้ว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างก็มีสินเดิม ดังนี้หากจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีสินเดิมประเด็นข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ในข้อมีสินเดิมหรือไม่จึงไม่เกิดขึ้น จำเลยไม่มีสิทธินำพยานมาสืบได้ แม้ศาลชั้นต้นให้จำเลยสืบก็เป็นการสืบนอกประเด็น และหากศาลรับวินิจฉัยก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยนอกประเด็นและยังมีประเด็นข้ออื่นที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยต่อไป แต่ศาลล่างทั้งสองยังมิได้วินิจฉัยมาและข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของโจทก์จำเลยเพียงพอแก่การวินิจฉัยแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยไปเลยทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลล่างทั้งสองพิพากษาใหม่
โจทก์จำเลยที่ 1 สมรสกันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 (เดิม) ความสัมพันธ์ในครอบครัวอันเกิดแต่การสมรส กฎหมายลักษณะผัวเมียไม่ได้บัญญัติไว้ว่าให้มีการแยกสินสมรสโดยไม่ได้ฟ้องหย่า แต่ก็ไม่มีบังคับไว้ว่าถ้ายังไม่หย่าจะต้องบริคณห์ทรัพย์สินกันเสมอไปจะแยกมิได้ ฉะนั้นการที่จะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1475 และ 1484 มาใช้แก่คู่สมรสซึ่งสมรสกันก่อนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 (เดิม)จึงไม่เป็นการกระทบกระเทือนถึงการสมรสหรือความสัมพันธ์ในครอบครัวตามความหมายที่พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2477 มาตรา 4(1) และพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติ บรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 มาตรา 4ได้ยกเว้นนั้นแต่อย่างใด จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนที่ดินซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 โดยเสน่หาโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอแบ่งสินสมรสดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3980/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งสินสมรสหลังสมรสก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งฯ ศาลฎีกาพิพากษากลับให้แบ่งสินสมรสเป็นธรรม
ในคดีฟ้องขอให้แยกสินสมรสตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย เมื่อคำฟ้องโจทก์บรรยายไว้พอเข้าใจได้ว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างก็มีสินเดิม ดังนี้หากจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีสินเดิมประเด็นข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ในข้อมีสินเดิมหรือไม่จึงไม่เกิดขึ้น จำเลยไม่มีสิทธินำพยานมาสืบได้ แม้ศาลชั้นต้นให้จำเลยสืบก็เป็นการสืบนอกประเด็น และหากศาลรับวินิจฉัยก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยนอกประเด็นและยังมีประเด็นข้ออื่นที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยต่อไป แต่ศาลล่างทั้งสองยังมิได้วินิจฉัยมาและข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของโจทก์จำเลยเพียงพอแก่การวินิจฉัยแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยไปเลยทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลล่างทั้งสองพิพากษาใหม่ โจทก์จำเลยที่ 1 สมรสกันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5(เดิม) ความสัมพันธ์ในครอบครัวอันเกิดแต่การสมรส กฎหมายลักษณะผัวเมียไม่ได้บัญญัติไว้ว่าให้มีการแยกสินสมรสโดยไม่ได้ฟ้องหย่า แต่ก็ไม่มีบังคับไว้ว่าถ้ายังไม่หย่าจะต้องบริคณห์ทรัพย์สินกันเสมอไปจะแยกมิได้ ฉะนั้นการที่จะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1475 และ 1484 มาใช้แก่คู่สมรสซึ่งสมรสกันก่อนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5(เดิม)จึงไม่เป็นการกระทบกระเทือนถึงการสมรสหรือความสัมพันธ์ในครอบครัวตามความหมายที่พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2477 มาตรา 4(1) และพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติ บรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 มาตรา 4ได้ยกเว้นนั้นแต่อย่างใด จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนที่ดินซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 โดยเสน่หาโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอแบ่งสินสมรสดังกล่าวได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2850/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการยื่นคำร้องจัดการสินสมรสแทนคู่สมรส ต้องมีมอบอำนาจชัดเจน หรือมีเหตุขัดข้องตามกฎหมาย
ผู้ร้องกับสามีจองซื้อบ้านและที่ดินไว้ ต่อมา อ.สามีทิ้งร้างไปผู้ร้องไม่อาจกู้เงินและจดทะเบียนจำนองบ้านและที่ดินที่จองไว้ จึงร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ อ. จัดการขอกู้เงินพร้อมกับจดทะเบียนจำนองบ้านและที่ดินไว้กับบริษัท ค.และอนุญาตให้อ. จัดการโอนสิทธิการจองบ้านและที่ดินดังกล่าวให้กับบุคคลภายนอกต่อไป ดังนี้ เป็นการยื่นคำร้องขอแทน อ.โดยที่อ. มิได้มอบอำนาจให้ผู้ร้องกระทำการแทน ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะยื่นคำร้องขอดังกล่าวได้
คำว่า"อาจร้องขอต่อศาลให้สั่งอนุญาตแทนได้" ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1478 นั้น หมายความถึงให้ฝ่ายที่ต้องการได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง แต่มีเหตุขัดข้องตามที่บัญญัติไว้มีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องจัดการเกี่ยวกับสินสมรสแต่ฝ่ายเดียวแทนการให้ความยินยอมของอีกฝ่ายหนึ่งนั้นได้ มิใช่ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องแทน อ.โดยอ.มิได้มอบอำนาจไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 800/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยาต้องมีกฎหมายให้อำนาจเฉพาะเจาะจง
โดยปกติเมื่อชายหญิงยังเป็นสามีภรรยากันอยู่จะฟ้องร้องกันด้วยเรื่องทรัพย์ที่บริคณห์กันอยู่ไม่ได้ เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้ เช่นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1467,1472,1478 ในกรณีเช่นที่โจทก์ฟ้องนี้ ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย(อ้างฎีกา 622/2489)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 734/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนจากภรรยาและชู้ ความแตกต่างระหว่างอาญาสินไหมและคดีแพ่ง
กฎหมายลักษณะผัวเมียบทที่ 10 ซึ่งให้ริบทรัพย์ในกรณีที่ภรรยามีชู้นั้น เป็นอาญาสินไหม แต่ประมวลแพ่ง ฯ ไม่มีบทให้ริบทรัพย์ จึงถือว่าถูกยกเลิกโดยประมวลแพ่ง ฯ
หญิงมีชู้ สามีฟ้องเรียกค่าทดแทนจากภรรยาและชู้ได้
หมายเหตุ ภรรยาได้ฟ้องหย่าและขอแบ่งทรัพย์ไว้ก่อนแล้วและได้ทำยอมต่อศาลยอมหย่าและแบ่งทรัพย์กัน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2487โจทก์ยื่น้ฟองคดีนี้เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2487

