คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไชยเจริญ สันติศิริ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 553 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสียชีวิตจากงูกัดถือเป็นอุบัติเหตุตามสัญญาประกันชีวิต
ผู้เอาประกันชีวิตถูกงูพิษกัดถึงตายโดยบังเอิญนั้น นับว่าเป็นอุบัติเหตุตามความหมายของ คำว่าอุบัติเหตุแห่งข้อสัญญา ที่ว่า "ต้องเป็นเหตุเนื่องมาจากร่างกายของผู้เอาประกันถูกบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกโดยบังเอิญ และปราศจากเจตนาของผู้มีส่วนกระทำให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น" แล้ว ผู้รับประกันชีวิตจึงต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมยกทรัพย์ให้แก่เจ้าของร่วม ผลบังเกิดใช้กับส่วนของผู้ตายเท่านั้น
การที่เจ้าของร่วมได้ทำพินัยกรรมฉบับเดียวกันยกทรัพย์ให้แก่ใคร แม้จะระบุว่า ถ้าเขาทั้งสองตายไปแล้ว ให้ทรัพย์ตกได้แก่ผู้นั้นก็ดี เมื่อผู้ทำพินัยกรรมคนหนึ่งตาย แม้อีกคนยังอยู่ ก็ยอมเกิดผลตามพินัยกรรมเฉพาะทรัพย์ส่วนของผู้ที่ตายไปนั้นแล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เดิมบิดาโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาท เมื่อบิดาตาย โจทก์ก็ได้รับมรดกมา จำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยกับสามี จำเลยกับสามีเพียงแต่ได้ทำพินัยกรรมยกให้บิดาโจทก์ แต่บัดนี้ไม่ประสงค์จะยกให้แล้ว เพราะบิดาโจทก์ตายไปก่อนจำเลย พินัยกรรมจึงไม่บังเกิดผล ดังนี้ เรื่องพินัยกรรมที่จำเลยต่อสู้จึงเป็นประเด็นที่ศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ แต่ใช้ดุลพินิจให้รวมค่าธรรมเนียมแล้วให้โจทก์จำเลยเสียฝ่ายละครึ่งได้
การที่เจ้าของร่วมในที่พิพาทเข้าทำในที่ที่ตนเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยนั้น หาเป้นการละเมิดไม่ เจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งจะฟ้องขอให้ห้ามหรือเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดไม่ได้ (ที่พิพาทยังไม่ได้แบ่งแยก และเข้าทำเต็มทั้งแปลง).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมยกทรัพย์ของเจ้าของร่วม: ผลบังคับใช้เฉพาะส่วนของผู้ตายเมื่อยังมีเจ้าของร่วมรายอื่น
การที่เจ้าของร่วมได้ทำพินัยกรรมฉบับเดียวกันยกทรัพย์ให้แก่ใคร แม้จะระบุว่า ถ้าเขาทั้งสองตายไปแล้วให้ทรัพย์ตกได้แก่ผู้นั้นก็ดี เมื่อผู้ทำพินัยกรรมคนหนึ่งตาย แม้อีกคนยังอยู่ ก็ย่อมเกิดผลตามพินัยกรรมเฉพาะทรัพย์ส่วนของผู้ที่ตายไปนั้นแล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เดิมบิดาโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาท เมื่อบิดาตาย โจทก์ก็ได้รับมรดกมา จำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยกับสามี จำเลยกับสามีเพียงแต่ได้ทำพินัยกรรมยกให้บิดาโจทก์ แต่บัดนี้ไม่ประสงค์จะยกให้แล้ว เพราะบิดาโจทก์ตายไปก่อนจำเลยพินัยกรรมจึงไม่บังเกิดผล ดังนี้ เรื่องพินัยกรรมที่จำเลยต่อสู้จึงเป็นประเด็นที่ศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ แต่ใช้ดุลพินิจให้รวมค่าธรรมเนียมแล้วให้โจทก์จำเลยเสียฝ่ายละครึ่งได้
การที่เจ้าของร่วมในที่พิพาทเข้าทำในที่ที่ตนเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยนั้น หาเป็นการละเมิดไม่เจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งจะฟ้องขอให้ห้ามหรือเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดไม่ได้ (ที่พิพาทยังไม่ได้แบ่งแยก และเข้าทำเต็มทั้งแปลง)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 986/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฉ้อโกงโดยแสดงข้อความเท็จและปกปิดความจริง ไม่เข้าข่ายแสดงตนเป็นคนอื่น โทษเบากว่า
