คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.ว่าด้วยการกักคุมตัวและการควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติ 2488

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 10 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการบุกรุกและใช้สถานที่โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการคำนวณค่าเสียหายและดอกเบี้ย
สิ่งปลูกสร้างที่ผู้เช่าช่วงปลูกสร้างขึ้นในที่ดินของผู้ให้เช่าถ้าไม่ปรากฏสัญญาระหว่างผู้เช่ากับผู้เช่าช่วงเป็นอย่างอื่นไม่ตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่า
รัฐบาลไทยสัญญาให้ฝ่ายสหประชาชาติผู้ชนะสงครามเข้ามาปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นในประเทศไทยสหประชาชาติจึงมีอำนาจจัดทรัพย์สินของทหารญี่ปุ่น และขายทอดตลาดทรัพย์นั้นได้
การขายกุดังซึ่งต้องรื้อไป เป็นการขายอย่างสังหาริมทรัพย์ไม่ต้องจดทะเบียนการตั้งตัวแทนก็ไม่ต้องทำเป็นหนังสือ แม้เจ้าของที่ดินเป็นผู้ซื้อแล้วไม่รื้อไปก็ไม่แตกต่างกัน
ก.ท.ส.ไม่มีอำนาจให้ผู้ใดใช้กุดัง ซึ่งโจทก์ซื้อจากสหประชาชาติจำเลยใช้กุดังนั้นโดยไม่รับอนุญาตจากโจทก์ย่อมเป็นละเมิดจะอ้างว่าก.ท.ส. อนุญาตให้จำเลยใช้ไม่ได้
เงินวางศาลที่จะให้ยกเว้นไม่ต้องเสียดอกเบี้ย และค่าฤชาธรรมเนียมนั้นต้องอยู่ในลักษณะที่จะให้คู่ความอีกฝ่ายรับไปได้ ถึงแม้จะไม่ยอมรับผิดถ้าจำเลยวางเงินเพียงเป็นประกันการชำระหนี้ แต่ยังสงวนสิทธิต่อสู้คดีต่อไปไม่ใช่การวางเงินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา135,164

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินโดยบุคคลที่เป็นศัตรูต่อสหประชาชาติเป็นโมฆะ ผู้ซื้อสิทธิไม่ดีกว่าผู้โอน
บุคคลที่ทางราชการได้ประกาศเป็นบุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติแล้วนั้น ยังขืนโอนทรัพย์สินของตนให้ผู้อื่นไป การโอนนั้นย่อมเป็นการละเมิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกักคุมตัวและการควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่สัตรูต่อสหประชาชาติ จึงตกเป็นโมฆะฉะนั้นถ้ามีผู้ใดรับซื้อทรัพย์ทีโอนนั้นไปอีก ก็ไม่ทำให้ผู้ซื้อมีสิทธิดีกว่า ผู้โอน ก.ท.ส. จึงมีอำนาจฟ้องเรียกทรัพย์นั้นคืนมาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในเรือที่ได้มาจากการตีใช้หนี้: สิทธิครอบครองดีกว่าสิทธิของ ก.ท.ส. ที่ยึดทรัพย์ผิด
เจ้าหนี้ได้รับมอบเรือในการตีใช้หนี้ค่าส่งอาหาร แล้วจำเลยยึดเรือนั้นไป เจ้าหนี้จึงฟ้องเรียกเรือคืน แม้ในฟ้องจะไม่กล่าวถึงรายละเอียดในเรื่องอาหารที่ได้ส่งให้ลูกหนี้ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะข้อนี้เป็นแต่มูลเหตุที่ได้เรือมา ไม่ใช่ข้อประเด็นโดยตรง
กองทัพญี่ปุ่นลูกหนี้มอบเรือซึ่งยังไม่เคยมีทะเบียนตีใช้หนี้ให้เจ้าหนี้ แม้จะไม่ได้จดทะเบียนการโอน อย่างน้อยเจ้าหนี้ก็มีสิทธิครอบครองดีกว่าคนอื่นรวมทั้ง ก.ท.ส. ที่เข้ายึดเรืออันนับว่าเป็นผู้ใช้สิทธิ์ของกองทัพญี่ปุ่นซึ่งไม่มีสิทธิจะเอาเรือนั้นกลับคืนจากโจทก์
