พบผลลัพธ์ทั้งหมด 95 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1221/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองรถยนต์เช่าซื้อหลังศาลยกฟ้อง และผลกระทบต่อการยึดทรัพย์ชั่วคราว
เดิมรถยนต์อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อ จำเลยที่ 1 ได้เอาประกันวินาศภัยโดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัย โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์จากสัญญาประกันภัย ต่อมารถยนต์ถูกชนเสียหาย บริษัทรับประกันได้รับมอบไปจัดการซ่อม เมื่อโจทก์ร้องขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาโจทก์ได้นำยึดรถยนต์คันอื่นอีก 6 คัน เว้นแต่รถยนต์คันนี้ซึ่งอยู่ในอู่ของบริษัทผู้รับประกันภัยโจทก์มิได้นำยึด ดังนี้เห็นว่ารถยนต์คันนี้อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 มาแต่ต้น การที่โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์จากสัญญาประกันภัยก็เพราะกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนี้ยังเป็นของโจทก์ในฐานะผู้ให้เช่าซื้อเท่านั้น ไม่อาจถือได้ว่ารถยนต์คันนี้กลับมาอยู่ในความครอบครองของโจทก์ ต้องถือว่าในระหว่างรถยนต์คันนี้ได้รับการซ่อมแซมอยู่ในอู่ของบริษัทผู้รับประกันภัย อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 ตลอดมาจนเสร็จคดี เมื่อศาลพิพากษาให้ส่งมอบจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องส่งมอบรถยนต์คันนี้ให้โจทก์
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้มีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาและได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์ 4 คันจากจำเลยที่ 1 แล้วเจ้าพนักงานบังคับคดีมอบรถยนต์ 4 คันนี้ให้โจทก์รักษาไว้ ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชนะคดีเฉพาะรถยนต์ 4 คันนี้ โดยฟังว่าจำเลยที่ 1 ไม่ผิดสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ไม่มีอำนาจบอกเลิกสัญญาได้ ให้ยกฟ้องโจทก์ ในคำพิพากษามิได้กล่าวไว้ซึ่งวิธีการชั่วคราวที่ศาลสั่งไว้ในระหว่างพิจารณา ฉะนั้น จึงต้องถือว่าคำสั่งของศาลที่ให้ยึดรถยนต์ 4 คันนี้ไว้ชั่วคราวเป็นอันยกเลิกไปในตัว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(1) จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิได้รับรถยนต์ 4 คันนี้กลับคืนไปในฐานะผู้เช่าซื้อซึ่งมิได้ผิดสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์ 4 คันนี้ไว้ได้ เพราะโจทก์มิใช่ผู้ครองรถยนต์ 4 คันนี้โดยมีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่โจทก์ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 241 โจทก์เป็นแต่เพียงผู้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานบังคับคดีให้รักษารถยนต์ 4 คันนี้ไว้ในระหว่างถูกยึดไว้ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อการยึดทรัพย์ถูกยกเลิกไป โจทก์ในฐานะผู้รักษาทรัพย์ก็ต้องคืนรถยนต์ที่รับรักษาไว้แก่จำเลยที่ 1 ไปตามคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้มีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาและได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์ 4 คันจากจำเลยที่ 1 แล้วเจ้าพนักงานบังคับคดีมอบรถยนต์ 4 คันนี้ให้โจทก์รักษาไว้ ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชนะคดีเฉพาะรถยนต์ 4 คันนี้ โดยฟังว่าจำเลยที่ 1 ไม่ผิดสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ไม่มีอำนาจบอกเลิกสัญญาได้ ให้ยกฟ้องโจทก์ ในคำพิพากษามิได้กล่าวไว้ซึ่งวิธีการชั่วคราวที่ศาลสั่งไว้ในระหว่างพิจารณา ฉะนั้น จึงต้องถือว่าคำสั่งของศาลที่ให้ยึดรถยนต์ 4 คันนี้ไว้ชั่วคราวเป็นอันยกเลิกไปในตัว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(1) จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิได้รับรถยนต์ 