การหลอกลวงด้วยแสดงข้อความเท็จและปกปิดความจริงว่าตัวเองเป็นภริยาและทายาทของผู้ตาย เพื่อให้มีสิทธิรับบำนาญพิเศษของผู้ตายนั้น ไม่เข้าลักษณะฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น เพราะไม่ได้แสดงตนว่าเป็นคนหนึ่งคนใด คงมีผิดฐานฉ้อโกงธรรมดา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 986/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฉ้อโกงโดยแสดงข้อความเท็จและปกปิดความจริง ไม่เข้าข่ายฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น
การหลอกลวงด้วยแสดงข้อความเท็จและปกปิดความจริงว่าตัวเองเป็นภริยาและทายาทของผู้ตาย เพื่อให้มีสิทธิรับบำนาญพิเศษของผู้ตายนั้น ไม่เข้าลักษณะฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น เพราะไม่ได้แสดงตนว่าเป็นคนหนึ่งคนใด คงมีผิดฐานฉ้อโกงธรรมดา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษและรวมโทษที่รอการลงโทษ จำเป็นต้องมีคำขอจากโจทก์
ในกรณีที่จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกและปรับแต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ แล้วจำเลยมากระทำความผิดอีก เมื่อโจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยในคดีหลัง แต่มิได้ขอให้เอาโทษที่รอมาบวกด้วยนั้นแม้เพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ ก็จะเอาโทษที่รอไว้มาบวกไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้มีคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษและรวมโทษที่รอการลงโทษ จำเป็นต้องมีคำขอจากโจทก์
ในกรณีที่จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกและปรับ แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ แล้วจำเลยมากระทำความผิดอีกเมื่อโจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยในคดีหลัง แต่มิได้ขอให้เอาโทษที่รอมาบวกด้วยนั้น แม้เพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ ก็จะเอาโทษที่รอไว้มาบวกไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้มีคำขอ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดตาม ม.116 ต้องพิจารณาเนื้อหาทั้งหมดและเจตนาของผู้เผยแพร่
คดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของ ผู้จัดการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ได้พิมพ์โฆษณาข้อความดังที่โจทก์บรรยายไว้ในฟ้องให้ปรากฎแก่ประชาชนอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 นั้น การที่จะวินิจฉัยชี้ขาดว่า ข้อความที่กล่าวนั้นเป็นความผิดหรือไม่ และจำเลยพิมพ์โฆษณาด้วยเจตนาอย่างไร จำต้องพิจารณาจากข้อความทั้งหมด ประกอบกับพฤติการณ์อย่างอื่น ๆ ด้วย จะพิจารณาเพียงข้อความที่จำเลยโฆษณาบางตอนหรือบางส่วนหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดมาตรา 116 ต้องพิจารณาเนื้อหาและเจตนาโดยรวม ไม่พิจารณาเพียงบางส่วน
คดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของ ผู้จัดการผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ได้พิมพ์โฆษณาข้อความดังที่โจทก์บรรยายไว้ในฟ้องให้ปรากฏแก่ประชาชนอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 นั้น การที่จะวินิจฉัยชี้ขาดว่า ข้อความที่กล่าวนั้นเป็นความผิดหรือไม่ และจำเลยพิมพ์โฆษณาด้วยเจตนาอย่างไรจำต้องพิจารณาจากข้อความทั้งหมดประกอบกับพฤติการณ์อย่างอื่นๆด้วยจะพิจารณาเพียงข้อความที่จำเลยโฆษณาบางตอนหรือบางส่วนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าเรือเพื่อชำระหนี้ถือเป็นการจำนำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
จำเลยกู้เงินผู้ร้องไปโดยนำเรือยนต์(ขนาด 3 ตัน)มามอบให้ผู้ร้องยึดถือไว้เป็นประกันการชำระหนี้ แล้วไม่มีเรือใช้จึงขอเช่าเรือไปจากผู้ร้องต้องถือว่าจำเลยครอบครองเรือแทนผู้ร้องในฐานะเป็นผู้เช่าย่อมเป็นการจำนำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 747
of 56