คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 6 (3)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 10 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตในการยักยอกทรัพย์: พฤติการณ์บ่งชี้เจตนาจากการใช้เงินผิดหน้าที่
เจตนาทุจริตของจำเลยศาลไม่อาจหยั่งรู้ควมในใจอันแท้จริงได้ นอกจากจะอนุโลมโดยอาศัยเหตุผลทั่ว ๆ ไปตามที่ปรากฎในท้องสำนวน
ผู้เสียหายมอบเงินจำเลยให้นำไปชำระแก่เจ้าหนี้ของผู้เสียหายจำเลยเอาไปใช้ส่วนตัวเสียบางส่วนแม้จะได้ไปบอกเจ้าหนี้ว่า ผู้เสียหายได้มอบเงินมาชำระครบแล้วแต่จำเลยเอาไปใช้เสียบางส่วน คงส่งให้แต่ส่วนที่เหลือ รับจะใช้คืนให้โดยไม่ต้องไปทวงจากผู้เสียหายอีก พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยเอาเงินรายนี้ไปใช้โดยเจตนาทุจริต คดีนี้จำเลยมีหน้าที่จะนำเงินไปมอบให้เจ้าหนี้ตามที่รับมอบมา เงินแม้จะเป็นธนบัตรเปลี่ยนมือให้หากจำเลยเอาไปใช้เมื่อถึงคราวจะนำไปให้เจ้าหนี้จำเลยก็ต้องพร้อมที่จะมอบเงินในจำนวนนั้นให้แก่เจ้าหนี้ทันที มิใช่หวังเอาเองอย่างเลื่อนลอยว่าเจ้าหนี้คงจะยอมเปลี่ยนตัวลูกหนี้ให้อนึ่งการไปบอกความจริงแก่เจ้าหนี้ดังกล่าวเป็นการสารภาพผิดมิใช่การแสดงความบริสุทธิ์ของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตในการยักยอกทรัพย์: การกระทำที่แสดงเจตนา และการปฏิเสธความรับผิดชอบ
เจตนาทุจริตของจำเลยศาลไม่อาจหยั่งรู้ความในใจอันแท้จริงได้ นอกจากจะอนุโลมโดยอาศัยเหตุผลทั่วๆ ไปตามที่ปรากฏในท้องสำนวน
ผู้เสียหายมอบเงินจำเลยให้นำไปชำระแก่เจ้าหนี้ของผู้เสียหายจำเลยเอาไปใช้ส่วนตัวเสียบางส่วนแม้จะได้ไปบอกแก่เจ้าหนี้ว่าผู้เสียหายได้มอบเงินมาชำระครบแล้วแต่จำเลยเอาไปใช้เสียบางส่วนต้องส่งให้แต่ส่วนที่เหลือรับจะใช้คืนให้โดยไม่ต้องไปทวงจากผู้เสียหายอีกพฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยเอาเงินรายนี้ไปใช้โดยเจตนาทุจริตคดีนี้จำเลยมีหน้าที่จะนำเงินไปมอบให้เจ้าหนี้ตามที่รับมอบมาเงินแม้จะเป็นธนบัตรเปลี่ยนมือได้หากจำเลยเอาไปใช้เมื่อถึงคราวจะนำไปให้เจ้าหนี้จำเลยก็ต้องพร้อมที่จะมอบเงินในจำนวนนั้นให้แก่เจ้าหนี้ทันทีมิใช่หวังเอาเองอย่างเลื่อนลอยว่าเจ้าหนี้คงจะยอมเปลี่ยนตัวลูกหนี้ให้อนึ่งการไปบอกความจริงแก่เจ้าหนี้ดังกล่าวเป็นการสารภาพผิดมิใช่การแสดงความบริสุทธิ์ของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1977/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเอาทรัพย์ที่ควรได้ ไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์
การที่จำเลยสมคบกันใช้อาวุธและวาจาขู่เข็ญให้เจ้าทรัพย์จ่ายเงินค่าสลากกินรวบซึ่งจำเลยถูกสลากและเจ้าทรัพย์เป็นเจ้ามือนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยมุ่งหมายจะเอาทรัพย์ที่จำเลยเข้าใจว่าจำเลยควรจะได้ ไม่มีเถยจิตจะลักทรัพย์ ไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกู้เงินเพื่อรักษาญาติและการมอบทรัพย์สินเพื่อต่างดอกเบี้ย ไม่ถือเป็นยักยอกทรัพย์
ป้ากู้เงินผู้อื่นมาโดยเอาสวนของหลานมอบให้เขาใช้ต่างดอกเบี้ยแล้วเอาเงินที่กู้มาใช้จ่ายในการรักษาหลานซึ่งวิกลจริตอยู่ ดังนี้จะว่าป้ายักยอกเอาสวนหรือเงินที่กู้มาไปเพื่อประโยชน์ตนเองไม่ถนัด ยังไม่เป็นความผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 314
