พบผลลัพธ์ทั้งหมด 553 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานกรรโชกและการสนับสนุนความผิด ไม่ใช่ฉ้อโกง ศาลแก้ฟ้องฐานฉ้อโกงและยกคำขอคืนเงิน
ป.กับส. ไปหลอกลวงผู้เสียหายว่าเป็นเจ้าพนักงาน ขอค้นบ้าน และค้นได้แป้งเชื้อสุราแล้วคุมตัวผู้เสียหายไปมอบให้ ด. ที่บ้านของป. ด.หลอกลวงผู้เสียหายว่าเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิต บอกให้ผู้เสียหายเสียค่าปรับ ถ้าไม่เอาเงินมาเสียจะจับส่งอำเภอ แล้วผู้เสียหายถูกคุมไปหายืมเงิน พบ ช.ซึ่งเป็นกำนันได้เล่าเรื่องให้ฟังช.พูดส่งเสริมให้ผู้เสียหายเสียเงินให้ที่นั่น ผู้เสียหายเอาเงินให้ ช. รับเงินไว้แล้วบอกให้ผู้เสียหายกลับได้ วันนั้นเอง ช. ไปร่วมรับประทานอาหารและแบ่งเงินให้ ป.ส.และด. การกระทำของป.ส.และด. เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145,310 และ 337 ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 ด้วย และการกระทำของช. ก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 341 เช่นเดียวกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานฉ้อโกง ด. กับช. จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกงด้วย ก็เป็นเหตุในลักษณะคดีศาลอุทธรณ์มีอำนาจที่จะพิพากษายกฟ้องความผิดฐานนี้ตลอดถึงจำเลยที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพและฉ้อโกงกับขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่จำเลยรับไปจากผู้เสียหายด้วย เมื่อวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้ยกคำขอให้คืนหรือใช้เงินนี้เสียด้วย (แม้โจทก์จะฎีกาฝ่ายเดียวขอให้ลงโทษฐานฉ้อโกง จำเลยไม่ได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้)
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานฉ้อโกง ด. กับช. จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกงด้วย ก็เป็นเหตุในลักษณะคดีศาลอุทธรณ์มีอำนาจที่จะพิพากษายกฟ้องความผิดฐานนี้ตลอดถึงจำเลยที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพและฉ้อโกงกับขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่จำเลยรับไปจากผู้เสียหายด้วย เมื่อวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้ยกคำขอให้คืนหรือใช้เงินนี้เสียด้วย (แม้โจทก์จะฎีกาฝ่ายเดียวขอให้ลงโทษฐานฉ้อโกง จำเลยไม่ได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนใจเรียกทรัพย์และการสนับสนุนการกระทำผิด ไม่เข้าข่ายฉ้อโกง
ป.กับส. ไปหลอกลวงผู้เสียหายว่าเป็นเจ้าพนักงาน ขอค้นบ้าน และค้นได้แป้งเชื้อสุรา แล้วคุมตัวผู้เสียหายไปมอบให้ ด. ที่บ้านของ ป. ด.หลอกลวงผู้เสียหายว่าเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิต บอกให้ผู้เสียหายเสียค่าปรับ ถ้าไม่เอาเงินมาเสียจะจับส่งอำเภอ แล้วผู้เสียหายถูกคุมไปหายืมเงิน พบข. ซึ่งเป็นกำนัน ได้เล่าเรื่องให้ฟัง ข. พูดส่งเสริมให้ผู้เสียหายเสียเงินให้ที่นั่น ผู้เสียหายเอาเงินให้ ช. รับเงินเอาไว้แล้วบอกให้ผู้เสียหายกลับได้ วันนั้นเอง ช. ไปร่วมรับประทานอาหารและแบ่งเงินให้ ป. ส. และ ด. การกระทำของ ป. ส. และด. เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145, 310 และ 337 ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 ด้วย และการกระทำของ ช. ก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 341 เช่นเดียวกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานฉ้อโกง ด. กับ ช. จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกงด้วย ก็เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์มีอำนาจที่จะพิพากษายกฟ้องความผิดฐานนี้ตลอดถึงจำเลยที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพและฉ้อโกง กับขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่จำเลยรับไปจากผู้เสียหายด้วย เมื่อวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้ยกคำขอให้คืนหรือใช้เงินนี้เสียด้วย (แม้โจทก์จะฎีกาฝ่ายเดียว ขอให้ลงโทษฐานฉ้อโกง จำเลยไม่ได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้)
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานฉ้อโกง ด. กับ ช. จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกงด้วย ก็เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์มีอำนาจที่จะพิพากษายกฟ้องความผิดฐานนี้ตลอดถึงจำเลยที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพและฉ้อโกง กับขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่จำเลยรับไปจากผู้เสียหายด้วย เมื่อวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้ยกคำขอให้คืนหรือใช้เงินนี้เสียด้วย (แม้โจทก์จะฎีกาฝ่ายเดียว ขอให้ลงโทษฐานฉ้อโกง จำเลยไม่ได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกเคหสถาน: เจตนาสำคัญ การเข้าไปโดยเปิดเผยและเชื่อว่ามีสิทธิ ย่อมไม่ถือว่ามีความผิดฐานบุกรุก
