คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 205

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 123 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1165/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดพิจารณา - สิทธิขอพิจารณาคดีใหม่ - การจำหน่ายคดี - ฟ้องคดีใหม่
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเพราะโจทก์จำเลยขาดนัดพิจารณา การที่โจทก์ร้องขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปหรือขอให้นัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนต่อไปโดยอ้างเหตุว่าโจทก์ไม่จงใจขาดนัดนั้น ก็คือการขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่นั่นเอง
คู่ความที่ขาดนัดพิจารณาโดยไม่จงใจ มีสิทธิขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ได้เฉพาะใน 2 กรณี คือ ในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว ถ้าคู่ความที่ขาดนัดมาศาลภายหลังที่ศาลเริ่มต้นสืบพยานของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งไปบ้างแล้วและศาลเห็นว่าคู่ความฝ่ายนั้นไม่จงใจขาดนัด หรือมีเหตุอันสมควร ศาลจึงจะสั่งให้พิจารณาคดีใหม่ ซึ่งถ้าเป็นจำเลยขาดนัดพิจารณาโดยขาดนัดยื่นคำให้การด้วยก็ยอมให้ยื่น คำให้การได้ด้วย แต่ถ้าคู่ความที่ขาดนัดพิจารณานั้นคงขาดนัดตลอดไปจนศาลพิจารณาคดีฝ่ายเดียวไปเสร็จสิ้นแล้ว และพิพากษาให้คู่ความที่ขาดนัดพิจารณาแพ้คดีในประเด็นพิพาทคู่ความซึ่งแพ้คดีโดยไม่จงใจขาดนัด ยังมีสิทธิขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ได้ เว้นแต่จะต้องด้วยข้อห้ามตามกฎหมาย
การขอให้พิจารณาคดีใหม่ใน 2 กรณีดังกล่าวแล้ว กฎหมายกำหนดเวลาที่จะขอให้พิจารณาใหม่ไว้ทั้ง 2 กรณี และการขอให้พิจารณาคดีใหม่จะต้องมีการพิจารณาคดีฝ่ายเดียวเป็นหลักสำคัญข้อแรก ถ้าคดีไม่มีการพิจารณาฝ่ายเดียวแล้วคู่ความที่ขาดนัดจะขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ไม่ได้ แม้คู่ความฝ่ายนั้นจะไม่จงใจขาดนัดก็ตาม
คำว่า 'ขาดนัดพิจารณา' ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 200 ต้องถือตามมาตรา 197 วรรคสอง ถ้าคู่ความไม่มาศาลในวันที่ศาลเริ่มต้นสืบพยาน.โดยมิได้ขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องต่อศาล มาตรา 197 วรรคสอง ให้ถือว่าคู่ความฝ่ายนั้นขาดนัดพิจารณาโดยไม่มีข้อที่ศาลจะต้องพิจารณาว่า คู่ความฝ่ายนั้นขาดนัดพิจารณาโดยจงใจหรือ ไม่จงใจ เพราะการขาดนัดโดยจงใจหรือไม่จงใจจะ กล่าวอ้างกันได้เฉพาะเมื่อมีการพิจารณาฝ่ายเดียวและมีการขอให้พิจารณาคดีใหม่เท่านั้น
เมื่อโจทก์จำเลยขาดนัดพิจารณาตามมาตรา 197 วรรคสอง และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีตามมาตรา 200 เสร็จสิ้นไปแล้ว ย่อมไม่มีการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว.อันจะทำให้โจทก์มีสิทธิขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้ สิทธิของโจทก์มีอยู่ทางเดียวตามมาตรา 200 วรรคสอง คือ ฟ้องคดีใหม่ภายในอายุความเท่านั้นไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ เพราะไม่มีการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว และที่ มาตรา 200 ให้สิทธิโจทก์ฟ้องใหม่ได้ ย่อมแสดงอยู่แล้วว่าโจทก์ไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1165/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดี: สิทธิในการฟ้องคดีใหม่ vs. การขอให้พิจารณาคดีใหม่
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเพราะโจทก์จำเลยขาดนัดพิจารณา การที่โจทก์ร้องขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปหรือขอให้นัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนต่อไปโดยอ้างเหตุว่าโจทก์ไม่จงใจขาดนัดนั้น ก็คือการขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่นั่นเอง
คู่ความที่ขาดนัดพิจารณาโดยไม่จงใจ มีสิทธิขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ได้เฉพาะใน 2 กรณี คือ ในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว ถ้าคู่ความที่ขาดนัดมาศาลภายหลังที่ศาลเริ่มต้นสืบพยานของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งไปบ้างแล้วและศาลเห็นว่าคู่ความฝ่ายนั้นไม่จงใจขาดนัด หรือมีเหตุอันสมควร ศาลจึงจะสั่งให้พิจารณาคดีใหม่ ซึ่งถ้าเป็นจำเลยขาดนัดพิจารณาโดยขาดนัดยื่นคำให้การด้วยก็ยอมให้ยื่นคำให้การได้ด้วย แต่ถ้าคู่ความที่ขาดนัดพิจารณานั้นคงขาดนัดตลอดไปจนศาลพิจารณาคดีฝ่ายเดียวไปเสร็จสิ้นแล้วและพิพากษาให้คู่ความที่ขาดนัดพิจารณาแพ้คดีในประเด็นพิพาทคู่ความซึ่งแพ้คดีโดยไม่จงใจขาดนัด ยังมีสิทธิขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ได้ เว้นแต่จะต้องด้วยข้อห้ามตามกฎหมาย