4 คันนี้กลับคืนไปในฐานะผู้เช่าซื้อซึ่งมิได้ผิดสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์ 4 คันนี้ไว้ได้ เพราะโจทก์มิใช่ผู้ครองรถยนต์ 4 คันนี้โดยมีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่โจทก์ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 241 โจทก์เป็นแต่เพียงผู้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานบังคับคดีให้รักษารถยนต์ 4 คันนี้ไว้ในระหว่างถูกยึดไว้ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อการยึดทรัพย์ถูกยกเลิกไป โจทก์ในฐานะผู้รักษาทรัพย์ก็ต้องคืนรถยนต์ที่รับรักษาไว้แก่จำเลยที่ 1 ไปตามคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1221/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองรถยนต์เช่าซื้อหลังคำพิพากษา ศาลสั่งคืนรถยนต์ให้ผู้เช่าซื้อที่ไม่ผิดสัญญา
เดิมรถยนต์อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อ จำเลยที่ 1 ได้เอาประกันวินาศภัยโดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัย โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์จากสัญญาประกันภัย ต่อมารถยนต์ถูกชนเสียหาย บริษัทรับประกันได้รับมอบไปจัดการซ่อมเมื่อโจทก์ร้องขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาโจทก์ได้นำยึดรถยนต์คันอื่นอีก 6 เว้นแต่รถยนต์คันนี้ซึ่งอยู่ในอู่ของบริษัทผู้รับประกันภัยโจทก์มิได้นำยึด ดังนี้เห็นว่ารถยนต์คันนี้อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 มาแต่ต้น การที่โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์จากสัญญาประกันภัยก็เพราะกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนี้ยังเป็นของโจทก์ในฐานะผู้ให้เช่าซื้อเท่านั้น ไม่อาจถือได้ว่ารถยนต์คันนี้กลับมาอยู่ในความครอบครองของโจทก์ ต้องถือว่าในระหว่างรถยนต์ดังกล่าวได้รับการซ่อมแซมอยู่ในอู่ของบริษัทผู้รับประกันภัย อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 ตลอดมาจนเสร็จคดี เมื่อศาลพิพากษาให้ส่งมอบจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องส่งมอบรถยนต์คันนี้ให้โจทก์
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้มีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาและได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์ 4 คันจากจำเลยที่ 1 แล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีมอบรถยนต์ 4 คันนี้ให้โจทก์รักษาไว้ ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชนะคดีเฉพาะรถยนต์ 4 คันนี้โดยฟังว่าจำเลยที่ 1 ไม่ผิดสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ไม่มีอำนาจบอกเลิกสัญญาได้ให้ยกฟ้องโจทก์ในคำพิพากษามิได้กล่าวไว้ซึ่งวิธีการชั่วคราวที่ศาลได้สั่งไว้ในระหว่างพิจารณา ฉะนั้นจึงต้องถือว่าคำสั่งของศาลที่ให้ยึดรถยนต์ 4 คันนี้ไว้ชั่วคราวเป็นอันยกเลิกไปในตัว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(1) จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิได้รับรถยนต์ 4 คันที่กลับคืนไปในฐานะผู้เช่าซื้อซึ่งมิได้ผิดสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์ 4 คันนี้ไว้ได้เพราะโจทก์มิใช่ผู้ครองรถยนต์ 4 คันนี้โดยมีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่โจทก์ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 โจทก์เป็นแต่เพียงผู้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานบังคับคดีให้รักษารถยนต์ 4 คันนี้ไว้ในระหว่างถูกยึดไว้ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อการยึดทรัพย์ถูกยกเลิกไป โจทก์ในฐานะผู้รักษาทรัพย์ก็ต้องคืนรถยนต์ที่รับรักษาไว้แก่จำเลยที่ 1 ไปตามคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้มีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาและได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์ 