โจทก์เป็นจีนฮกเกี้ยนไม่ใช่บุคคลที่เป็นศัตรูต่อสหประชาชาติ โจทก์ได้รับเรือตีใช้หนี้จากกองทัพญี่ปุ่นก่อนญี่ปุ่นแพ้สงคราม เรือนั้นย่อมพ้นสภาพเรือที่ใช้ในการสงคราม
ก.ท.ส.มีอำนาจแต่เฉพาะในทรัพย์สินของศัตรูต่อสหประชาชาติ เมื่อก.ท.ส.ทำตามอำนาจและหน้าที่ แต่ทำผิดไปโดยไปยึดทรัพย์ของโจทก์ที่ไม่ใช่ศัตรูต่อสหประชาชาติโดยไม่มีอำนาจ ก.ท.ส.ก็ต้องคืนเรือนั้นเมื่อคืนไม่ได้โดยไม่มีข้อแก้ตัวก็ต้องใช้ราคา
ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือจำเลยจะอ้างว่าจำเลยมีสิทธิใช้เงินแต่เฉพาะที่หักจากเงินของศัตรูต่อสหประชาชาติ จำเลยไม่มีเงินของตนเองดังนี้ การที่จำเลยจะมีสินทรัพย์ใช้ให้ได้หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์เรือโดยไม่จดทะเบียน และการยึดทรัพย์ของบุคคลที่ไม่ใช่ศัตรูต่อสหประชาชาติ
เจ้าหนี้ได้รับมอบเรือในการตีใช้หนี้ค่าส่งอาหาร แล้วจำเลยยึดเรือนั้นไป เจ้าหนี้จึงฟ้องเรียกเรือคืน แม้ในฟ้องจะไม่กล่าวถึงรายละเอียดในเรื่องอาหารที่ได้ส่งให้ลูกหนี้ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะข้อนี้เป็นแต่มูลเหตุที่ได้เรือมา ไม่ใช่ข้อประเด็นโดยตรง
กองทัพยี่ปุ่นลูกหนี้มอบเรือซึ่งยังไม่เคยมีทะเบียนตีใช้หนี้ให้เจ้าหนี้ แม้จะไม่ได้จดทะเบียนการโอน อย่างน้อยเจ้าหนี้ก็มีสิทธิ์ครอบครองดีกว่าคนอื่น รวมทั้ง ก.ท.ส.ที่เข้ายึดเรืออันนับว่าเป็นผู้ใช้สิทธิ์ของกองทัพยี่ปุ่นซึ่งไม่มีสิทธิ์จะเอาเรือนั้นกลับคืนจากโจทก์
โจทก์เป็นจีนฮกเกี้ยนไม่ใช่บุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติ โจทก์ได้รับเรือใช้หนี้จากกองทัพยี่ปุ่นก่อนยี่ปุ่นแพ้สงคราม เรือนั้นย่อมพ้นสภาพเรือใช้ในการสงคราม
ก.ท.ส.มีอำนาจแต่เฉพาะในทรัพย์สินของสัตรูต่อสหประชาชาติ เมื่อ ก.ท.ส.ทำตามอำนาจและหน้าที่ แต่ทำผิดไปโดยไปยึดทรัพย์ของโจทก์ที่ไม่ใช่สัตรูต่อสหประชาชาติโดยไม่มีอำนาจ ก.ท.ส.ก็ต้องคืนเรือนั้นเมื่อคืนไม่ได้โดยไม่ข้อแก้ตัวก็ต้องใช้ราคา
ศาลพิาพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือจำเลยจะอ้างว่าจำเลยมีสิทธิ์ใช้เงินแต่เฉพาะที่หักจากเงินของสัตรูต่อสหประชาชาติ จำเลยไม่มีเงินของตนเอง ดังนี้การที่จำเลยจะมีสินทรัพย์ใช้ให้ได้หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 479/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจ ก.ท.ส.จำกัดเฉพาะการจัดการทรัพย์สิน ไม่รวมถึงการงดจ่ายหนี้หรือจำกัดสิทธิเจ้าหนี้
การห้ามจ่ายเงินตามพระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 2 ออกตาม พ.ร.บ.กักคุมตัวและจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติ 2488 นั้น มิใช่เรื่องในหลักเกณฑ์และวิธีการควบคุมและจัดทรัพย์สินเป็นการฝ่าฝืนหลักกฎหมายทั่วไปของบ้านเมืองโดยไม่มีพระราชบัญญัติให้อำนาจทำเช่นนั้น หรือให้อำนาจออกกฤษฎีกาเช่นนั้น ถ้าจะตีความว่า ก.ท.ส.มีอำนาจงดการชำระหนี้แก่เจ้าหนี้หรือชำระหนี้ตามคำพิพากษาหรือไม่อาจถูกยึดหรืออายัติทรัพย์ตามคำสั่งศาลแล้ว ก็จะเป็นการผิดพลาดตามนัยฎีกาที่ 1255/2493

