พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฆ่า vs. ทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาชนิดและระยะใกล้ของอาวุธในการประเมินเจตนา
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249, 60 ศาลชั้นต้นไม่เชื่อข้อ เท็จจริง พิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บตามมาตรา 254 จำคุก 2 ปี ดังนี้ ดจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามฐานพยายามฆ่าคนตามมาตรา 249 - 60 ได้, ไม่ต้องห้าม.
ปืนที่จำเลยใช้ยิงเขาเป็นปืนลูกซองพก ยาวราว 1 คืบ กระสุนโตเท่าเมล็ดพริกไทย ยิงในระยะห่าง 5 วา ถูกผู้เสีย หายกระสุนฝังเนื้อกล้าม หมอได้แคะออกแสดงว่า ฝังอยู่ตื้น ๆ ผู้เสียหายคนหนึ่งรักษาบาดแผล 10 วัน หาย อีกคน หนึ่งรักษา 6 - 7 วันหาย ประกอบกับโจทก์ไม่ได้สืบว่าปืนนี้ หรือปืนชะนิดนี้อย่างนี้มีกำลังแรงมากน้อยเพียงไร สามารถยิงให้หถึงตายได้หรือไม่ นั้น ควรฟังว่าปืนที่ยิงนั้น ไม่สามารถจะทำให้ผู้ถูกยิงถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึง ยังไม่ผิดฐานพยายามฆ่าคนตาย คงผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บ เท่านั้น. /
ปืนที่จำเลยใช้ยิงเขาเป็นปืนลูกซองพก ยาวราว 1 คืบ กระสุนโตเท่าเมล็ดพริกไทย ยิงในระยะห่าง 5 วา ถูกผู้เสีย หายกระสุนฝังเนื้อกล้าม หมอได้แคะออกแสดงว่า ฝังอยู่ตื้น ๆ ผู้เสียหายคนหนึ่งรักษาบาดแผล 10 วัน หาย อีกคน หนึ่งรักษา 6 - 7 วันหาย ประกอบกับโจทก์ไม่ได้สืบว่าปืนนี้ หรือปืนชะนิดนี้อย่างนี้มีกำลังแรงมากน้อยเพียงไร สามารถยิงให้หถึงตายได้หรือไม่ นั้น ควรฟังว่าปืนที่ยิงนั้น ไม่สามารถจะทำให้ผู้ถูกยิงถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึง ยังไม่ผิดฐานพยายามฆ่าคนตาย คงผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บ เท่านั้น. /
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารประกอบฟ้องขัดแย้งกับข้อกล่าวหา ศาลยกฟ้อง แม้จำเลยรับสารภาพ
เอกสารที่โจทก์ส่งติดมาพร้อมกับฟ้องนั้น เป็นส่วนหนึ่งของฟ้องหมดทั้งฉะนั้น
ฟ้องหาว่า
จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเมื่อวันที่ 8 แต่ตามรายงานชัณสูตรบาดแผลทีโจทก์ส่งพร้อมกับฟ้องปรากฏว่า ผู้บาดเจ็บมีบาดแผลวันที่ 5 ดังนี้ย่อมขัดกันเอง ฟังไม่ได้ว่า จำเลยทำผิดตามวันที่โจทก์ฟ้อง แม้จำเลยจะรับสารภาพตามฟ้อง ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ ต้องยกฟ้อง
ฟ้องหาว่า
จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเมื่อวันที่ 8 แต่ตามรายงานชัณสูตรบาดแผลทีโจทก์ส่งพร้อมกับฟ้องปรากฏว่า ผู้บาดเจ็บมีบาดแผลวันที่ 5 ดังนี้ย่อมขัดกันเอง ฟังไม่ได้ว่า จำเลยทำผิดตามวันที่โจทก์ฟ้อง แม้จำเลยจะรับสารภาพตามฟ้อง ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพกับการพิจารณาโทษ ศาลไม่จำต้องสืบพยานเพิ่มเติมหากคำรับสารภาพสอดคล้องกับหลักฐาน
คดีมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่ถึง 10 ปี ซึ่งเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องแล้ว ศาลก็ย่อมพิพากษาได้ โดยมิต้องฟังพะยานโจทก์ต่อไป แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องลงโทษจำเลยตามคำรับสารภาพเสมอไปในเมื่อปรากฎตามหลักฐานในสำนวนขัดแย้งกับคำรับของจำเลย
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ตามใบชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ปรากฎตามใบชันสูตรบาดแผลว่า รักษาในโรงพยาบาล 8 วันทุเลาอีกประมาณ 14 วันหาย รวมเป็น 22 วัน ข้อว่าไม่สามารถประกอบการหาเลี้ยงชีพได้ตามปรกติเกิน 20 วันนั้นเป็นข้อเท็จจริง ในวันที่จำเลยมาให้การรับสารภาพต่อศาลก็เป็นเวลาถึง 2 เดือนเศษจากวันที่ทำร้ายกัน จำเลยย่อมทราบความข้อนี้ดี โจทก์ไม่จำต้องสืบพะยานอะไรอีก ศาลก็ลงโทษจำเลยได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องรู้และวินิจฉัยถึงว่าผู้บาดเจ็บมีอาชีพอะไร.