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 734/2489

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนจากภรรยาและชายชู้ กรณีภรรยามีชู้ โดยไม่มีสิทธิริบทรัพย์
กฎหมายลักษณะผัวเมียบทที่ 10 ซึ่งให้ริบทรัพย์ในกรณีที่ภรรยามีชู้นั้นเป็นอาญาสินไหม แต่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่มีบทให้ริบทรัพย์จึงถือว่าถูกยกเลิกโดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
หญิงมีชู้สามีฟ้องเรียกค่าทดแทนจากภรรยาและชู้ได้
หมายเหตุ ภรรยาได้ฟ้องหย่าและขอแบ่งทรัพย์ไว้ก่อนแล้วและได้ทำยอมต่อศาลยอมหย่าและแบ่งทรัพย์กัน เมื่อวันที่12 มิถุนายน 2487 โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2487

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2489

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สามีภรรยาที่ยังอยู่กินด้วยกัน ไม่มีอำนาจฟ้องเรื่องทรัพย์สินที่บริคณห์ปนกัน เว้นแต่มีกฎหมายให้อำนาจ
สามีภรรยาที่ยังอยู่กินด้วยกัน จะฟ้องร้องกันด้วยเรื่องทรัพย์สินที่บริคณห์ปนกันอยู่นั้นมิได้ เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้
ภรรยาอ้างว่า ทรัพย์เป็นสินสมรส ฝ่ายสามีว่าเป็นทรัพย์ของผู้อื่นจะฟ้องสามีขอให้ศาลแสดงว่าเป็นสินสมรสไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาที่ยังอยู่กินด้วยกัน ไม่มีอำนาจฟ้องเว้นแต่กฎหมายบัญญัติ
สามีภริยาที่ยังอยู่กินด้วยกัน จะฟ้องร้องกันด้วยเรื่องทรัพย์สินที่บริคณห์ปนกันอยู่นั้นมิได้ เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้
ภรรยาอ้างว่า ทรัพย์เป็นสินสมรส ฝ่ายสามีว่าเป็นทรัพย์ของผู้อื่น จะฟ้องสามีขอให้ศาลแสดงว่าเป็นสินสมรสไม่ได้