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจการควบคุมทรัพย์สินของศัตรูต่อสหประชาชาติ ต้องเป็นไปตามกฎหมายหลัก และพระราชกฤษฎีกาต้องไม่ขัดต่อกฎหมายทั่วไป
อำนาจออกพระราชกฤษฎีกาจนเป็นการขัดหรือฝ่าฝืนต่อกฎหมายทั่วๆ ไปของบ้านเมืองนั้น จักต้องมีการระบุมอบอำนาจไว้โดยชัดแจ้งในตัว พระราชบัญญัติ มิฉะนั้นพระราชกฤษฎีกาที่ออกมาเป็นการขัดหรือฝ่าฝืนกฎหมายทั่วไปของบ้านเมืองนั้นก็จะบังคับใช้ไม่ได้
ข้อความในพระราชกฤษฎีกาควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นศัตรูต่อสหประชาชาติ พ.ศ.2492(ฉบับ ที่ 2) มาตรา 3 ซึ่งให้ยกเลิกมาตรา 6 ในพระราชกฤษฎีกาฉบับ ที่1 และใช้ความต่อไปนี้แทนว่า "มาตรา 6 ในการควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินตามความในพระราชกฤษฎีกานี้ให้คณะกรรมการรักษาเงินที่ได้จากการนั้นไว้ และในระหว่างที่ยังมิได้มีความตกลงของสหประชาชาติในเรื่องนี้ ห้ามมิให้จ่ายเงินดังกล่าวแล้ว เว้นแต่ค่าใช้จ่ายดังบัญญัติไว้ในมาตรา 5" นั้น ถ้าจะแปลจนถึงว่าให้คณะกรรมการมีอำนาจงดการชำระหนี้อันถึงกำหนดแก่เจ้าหนี้ตลอดถึงไม่ต้องชำระหนี้ตามคำพิพากษาและทรัพย์สินของลูกหนี้ไม่ต้องอยู่ในการบังคับชำระหนี้ของเจ้าหนี้แล้วก็จะเป็นอำนาจที่มิใช่อำนาจในหลักเกณฑ์และวิธีการควบคุมและจัดทรัพย์สิน เพราะเป็นอำนาจที่คณะกรรมการจะต้องกระทำการฝ่าฝืนขืนขัดต่อกฎหมายทั่วไปของบ้านเมือง โดยมิได้มี พระราชบัญญัติให้อำนาจกระทำการเช่นนั้น หรือให้อำนาจที่จะให้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเช่นนั้นได้ ฉะนั้นศาลจึงมีอำนาจดำเนินการบังคับคดีแก่คณะกรรมการฯ ผู้เป็นจำเลยให้ชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11,12,13,14/2493)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการขายทรัพย์สินของสหประชาชาติและการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของโกดังมีผลต่อการฟ้องละเมิด
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยจากที่ดินของโจทก์และสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ให้บริษัทมิตซุย ฯ ซึ่งเป็นชนชาติญี่ปุ่นเช่าที่ดินปลูกโกดัง โดยมีสัญญาว่าสิ่งปลูกสร้างนี้เป็นของบริษัทมิตซุย ฯ บริษัทรื้อถอนไปได้ และเมื่อประเทศญี่ปุ่นแพ้สงคราม สิ่งปลูกสร้างนี้ตกอยู่ในความครอบครองดูแลของ ก.ท.ส. โดยอำนาจแห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกักคุมตัวและควบคุมจัดการ ฯลฯ และจำเลยรับว่า ต่อมาสหประชาชาติได้ขายเลหลังโกดังหมายเลข 1,2,8,9 บนที่ดินพิพาทโดยโจทก์เป็นผู้ประมูลซื้อได้ แต่จำเลยยังเถียงว่าสหประชาชาติไม่มีอำนาจขายดังนี้ ถ้าหากเป็นจริงดังข้อเถียงของจำเลย โจทก์ก็ไม่ใช่เจ้าของโกดัง จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดฐานละเมิดในการใช้โกดังนั้นต่อโจทก์