4 คันจากจำเลยที่ 1 แล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีมอบรถยนต์ 4 คันนี้ให้โจทก์รักษาไว้ ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชนะคดีเฉพาะรถยนต์ 4 คันนี้โดยฟังว่าจำเลยที่ 1 ไม่ผิดสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ไม่มีอำนาจบอกเลิกสัญญาได้ให้ยกฟ้องโจทก์ในคำพิพากษามิได้กล่าวไว้ซึ่งวิธีการชั่วคราวที่ศาลได้สั่งไว้ในระหว่างพิจารณา ฉะนั้นจึงต้องถือว่าคำสั่งของศาลที่ให้ยึดรถยนต์ 4 คันนี้ไว้ชั่วคราวเป็นอันยกเลิกไปในตัว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(1) จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิได้รับรถยนต์ 4 คันที่กลับคืนไปในฐานะผู้เช่าซื้อซึ่งมิได้ผิดสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์ 4 คันนี้ไว้ได้เพราะโจทก์มิใช่ผู้ครองรถยนต์ 4 คันนี้โดยมีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่โจทก์ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 โจทก์เป็นแต่เพียงผู้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานบังคับคดีให้รักษารถยนต์ 4 คันนี้ไว้ในระหว่างถูกยึดไว้ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อการยึดทรัพย์ถูกยกเลิกไป โจทก์ในฐานะผู้รักษาทรัพย์ก็ต้องคืนรถยนต์ที่รับรักษาไว้แก่จำเลยที่ 1 ไปตามคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจบังคับคดีเป็นของศาล เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติงานตามคำสั่งศาล ไม่มีอำนาจอุทธรณ์เรื่องค่าธรรมเนียม
อำนาจเกี่ยวกับการบังคับคดีนั้นเป็นของศาล เจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นแต่เพียงเจ้าพนักงานของศาลในการที่จะบังคับคดีเท่านั้น ไม่มีอำนาจจะเข้ามาเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือเป็นคู่ความได้ด้วยประการใด
เรื่องค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีในที่สุดก็อยู่ในอำนาจของศาลที่จะสั่งเรียกเก็บหรือไม่เรียกเก็บ ฉะนั้น การที่ศาลสั่งไม่เรียกเก็บ เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องปฏิบัติตาม ไม่มีสิทธิจะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งศาลในเรื่องค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี
หมายเหตุ ทับฎีกาที่ 1053/2468
เรื่องค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีในที่สุดก็อยู่ในอำนาจของศาลที่จะสั่งเรียกเก็บหรือไม่เรียกเก็บ ฉะนั้น การที่ศาลสั่งไม่เรียกเก็บ เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องปฏิบัติตาม ไม่มีสิทธิจะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งศาลในเรื่องค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี
หมายเหตุ ทับฎีกาที่ 1053/2468
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจบังคับคดีเป็นของศาล เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลในเรื่องค่าธรรมเนียม
อำนาจเกี่ยวกับการบังคับคดีนั้นเป็นของศาลเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นแต่เพียงเจ้าพนักงานของศาลในการที่จะบังคับคดีเท่านั้น ไม่มีอำนาจจะเข้ามาเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือเป็นคู่ความได้ด้วยประการใด
เรื่องค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีในที่สุดก็อยู่ในอำนาจของศาลที่จะสั่งเรียกเก็บหรือไม่เรียก ฉะนั้น การที่ศาลสั่งไม่เรียกเก็บ เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องปฏิบัติตามไม่มีสิทธิจะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งศาลในเรื่องค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี (หมายเหตุ ทับฎีกาที่ 1053/2468)