จำเลยคนหนึ่งใช้จำเลยร่วมเข้าไปขนของในเคหสถานที่อยู่อาศัยของผู้เสียหาย โดยจำเลยที่เข้าไปเชื่อว่าทรัพย์เป็นของผู้ใช้ ๆ มีสิทธิจะให้เข้าไปเอามาได้ และได้เข้าไปอยางเปิดเผย เมื่อถูกห้ามก็มิได้ขัดขืน เช่นนี้ อมไม่มีความผิดฐานบุกรุกทางอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกเคหสถาน: เจตนาสำคัญ การเข้าไปโดยเปิดเผยและเชื่อว่ามีสิทธิย่อมไม่ถือว่าผิด
จำเลยคนหนึ่งใช้จำเลยร่วมเข้าไปขนของในเคหสถานที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายโดยจำเลยที่เข้าไปเชื่อว่าทรัพย์เป็นของผู้ใช้ๆ มีสิทธิจะให้เข้าไปเอามาได้ และได้เข้าไปอย่างเปิดเผยเมื่อถูกห้ามก็มิได้ขัดขืน เช่นนี้ ย่อมไม่มีความผิดฐานบุกรุกทางอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองและใช้ปืนของผู้อื่น การให้ยืมปืนไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
มาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มีความหมายว่า ใบอนุญาตอาวุธปืนให้ใช้ได้เฉพาะตัวผู้รับใบอนุญาตเท่านั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องการให้ยืมปืนแต่ประการใด ฉะนั้น ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนให้บุคคลอื่นยืมปืนไปใช้ล่าสัตว์ จึงไม่มีความผิดตามมาตรานี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยืมปืนล่าสัตว์ของผู้มีใบอนุญาต ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน
ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืน ให้บุคคลอื่นยืมปืนไปใช้ล่าสัตว์ไม่มีความผิดตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯลฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าของรถต่อการละเมิดของตัวแทนผู้ขับขี่
มารดาเป็นเจ้าของรถยนต์โดยสาร ได้มอบหมายให้บุตร (อายุ27 ปี) เป็นตัวแทนในการรับขนส่งผู้โดยสาร เก็บผลประโยชน์ให้แก่มารดา แม้มารดาจะมิใช่นายจ้างของบุตรแต่เมื่อบุตรขับรถโดยประมาททำให้รถคว่ำและผู้โดยสารบาดเจ็บ ก็เป็นการทำละเมิดในการเป็นตัวแทนของมารดา มารดาจึงต้องรับผิดร่วมด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 427
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1047/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องในคดีสัญญากู้เงิน: เหตุผลการรับรองหนี้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญากู้เงินไป ก่อนจำเลยให้การโจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า กรณีเดิมสามีและบุตรเขยจำเลยกู้เงินโจทก์แล้วจำเลยทำสัญญารับใช้หนี้ให้โจทก์ ดังนี้ แก้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179(2) เพราะเป็นการอธิบายถึงสาเหตุที่จำเลยทำสัญญากู้ให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1047/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องคดีสัญญากู้เงิน และการนำสืบพยานหลักฐานเกี่ยวกับสาเหตุการทำสัญญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินไปก่อนจำเลยให้การโจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า กรณีเดิมสามีและบุตรเขยจำเลยกู้เงินโจทก์ แล้วจำเลยทำสัญญารับใช้หนี้ให้ โจทก์แก้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแห่งมาตรา 179 (2) เพราะเป็นการอธิบายถึงสาเหตุที่จำเลยทำสัญญากู้ให้
เมื่อจำเลยให้การแก้ข้อหาในคำร้องเพิ่มเติมฟ้อง จำเลยมิได้โต้แย้งหรือคัดค้านไว้ จะอุทธรณ์ข้อนี้ไม่ได้
เมื่อโจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง ดังนั้นแล้ว แม้สัญญาที่นำมาฟ้องจะบอกชัดว่าเป็นสัญญากู้ระหว่างโจทก์กับจำเลยและว่าได้รับเงินไปแล้วแต่วันทำสัญญา โจทก์ก็นำสืบได้ว่าไม่มีการรับเงินเนื่องจากกรณีเดิมสามีกับบุตรเขยโจทก์กู้ไป ไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงเอกสาร
จำเลยลงลายพิมพ์นิ้วมือในสัญญากู้ โดยมีพยาน 2 คน โจทก์ไม่จำต้องนำพยานเหล่านั้นมาสืบทุกคน
เมื่อจำเลยให้การแก้ข้อหาในคำร้องเพิ่มเติมฟ้อง จำเลยมิได้โต้แย้งหรือคัดค้านไว้ จะอุทธรณ์ข้อนี้ไม่ได้
เมื่อโจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง ดังนั้นแล้ว แม้สัญญาที่นำมาฟ้องจะบอกชัดว่าเป็นสัญญากู้ระหว่างโจทก์กับจำเลยและว่าได้รับเงินไปแล้วแต่วันทำสัญญา โจทก์ก็นำสืบได้ว่าไม่มีการรับเงินเนื่องจากกรณีเดิมสามีกับบุตรเขยโจทก์กู้ไป ไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงเอกสาร
จำเลยลงลายพิมพ์นิ้วมือในสัญญากู้ โดยมีพยาน 2 คน โจทก์ไม่จำต้องนำพยานเหล่านั้นมาสืบทุกคน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1046/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขุดหลุมส้วมใกล้แนวเขตที่ดิน: ห้ามขุดภายใน 2 เมตร แม้ใช้ความระมัดระวัง
จะขุดหลุมส้วมในระยะสองเมตรจากแนวเขตที่ดินไม่ได้ แม้จะได้ใช้ความระมัดระวังตามควรเพื่อป้องกันมิให้ทรายพังลงหรือมิให้น้ำหรือสิ่งโสโครกซึมได้ก็ตาม
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 28/2505)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 28/2505)