พบผลลัพธ์ทั้งหมด 553 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 393-395/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำท้าทายพยานผู้เชี่ยวชาญ: ศาลไม่อนุญาตหากจำเลยไม่ยินยอม
คู่ความท้ากันให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้พิสูจน์ลายเซ็นในเอกสาร ถ้าผู้เชี่ยวชาญว่าอย่างไร ข้ออื่นๆ เป็นอันไม่โต้เถียงกันนั้นเมื่อผู้เชี่ยวชาญส่งผลการพิสูจน์มาแล้วอันตรงกับข้อท้า โจทก์จะมาขอถอนคำท้าโดยกล่าวอ้างลอยๆ ซึ่งจำเลยมิได้ตกลงด้วยหาได้ไม่ ศาลย่อมไม่อนุญาตให้ถอนคำท้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทโดยการกล่าวถึงกลุ่มบุคคล ศาลต้องไต่สวนมูลฟ้องเพื่อพิสูจน์เจตนาและผู้เสียหาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328 โดยกล่าวในฟ้องว่า จำเลยได้โฆษณาด้วยเครื่องกระจายเสียงต่อชุมนุมชนซึ่งมาประชุมกันว่า'ทนายความเมืองร้อยเอ็ดคบไม่ได้ เป็นนกสองหัวเหยียบเรือสองแคม เป็นมวยล้ม ว่าความทีแรกดี ครั้นได้รับเงินแล้วก็ว่าเป็นอย่างอื่น' และได้กล่าวในฟ้องด้วยว่าทนายความจังหวัดร้อยเอ็ดมีอยู่ในวันที่จำเลยกล่าวข้อความนี้เพียง 10 คนและในขณะที่จำเลยกล่าว จำเลยได้เห็นโจทก์ซึ่งเป็นทนายความคนหนึ่งประกอบอาชีพว่าความอยู่ในจังหวัดร้อยเอ็ดเข้าประชุมอยู่ด้วยกับยืนยันมาในฟ้องว่าการที่จำเลยกล่าวเช่นนั้นก็โดยมีเจตนาหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์และบรรดาผู้ประกอบอาชีพทนายความในจังหวัดร้อยเอ็ดทุกคนให้ได้รับความเสียหายดังนี้ เป็นฟ้องที่ควรให้มีการไต่สวนมูลฟ้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป (ประชุมใหญ่ ครั้งที่10/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทโดยเจตนาต่อชุมชน แม้กล่าวลอยๆ ก็อาจเป็นความเสียหายต่อโจทก์ได้ หากมีบริบทชัดเจน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 โดยกล่าวในฟ้องว่า จำเลยได้โฆษณาด้วยเครื่องกระจายเสียงต่อชุมนุมชนซึ่งมาประชุมกันว่า ทนายความเมืองร้อยเอ็ดคบไม่ได้ เป็นนอกสองหัว เหยียบเรือสองแคม เป็นมวยล้ม ว่าความทีแรกดี ครั้นได้รับเงินแล้วก็ว่าเป็นอย่างอื่น และได้กล่าวในฟ้องด้วยว่าทนายความจังหวัดร้อยเอ็ดมีอยู่ในวันที่จำเลยกล่าวข้อความนี้เพียง 10 คนและในขณะที่จำเลยกล่าว จำเลยได้เห็นโจทก์ซึ่งเป็นทนายความคนหนึ่งประกอบอาชีพว่าความอยู่ในจังหวัดร้อยเอ็ดเข้าประชุมอยู่ด้วย กับยืนยันมาในฟ้องว่า การที่จำเลยกล่าวเช่นนั้นก็โดยมีเจตนาหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์และบรรดาผู้ประกอบอาชีพทนายความในจังหวัดร้อยเอ็ดทุกคนให้ได้รับความเสียหาย ดังนี้เป็นฟ้องที่ควรให้มีการไต่สวนมูลฟ้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุพยานในคดีอาญา: ขอบเขตการอ้างพยานหลักฐานตามบัญชีพยาน
คดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์นั้น ศาลจะต้องไต่สวนมูลฟ้องก่อนฉะนั้น แม้บัญชีระบุพยานของโจทก์จะมี คำว่า'บัญชีพยานชั้นไต่สวนมูลฟ้อง' ก็ดี ก็จะถือว่าเป็นการระบุพยานเฉพาะแต่ในตอนไต่สวนมูลฟ้องไม่ได้ ต้องถือว่าโจทก์มีความประสงค์ที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานในคดีนั้นตามบัญชีระบุพยานของตนตลอดทั้งเรื่อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง และการอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นความผิดหลายกระทง ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ประทับฟ้องเฉพาะกระทงที่เห็นว่ามีมูลและไม่ประทับฟ้องกระทงที่เห็นว่าไม่มีมูลนั้น โจทก์อุทธรณ์ได้ในทันที ไม่ต้องรอจนกว่าศาลจะได้ตัดสินคดีแล้ว
การระบุพยานของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง แม้บัญชีพยาน ของโจทก์จะมีคำว่า บัญชีระบุพยานชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ก็ดี จะถือว่าเป็นการระบุเฉพาะแต่ในตอนไต่สวนมูลฟ้องไม่ได้ ต้องถือว่าโจทก์มีความประสงค์ที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานในคดีนั้นตามบัญชีพยานของตนตลอดทั้งเรื่อง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2505 วาระพิเศษ)