เรื่องค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีในที่สุดก็อยู่ในอำนาจของศาลที่จะสั่งเรียกเก็บหรือไม่เรียก ฉะนั้น การที่ศาลสั่งไม่เรียกเก็บ เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องปฏิบัติตามไม่มีสิทธิจะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งศาลในเรื่องค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี (หมายเหตุ ทับฎีกาที่ 1053/2468)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 562/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษา: ศาลชั้นต้นมีอำนาจหน้าที่ก่อนสำนวนถึงศาลอุทธรณ์
การยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวนั้น ถ้าศาลอุทธรณ์ยังมิได้รับสำนวนลงสารบบก็เป็น
เรื่องอยู่ในอำนาจหน้าที่ของศาลชั้นต้น
การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเรื่องใดอย่างน้อยจะต้องมีคำฟ้องคำแก้ซึ่งศาลชั้นต้นส่งขึ้นมา
ศาลที่มีอำนาจออกหมายบังคับคดีหรือทำคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการบังคับคดี คือศาลที่พิจารณาคดีนั้นในชั้นต้น "ฯลฯ"
การที่กฎหมายบัญญัติ มาตรา 240 และ 302 ไว้ก็เพื่อจะมิให้มีการก้าวก่ายสับสนหน้าที่กัน
เรื่องอยู่ในอำนาจหน้าที่ของศาลชั้นต้น
การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเรื่องใดอย่างน้อยจะต้องมีคำฟ้องคำแก้ซึ่งศาลชั้นต้นส่งขึ้นมา
ศาลที่มีอำนาจออกหมายบังคับคดีหรือทำคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการบังคับคดี คือศาลที่พิจารณาคดีนั้นในชั้นต้น "ฯลฯ"
การที่กฎหมายบัญญัติ มาตรา 240 และ 302 ไว้ก็เพื่อจะมิให้มีการก้าวก่ายสับสนหน้าที่กัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 562/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการสั่งยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษา ต้องเป็นไปตามกระบวนการวิธีพิจารณา และศาลชั้นต้นมีอำนาจหน้าที่ก่อนศาลอุทธรณ์
การยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวนั้น ถ้าศาลอุทธรณ์ยังมิได้รับสำนวนลงสารบบก็เป็นเรื่องอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของศาลชั้นต้น
การที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยเรื่องใดอย่างน้อยจะต้องมีคำฟ้องคำแก้ซึ่งศาลชั้นต้นส่งขึ้นมา
ศาลที่มีอำนาจออกหมายบังคับคดีหรือทำคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการบังคับคดีคือศาลที่พิจารณาคดีนั้นในชั้นต้น "ฯลฯ"
การที่กฎหมายบัญญัติ มาตรา 240 และ 302 ไว้ก็เพื่อจะมิให้มีการก้าวก่ายสับสนหน้าที่กัน
การที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยเรื่องใดอย่างน้อยจะต้องมีคำฟ้องคำแก้ซึ่งศาลชั้นต้นส่งขึ้นมา
ศาลที่มีอำนาจออกหมายบังคับคดีหรือทำคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการบังคับคดีคือศาลที่พิจารณาคดีนั้นในชั้นต้น "ฯลฯ"
การที่กฎหมายบัญญัติ มาตรา 240 และ 302 ไว้ก็เพื่อจะมิให้มีการก้าวก่ายสับสนหน้าที่กัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอยู่ในระหว่างพิจารณา แม้ยังไม่ได้อ่านคำพิพากษา หากศาลสูงหมดอำนาจเหนือคดี ต้องจำหน่ายคดีและไม่ตัดสิทธิฟ้องร้องใหม่
คดีที่ศาลพิพากษาแล้วแต่ยังไม่ได้อ่านคำพิพากษา ย่อมถือว่าเป็นคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลนั้น ๆ
เมื่อดินแดนในอาณาเขตต์ของศาลชั้นต้นได้โอนไปเป็นอาณาเขตต์ของประเทศอื่นในเวลาที่คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลสูง ศาลสูงก็ต้องสั่งจำหน่ายคดี
ในคดีที่ศาลสูงสั่งจำหน่ายคดีเพราะหมดอำนาจเหนือคดีนั้นศาลสั่งให้คืนค่าธรรมเนียมฉะเพาะศาลนั้น
เมื่อดินแดนในอาณาเขตต์ของศาลชั้นต้นได้โอนไปเป็นอาณาเขตต์ของประเทศอื่นในเวลาที่คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลสูง ศาลสูงก็ต้องสั่งจำหน่ายคดี
ในคดีที่ศาลสูงสั่งจำหน่ายคดีเพราะหมดอำนาจเหนือคดีนั้นศาลสั่งให้คืนค่าธรรมเนียมฉะเพาะศาลนั้น