การขอให้พิจารณาคดีใหม่ใน 2 กรณีดังกล่าวแล้ว กฎหมายกำหนดเวลาที่จะขอให้พิจารณาใหม่ไว้ทั้ง 2 กรณี และการขอให้พิจารณาคดีใหม่จะต้องมีการพิจารณาคดีฝ่ายเดียวเป็นหลักสำคัญข้อแรก ถ้าคดีไม่มีการพิจารณาฝ่ายเดียวแล้วคู่ความที่ขาดนัดจะขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ไม่ได้ แม้คู่ความฝ่ายนั้นจะไม่จงใจขาดนัดก็ตาม
คำว่า 'ขาดนัดพิจารณา' ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 200 ต้องถือตามมาตรา 197 วรรคสอง ถ้าคู่ความไม่มาศาลในวันที่ศาลเริ่มต้นสืบพยาน.โดยมิได้ขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องต่อศาล มาตรา 197 วรรคสอง ให้ถือว่าคู่ความฝ่ายนั้นขาดนัดพิจารณา โดยไม่มีข้อที่ศาลจะต้องพิจารณาว่า คู่ความฝ่ายนั้นขาดนัดพิจารณาโดยจงใจหรือ ไม่จงใจเพราะการขาดนัดโดยจงใจหรือไม่จงใจ จะกล่าวอ้างกันได้เฉพาะเมื่อมีการพิจารณาฝ่ายเดียวและมีการขอให้พิจารณาคดีใหม่เท่านั้น
เมื่อโจทก์จำเลยขาดนัดพิจารณาตามมาตรา 197 วรรคสองและศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีตามมาตรา 200 เสร็จสิ้นไปแล้ว ย่อมไม่มีการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว.อันจะทำให้โจทก์มีสิทธิขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้ สิทธิของโจทก์มีอยู่ทางเดียวตามมาตรา 200 วรรคสอง คือ ฟ้องคดีใหม่ภายในอายุความเท่านั้นไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ เพราะไม่มีการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว และที่ มาตรา 200 ให้สิทธิโจทก์ฟ้องใหม่ได้ ย่อมแสดงอยู่แล้วว่าโจทก์ไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 477/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประวิงคดีและการโต้แย้งคำสั่งศาล: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการยื่นคำร้องขอเลื่อนสืบพยานโดยมีเหตุผลทางการแพทย์และการชี้แจงเพิ่มเติม ถือเป็นการโต้แย้งคำสั่งศาลแล้ว
ในวันนัดสืบพยานโจทก์เป็นครั้งแรก โจทก์ยื่นคำร้องว่าทนายป่วยมาศาลไม่ได้ พร้อมทั้งส่งใบรับรองแพทย์เป็นหลักฐาน ปรากฏว่าโจทก์มิได้ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานไว้ และวันสืบพยานนั้นตัวโจทก์เดินทางไปต่างจังหวัด ศาลสอบถามจำเลย จำเลยแถลงว่าแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร ตามพฤติการณ์ทั้งหมดนี้ยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์แกล้งประวิงคดี
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนสืบพยานโจทก์ และถือว่าโจทก์ไม่มีพยานนำสืบ โจทก์ได้ยื่นคำร้องชี้แจงเหตุผลในการที่โจทก์มีความจำเป็นที่จะต้องขอเลื่อนการสืบพยาน ขอให้ศาลนัดไต่สวนและมีคำสั่งให้โจทก์เข้าสืบ เช่นนี้ ถือได้ว่าโจทก์ได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นไว้แล้ว โจทก์อุทธรณ์ฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 477/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประวิงคดีและการโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้น: การที่โจทก์ขอเลื่อนสืบพยานไม่ถือว่าประวิงคดี หากมีการโต้แย้งคำสั่งศาลอย่างถูกต้อง
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก โจทก์ยื่นคำร้องว่าทนายป่วยมาศาลไม่ได้พร้อมทั้งส่งใบรับรองแพทย์เป็นหลักฐานปรากฏว่าโจทก์มิได้ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานไว้ และวันสืบพยานนั้นตัวโจทก์เดินทางไปต่างจังหวัดศาลสอบถามจำเลย จำเลยแถลงว่าแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรตามพฤติการณ์ทั้งหมดนี้ยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์แกล้งประวิงคดี
