คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 177

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8156/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลชั้นต้นที่รับรองมูลฟ้องแล้ว ศาลอุทธรณ์แก้เป็นยกฟ้องข้อหาเบิกความเท็จ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตาม ป.อ. มาตรา 177,264, 265, 267, 83, 86, 91 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งว่า คดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 มีมูลทุกข้อหา ดังนั้น คำสั่งของศาลที่ให้คดีมีมูลสำหรับจำเลยที่ 1ย่อมเด็ดขาด ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 170 โจทก์อุทธรณ์ ดังนี้ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2เห็นว่าความผิดฐานเบิกความเท็จสำหรับจำเลยที่ 1 ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งมีมูลมานั้นเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตาม ป.วิ.อ.มาตรา 158 แล้วมีคำพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ในข้อหาเบิกความเท็จ จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 170

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 778/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดินและสิทธิภารจำยอม: การใช้บทกฎหมายใกล้เคียงเมื่อมีลักษณะของการรุกล้ำต่อเนื่อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินต่อเติมชายคารุกล้ำที่ดินขอให้ ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอน จำเลยฟ้องแย้งขอให้โจทก์รื้อกันสาด ที่สร้างใหม่รื้อชายคาส่วนที่สร้างรุกล้ำรื้อท่อน้ำประปากับเครื่องสูบน้ำ ออกไปจากที่พิพาทฟ้องแย้งส่วนนี้เกี่ยวกับฟ้องเดิมแต่ที่ขอให้โจทก์ใช้ ค่าเสียหายเพราะโจทก์ก่อสร้างทำให้กำแพงตึกของจำเลยแตกร้าวกระเบื้อง หน้าตึกแถว เสียหายลูกจ้างของโจทก์ตัดโครงเหล็กเครื่องปรับอากาศของ จำเลยนั้นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมจึงฟ้องแย้งไม่ได้ ต้องฟ้องเป็นคดีใหม่
ตึกแถวปลูกสร้างตั้งแต่เจ้าของเดิมคนเดียวกันยังไม่แยกโฉนดเมื่อ แยกโฉนดปั้นลมและชายคาจึงรุกล้ำในที่ดินของโจทก์ตั้งแต่เจ้าของเดิม จำเลยรับโอนตึกแถวมากว่า 10 ปี ต้องใช้บทใกล้เคียงตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4 คือใช้ มาตรา 1312 จำเลย มีสิทธิใช้ที่ดินของโจทก์เฉพาะส่วนที่รุกล้ำโจทก์บังคับให้รื้อถอนไม่ได้ แต่จำเลยต้องเสียค่าใช้ที่ดินส่วนนั้นโดยจดทะเบียนเป็นภารจำยอมส่วน ท่อน้ำทิ้งและเครื่องปรับอากาศซึ่งจำเลยติดตั้งไม่เกิน 10 ปีไม่มีภารจำยอมและไม่อยู่ใน มาตรา 1312 วรรคแรก จำเลยต้องรื้อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีความมั่นคง – การคุ้มครองข้อมูลและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ศาลชั้นต้นสั่งให้พิจารณานำสืบตัวจำเลยบางคนเป็นการลับและห้ามการโฆษณาข้อเท็จจริงได้ ซึ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความปลอดภัยมั่นคงของราชอาณาจักร ศาลไม่กล่าวถึงรายละเอียดเรื่องราวต่างๆ บุคคลและสถานที่ๆ เกี่ยวข้องไว้ในคำพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 652/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาสูบไม่ปิดแสตมป์เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ยาสูบ แม้โจทก์มิได้อ้างบทลงโทษในฟ้อง
มียาสูบตั้งแต่สองกิโลกรัมไว้ในครอบครองโดยไม่ปิดแสตมป์ยาสูบเป็นผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบ มาตรา 36 และ40
โจทก์ฟ้องบรรยายความผิดอันต้องด้วยบทห้ามตามกฎหมายแม้มิได้อ้างบทห้ามมาในฟ้องเป็นแต่อ้างบทกำหนดโทษมาศาลก็ลงโทษได้
โจทก์กล่าวหาจำเลยรับบางข้อปฏิเสธบางข้อ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษในความผิด ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธแต่มีได้ข้อสืบพยานดังนี้ ศาลฎีกาย่อมพิจารณาเฉพาะตามฟ้องและคำให้การ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 652/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาสูบไม่ปิดแสตมป์ แม้โจทก์มิได้อ้างบทลงโทษโดยตรง ศาลลงโทษได้ตามบทที่อ้างในฟ้อง
มียาสูบตั้งแต่สองกิโลกรัมไว้ในครอบครอง โดยไม่ปิดแสตมป์ยาสูบเป็นผิดตาม พ.ร.บ.ยาสูบ ม. 36 และ 40
โจทก์ฟ้องบรรยายความผิดอันต้องด้วยบทห้ามตามกฎหมายแม้มิได้อ้างบทห้ามมาในฟ้องแต่อ้างบทกำหนดโทษมา ก็ลงโทษได้
โจทก์หาจำเลยรับบางข้อปฏิเสธบางข้อ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษในความผิด ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธแต่มิได้ขอสืบพะยานดังนี้ ศาลฎีกาย่อมพิจารณาฉะเพาะตามฟ้องและคำให้การ