โจทก์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่ประทับฟ้องความผิดบางกระทง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ และต่อมาได้พิพากษายกฟ้องความผิดกระทงที่ได้ประทับฟ้องไว้โดยถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ การที่โจทก์จะอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์และอุทธรณ์ คำพิพากษาศาลชั้นต้นด้วยนั้น ควรยื่นอุทธรณ์แยกกันเป็นคนละฉบับ
การระบุพยานของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง แม้บัญชีพยาน ของโจทก์จะมีคำว่า บัญชีระบุพยานชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ก็ดี จะถือว่าเป็นการระบุเฉพาะแต่ในตอนไต่สวนมูลฟ้องไม่ได้ ต้องถือว่าโจทก์มีความประสงค์ที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานในคดีนั้นตามบัญชีพยานของตนตลอดทั้งเรื่อง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2505 วาระพิเศษ)
โจทก์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่ประทับฟ้องความผิดบางกระทง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ และต่อมาได้พิพากษายกฟ้องความผิดกระทงที่ได้ประทับฟ้องไว้โดยถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ การที่โจทก์จะอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์และอุทธรณ์ คำพิพากษาศาลชั้นต้นด้วยนั้น ควรยื่นอุทธรณ์แยกกันเป็นคนละฉบับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเฉลี่ยหนี้จากการยึดทรัพย์: กำหนดเวลา 14 วันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจำเลยคนเดียวกันในคดี 2 สำนวน โดยมิได้รวมพิจารณาพิพากษาโจทก์นำยึดทรัพย์จำเลยในคดีแรกสำนวนเดียวแล้วขายทอดตลาด มีเจ้าหนี้อื่นมาร้องขอเฉลี่ยในกำหนดเวลา โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้เอาหนี้ในคดีหลังอีกสำนวนหนึ่งมารวมกับหนี้ในคดีแรกเพื่อคิดเฉลี่ยให้โจทก์ด้วย ดังนี้ ถือว่าเป็นคำร้องขอเฉลี่ย เมื่อยื่นเกิน 14 วัน ย่อมหมดสิทธิตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการระบุพยานเพิ่มเติมในคดีขัดทรัพย์ แม้โจทก์ยังติดใจพยานเอกสารที่ยังไม่ได้นำสืบ
ในคดีร้องขัดทรัพย์ ศาลกำหนดให้ โจทก์นำสืบก่อน เมื่อโจทก์สืบพยานบุคคลแล้ว โจทก์แถลงว่าหมดพยานบุคคลแล้ว คงติดใจอ้างพยานเอกสารซึ่งได้ขอให้ศาลเรียกมาแล้วแต่ยังไม่ได้มา ดังนี้ จะถือว่าการสืบพยานหลักฐานของโจทก์เสร็จแล้วยังไม่ได้ ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรค 2 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2505 ระเบียบวาระพิเศษ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานเพิ่มเติมในคดีขัดทรัพย์: เอกสารเป็นพยานหลักฐานประเภทหนึ่ง
ในคดีร้องขัดทรัพย์ ศาลกำหนดให้โจทก์นำสืบก่อนเมื่อโจทก์สืบพยานบุคคลแล้ว โจทก์แถลงว่าหมดพยานบุคคลแล้ว คงติดใจอ้างพยานเอกสารซึ่งได้ขอให้ศาลเรียกมาแล้วแต่ยังไม่ได้มาดังนี้ ถือว่าการสืบพยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่เสร็จ เพราะเอกสารก็เป็นพยานหลักฐานอย่างหนึ่งเหมือนกันฉะนั้น ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเสียหายจากการปลอมเอกสารซื้อขายและกู้เงิน ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง
โจทก์ได้ทำสัญญาซื้อที่ดินกับผู้มีชื่อคนหนึ่งและให้มัดจำไว้แล้วต่อมาจำเลยได้ทำสัญญาขึ้นฉบับหนึ่งแบบเดียวกับที่โจทก์ทำ อันเป็นความเท็จว่าจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินดังกล่าวแล้วนำไปแสดงเพื่อขอกู้เงินกับผู้มีชื่ออีกคนหนึ่งเช่นนี้ เรียกว่าโจทก์มิได้รับความเสียหายฉะนั้น จึงไม่มีอำนาจดำเนินคดีอาญากับจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เสียหายในคดีปลอมแปลงเอกสาร การฟ้องดำเนินคดีอาญาต้องมีผู้เสียหายโดยตรง
โจทก์ได้ทำสัญญาซื้อที่ดินกับผู้มีชื่อคนหนึ่งและให้มัดจำไว้แล้ว ต่อมาจำเลยได้ทำสัญญาขึ้นฉบับหนึ่งแบบเดียวกับที่โจทก์ทำ อันเป็นความเท็จว่า จำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินดังกล่าวแล้วนำไปแสดงเพื่อขอกู้เงินกับผู้มีชื่ออีกคนหนึ่งเช่นนี้ เรียกว่า โจทก์มิได้รับความเสียหายฉะนั้น จึงไม่มีอำนาจดำเนินคดีอาญากับจำเลยได้