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนสืบพยานโจทก์และถือว่าโจทก์ไม่มีพยานนำสืบ โจทก์ได้ยื่นคำร้องชี้แจงเหตุผลในการที่โจทก์มีความจำเป็นที่จะต้องขอเลื่อนการสืบพยาน ขอให้ศาลนัดไต่สวนและมีคำสั่งให้โจทก์เข้าสืบเช่นนี้ ถือได้ว่าโจทก์ได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นไว้แล้วโจทก์อุทธรณ์ฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 477/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประวิงคดีและการโต้แย้งคำสั่งศาล: โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าไม่มีพยาน
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก โจทก์ยื่นคำร้องว่าทนายป่วยมาศาลไม่ได้.พร้อมทั้งส่งใบรับรองแพทย์เป็นหลักฐาน. ปรากฏว่าโจทก์มิได้ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานไว้. และวันสืบพยานนั้นตัวโจทก์เดินทางไปต่างจังหวัด. ศาลสอบถามจำเลย จำเลยแถลงว่าแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร. ตามพฤติการณ์ทั้งหมดนี้ยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์แกล้งประวิงคดี.
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนสืบพยานโจทก์.และถือว่าโจทก์ไม่มีพยานนำสืบ. โจทก์ได้ยื่นคำร้องชี้แจงเหตุผลในการที่โจทก์มีความจำเป็นที่จะต้องขอเลื่อนการสืบพยาน. ขอให้ศาลนัดไต่สวนและมีคำสั่งให้โจทก์เข้าสืบ. เช่นนี้ ถือได้ว่าโจทก์ได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นไว้แล้ว. โจทก์อุทธรณ์ฎีกาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1146/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการพิจารณาใหม่ ศาลต้องไต่สวนเหตุผลก่อนมีคำสั่ง
โจทก์ไม่ไปศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ และศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา แล้วโจทก์มาร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่อ้างว่ามิได้จงใจขาดนัดพิจารณากรณีต้องดำเนินไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสอง ซึ่งศาลชอบที่จะไต่สวนให้ทราบข้อเท็จจริงเพื่อมีคำสั่งต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1146/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดพิจารณาคดี – ศาลต้องไต่สวนเหตุผลก่อนมีคำสั่ง – การพิจารณาใหม่
โจทก์ไม่ไปศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ และศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา แล้วโจทก์มาร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่อ้างว่ามิได้จงใจขาดนัดพิจารณา กรณีต้องดำเนินไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรค 2 ซึ่งศาลชอบที่จะไต่สวนให้ทราบข้อเท็จจริงเพื่อมีคำสั่งต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 856/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดี: ศาลพิจารณาเหตุผลและความเข้าใจผิดของจำเลย เพื่อให้โอกาสต่อสู้คดี
พฤติการณ์ที่ไม่ถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 856/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดี: ศาลพิจารณาเหตุผลความเข้าใจผิดของผู้ถูกฟ้อง และให้โอกาสพิจารณาคดีใหม่
พฤติการณ์ที่ไม่ถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 131/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาและการสืบพยานฝ่ายเดียว ศาลมีอำนาจพิจารณาตัดสินคดีได้
ถ้าคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มาศาลในวันสืบพยานและมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลเสียก่อนลงมือสืบพยาน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 197 วรรค 2 ให้ถือว่าคู่ความฝ่ายนั้นขาดนัดพิจารณา หาใช่ให้ศาลต้องคอยฟังเหตุผลจากฝ่ายนั้นก่อนไม่
ถ้าได้ส่งหมายกำหนดวันสืบพยานให้จำเลยทราบโดยชอบแล้ว จำเลยขาดนัดพิจารณา หากไม่มีเหตุให้ศาลเห็นเป็นอย่างอื่นแล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 202 ให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา
ความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 205 นั้น จะเป็นในวรรค 2 หรือ 3 ก็หมายความเฉพาะกรณีที่จำเลยมาศาล ในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว ถ้ามาศาลเมื่อพ้นเวลาที่จะนำพยานของตนเข้าสืบแล้ว ก็ไม่อนุญาตให้จำเลยสืบพยานของตนได้
ศาลสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวเสร็จแล้วจำเลยก็มิได้มาศาล จึงไม่ใช่กรณีที่จะให้จำเลยสืบพยานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 205 วรรค 3 (1) ต้องถือว่าเสร็จการพิจารณา (อ้างฎีกาที่ 976/2497, 250/2501).
of 13