ฉะนั้นการที่ศาลล่างชี้ขาดปัญหาเบื้องต้นตามมาตรา 24 ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าโกดังหมายเลข 1,2,8,9 เป็นของโจทก์จึงไม่ชอบ
ส่วนปัญหาเกี่ยวกับที่ดินนั้น จำเลยไม่ได้แสดงว่ามีสิทธอย่างไร การห้ามจำเลยไม่ให้ใช้ที่ดินจึงเป็นการชอบแล้ว
ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลล่างโดยให้ยกคำชี้ขาดบางข้อเสียแล้ว ให้ดำเนินการพิจารณาใหม่ ส่วนนอกนั้นยืนตามได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในโกดังที่ซื้อจากสหประชาชาติ: การพิสูจน์อำนาจขายของผู้ขายและการครอบครองทรัพย์สิน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยจากที่ดินของโจทก์และสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ให้บริษัทมิตซุยฯ ซึ่งเป็นชนชาติญี่ปุ่นเช่าที่ดินปลูกโกดัง โดยมีข้อสัญญาว่าสิ่งปลูกสร้างนี้เป็นของบริษัทมิตซุยฯ บริษัทรื้อถอนไปได้ และเมื่อประเทศญี่ปุ่นแพ้สงคราม สิ่งปลูกสร้างนี้ตกอยู่ในความครอบครองดูแลของก.ท.ส.โดยอำนาจแห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกักคุมตัวและควบคุมจัดกิจการ ฯลฯ และจำเลยรับว่าต่อมาสหประชาชาติได้ขายเลหลังโกดังหมายเลข 1,2,8,9 บนที่ดินพิพาทโดยโจทก์เป็นผู้ประมูลซื้อได้ แต่จำเลยยังเถียงว่าสหประชาชาติไม่มีอำนาจขายดังนี้ ถ้าหากเป็นจริงดังข้อเถียงของจำเลย โจทก์ก็ไม่ใช่เจ้าของโกดังจำเลยก็ไม่ต้องรับผิดฐานละเมิดในการใช้โกดังนั้นต่อโจทก์ ฉะนั้นการที่ศาลล่างชี้ขาดปัญหาเบื้องต้นตามมาตรา 24ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าโกดังหมายเลข 1,2,8,9 เป็นของโจทก์จึงไม่ชอบ
ส่วนปัญหาเกี่ยวกับที่ดินนั้น จำเลยไม่ได้แสดงว่ามีสิทธิอย่างไร การห้ามจำเลยไม่ให้ใช้ที่ดินจึงเป็นการชอบแล้ว
ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลล่างโดยให้ยกคำชี้ขาดบางข้อเสียแล้ว ให้ดำเนินการพิจารณาใหม่ ส่วนนอกนั้นยืนตามได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ของที่ได้มาจากการกระทำผิดโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ถือเป็นของโจร
ของที่ได้มาโดยการกระทำอันเป็นความผิดโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานนั้น ไม่ใช่เป็นของอันได้มาโดยการกระทำผิดตามความหมายแห่งมาตรา 321 ผู้รับของเช่นนั้น จึงไม่มีผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับซื้อทรัพย์สินจากผู้กระทำผิดโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ถือเป็น 'ของได้มาโดยการกระทำผิด' ตามกฎหมาย
ของที่ได้มาโดยการกระทำอันเป็นความผิดโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานนั้นไม่ใช่เป็นของอันได้มาโดยกระทำผิดตามความหมายมาตราแห่งมาตรา 321 ผู้รับของเช่นนั้น จึงไม่มีผิดฐานรับของโจร