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ตามใบชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ปรากฎตามใบชันสูตรบาดแผลว่า รักษาในโรงพยาบาล 8 วันทุเลาอีกประมาณ 14 วันหาย รวมเป็น 22 วัน ข้อว่าไม่สามารถประกอบการหาเลี้ยงชีพได้ตามปรกติเกิน 20 วันนั้นเป็นข้อเท็จจริง ในวันที่จำเลยมาให้การรับสารภาพต่อศาลก็เป็นเวลาถึง 2 เดือนเศษจากวันที่ทำร้ายกัน จำเลยย่อมทราบความข้อนี้ดี โจทก์ไม่จำต้องสืบพะยานอะไรอีก ศาลก็ลงโทษจำเลยได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องรู้และวินิจฉัยถึงว่าผู้บาดเจ็บมีอาชีพอะไร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 861/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานทำร้ายร่างกายแม้ฟ้องกล่าวถึงการวิวาท ศาลลงโทษตามมาตรา 254 ได้
แม้ฟ้องจะกล่าวว่าจำเลยสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายกันก็ดี แต่ก็ได้บรรยายโดยชัดแจ้งว่า จำเลยที่ 1 ได้ใช้มีดพับทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 2 ที่ 3 ถึงบาดเจ็บทุพพลภาพ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลก็ย่อมลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บตามมาตรา 254 ได้ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีฆ่าคนตายโดยไม่มีศพ การชันสูตรพลิกศพ และการรับฟังพยานหลักฐาน
เมื่อไม่ได้มีการชันสูตรพลิกศพผู้ตาย เพราะบิดาผู้ตาย ได้จัดการเผาศพไปก่อนแล้ว โจทก์ก็ย่อมฟ้องจำเลยในความผิดฐานฆ่าคนตายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382-384/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาว่าอาวุธปืนเป็นเครื่องสังหารชีวิตหรือไม่ พิจารณาจากลักษณะการใช้งานและผลที่เกิดขึ้น
อาวุธปืนที่จะต้องถือว่าเป็นเครื่องสังหารชีวิตมนุษย์นั้นย่อมมีลักษณะว่าถ้าใช้อาวุธปืนนั้นยิงคน ตามธรรมดาจะให้บังเกิดความตาย หรือความตายเป็นผลธรรมดาของการที่ถูกอาวุธนั้น จึงจะถือว่าอาวุธปืนนั้นเป็นเครื่องสังหารต่อชีวิต ซึ่งถ้าใครใช้อาวุธปืนชะนิดนั้นยิงผู้ใด ก็จะถือว่าผู้นั้น เจตนาฆ่า
จำเลยได้ใช้ปืนลูกซองขนาดเล็กบรรจุกระสุนลูกปลายขนาดเล็กเบอร์ 8 ปากกระบอกปืนมีสูนย์กลางกว้างเพียง 1.5 ซ.ม. คำชันสูตรบาดแผลปรากฎว่า แผลเป็นจุด ๆ ใกล้ชิดกัน ขนาดของแผลแต่ละแผลกว้าง 2 ม.ม. ยาว 2 ม.ม. ลึกเป็นจุดกลมขนาดเมล็ดถั่วเขียวและมีเม็ดกระสุนฝังในเนื้อ รักษา 15 วันหาย ดังนี้ จำเลยไม่มีผิดฐานพยายามฆ่าคน แต่มีผิดฐานทำร้ายร่างกาย.
จำเลยได้ใช้ปืนลูกซองขนาดเล็กบรรจุกระสุนลูกปลายขนาดเล็กเบอร์ 8 ปากกระบอกปืนมีสูนย์กลางกว้างเพียง 1.5 ซ.ม. คำชันสูตรบาดแผลปรากฎว่า แผลเป็นจุด ๆ ใกล้ชิดกัน ขนาดของแผลแต่ละแผลกว้าง 2 ม.ม. ยาว 2 ม.ม. ลึกเป็นจุดกลมขนาดเมล็ดถั่วเขียวและมีเม็ดกระสุนฝังในเนื้อ รักษา 15 วันหาย ดังนี้ จำเลยไม่มีผิดฐานพยายามฆ่าคน แต่มีผิดฐานทำร้ายร่างกาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองโดยชอบธรรมเมื่อเจ้าพนักงานกระทำนอกหน้าที่ในการจับกุม
กรมการอำเภอตั้งกำนันตรวจโรงฆ่าสัตว์ และทำการจับกุมผู้ฆ่าสุกร โดยไม่ได้รับอนุญาต กำนันไปพบผู้หาบของมาสงสัยว่าจะทำการขายเนื้อสุกรโดยไม่ได้รับอนุญาต จะเข้าจับกุมผู้นั้นหนีเข้าบ้าน กำนันตามเข้าไปเพื่อจะจับ จำเลยหยิบมีดมาเงื้อจะทำร้าย พอดีตำรวจจับจำเลย ดังนี้ ไม่มีเหตุถือว่า เป็นการกระทำผิดซึ่งหน้า และคดีนี้กำนันไม่มีอำนาจเข้าไปจับในห้อง จึงเป็นการนอกหน้าที่ จำเลยทำการป้องกันได้ ไม่มีความผิด