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ จึงขอให้ลงโทษในทางอาญาและคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในทางแพ่ง เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงแล้ว โจทก์ก็ฎีกาขอให้ลงโทษทางอาญาไม่ได้ ส่วนข้อที่ขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในทางแพ่งนั้น เมื่อข้อเท็จจริงในทางอาญา ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์รายนี้แล้ว ในทางแพ่งก็ฟังตามคดีอาญาว่าจำเลยไม่ได้รับมอบหมายทรัพย์รายนี้ไว้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบทรัพย์สินเพื่อใช้รักษาพยาบาล ไม่ถือเป็นการยักยอกทรัพย์
ป้ากู้เงินผู้อื่นมาโดยเอาสวนของหลานมอบให้เขาใช้ต่างดอกเบี้ย แล้วเอาเงินที่กู้มาใช้จ่ายในการรักษาหลานซึ่งวิกลจริตอยู่ ดังนี้จะว่าป้ายักยอกเอาสวนหรือเงินที่กู้มาไปเพื่อประโยชน์ตนเองไม่ถนัด ยังไม่เป็นความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 314
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกทรัพย์จึงขอให้ลงโทษในทางอาญาและคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในทางแพ่ง เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงแล้ว โจทก์ก็ฎีกาขอให้ลงโทษทางอาญาไม่ได้ ส่วนข้อที่ขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในทางแพ่งนั้น เมื่อข้อเท็จจริงในทางอาญา ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์รายนี้แล้ว ในทางแพ่งก็ฟังตามคดีอาญาว่าจำเลยไม่ได้รับมอบหมายทรัพย์รายนี้ไว้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 573/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกรับเงินเพื่อเอื้อประโยชน์ในการอนุมัติโอนเรือ ถือเป็นการทุจริตและมีความผิดตามกฎหมายอาญา
โจทก์ได้ไปร้องขอให้กรมเจ้าท่าทำการโอนขายเรือของโจทก์ให้แก่ ส. ในชั้นแรกไม่ได้รับอนุญาตให้โอน จำเลยซึ่งเป็นรองอธิบดีกรมเจ้าท่าได้เรียกร้องให้โจทก์ชำระเงิน 56,000 บาท เพื่อเป็นค่าทำถนนในกรมเจ้าท่าเสียก่อนจึงจะอนุญาตให้ทำการโอนได้ โจทก์จึงจำต้องชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่จำเลยแล้วจำเลยจึงได้สั่งอนุญาตให้ทำการโอนเรือในวันนั้นเอง ดังนี้แม้จำเลยจะนำสืบได้ว่าได้เอาเงินจำนวนนี้ไปใช้ลาดยางทำถนนให้แก่กรมเจ้าท่า จำเลยก็ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำการทุจริตตามนัยแห่งมาตรา 6(3) กฎหมายอาญา โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายจากการกระทำของจำเลยและมีสิทธิที่จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยได้
กรณีเช่นนี้ย่อมแตกต่างกับเรื่องเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ซึ่งเป็นการให้เงินแก่กันโดยสมัครใจ (อ้างฎีกาที่406/2468,394/131)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 573/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกรับเงินเพื่อเอื้อประโยชน์ในการโอนเรือ ถือเป็นการทุจริตและมีความผิดตามกฎหมายอาญา
โจทก์ได้ไปร้องขอให้กรมเจ้าท่าทำการโอนขายเรือของโจทก์ให้แก่ ส. ในชั้นแรกไม่ได้รับอนุญาตให้โอน จำเลยซึ่งเป็นรองอธิบดีกรมเจ้าท่า ได้เรียกร้องให้โจทก์ชำระเงิน 56000 บาท เพื่อเป็นค่าทำถนนในกรมเจ้าท่าเสียก่อนจึงจะอนุญาตให้ทำการโอนได้ โจทก์จึงจำต้องชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่จำเลย แล้วจำเลยจึงได้สั่งอนุญาตให้ทำการโอนเรือในวันนั้นเอง ดังนี้แม้จำเลยจะนำสืบได้ว่าได้เอาเงินจำนวนนี้ไปใช้ลาดยางทำถนนให้แก่กรมเจ้าท่า จำเลยก็ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำการทุจจริตตามนัยแห่งมาตรา 6 (3) กฎหมายอาญา โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายจากการกระทำของจำเลยและมีสิทธิที่จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยได้
กรณีเช่นนี้ย่อมแตกต่างกับเรื่องเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ซึ่งเป็นการให้เงินแก่กันโดยสมัครใจ
(อ้างฎีกา 406/2486, 394/131)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 935/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเก็บทรัพย์ที่ตกหล่นโดยไม่มีเจตนาทุจริต ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
จำเลยเก็บปืนที่ตกไว้ เมื่อเจ้าของตามก็รับว่าได้เก็บไว้แล้วเช่นนี้ถ้าไม่มีเจตนาทุจริตในการเอาทรัพย์นั้นไป ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
เพียงแต่การเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยไม่มีใครอนุญาตนั้นจะถือว่าเป็นการทุจริตยังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 935/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตในการลักทรัพย์: การเก็บทรัพย์สินที่หล่นหายโดยไม่มีเจตนาเอาไปเป็นของตนเอง ไม่ถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
จำเลยเก็บปืนที่ตกไว้ เมื่อเจ้าของตาม ก็รับว่าได้เก็บไว้แล้วเช่นนี้ ถ้าไม่มีเจตนาทุจจริตในการเอาทรัพย์นั้นไป ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
เพียงแต่การเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยไม่มีใครอนุญาตนั้นจะถือว่าเป็นการทุจจริตยังไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสุจริตในทางอาญาและแพ่งต่างกัน การวินิจฉัยคดีแพ่งต้องพิจารณาความสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ
ในคดีอาญาศาลพิพากษาว่าคดีโจทก์ไม่พอฟังว่า จำเลยได้รู้เห็นสมคบในการรับโอนที่ดินโดยทุจริต และจำเลยก็นำสืบได้สมว่า ซื้อไว้โดยสุจริตใจแล้วชี้ขาดว่า หลักฐานไม่พอฟังว่า จำเลยเกี่ยวข้องกับการทุจริตนั้น ย่อมหมายความแต่เพียงว่า จำเลยมิได้มีเจตนาทุจริตอันเป็นผิดในคดีอาญาเท่านั้นจะฟังว่าจำเลยได้รับโอนที่ดินนั้นโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ได้
คำว่าสุจริตตามกฎหมายลักษณะอาญาต่างกับคำว่าสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เช่นในเรื่องได้ทรัพย์มาสำหรับตามกฎหมายลักษณะอาญาหมายความเพียงว่า ไม่รู้สึกตนว่าทำการติดต่อกับผู้ร้าย ส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หมายความว่า ไม่รู้หรือไม่ควรจะรู้ถึงความบกพร่องแห่งกรรมสิทธิ์ที่มีมาในอดีต
การพิพากษาคดีส่วนแพ่ง จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีส่วนอาญาเพียงไร